ลิเวอร์พูล เดินทางถึงแผ่นดินสเปน และไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเมื่อพวกเขาลงสนามฝึกซ้อมทันที เพื่อเตรียมความพร้อมในการดวลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สนามว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้
    การฟาดฟันกันของสองสโมสรในประเทศอังกฤษถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แถมทั้งสองทีมมีกุนซือที่นิยมการเล่นฟุตบอลแบบเอนเตอร์เทน ยิ่งทำให้หลายคนคาดการณ์กันว่านัดชิงในปีนี้ มีโอกาสได้เห็นการเปิดฉากซัดประตูกันแบบไม่ให้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว

    สำหรับ "หงส์แดง" หลังจากที่มีโอกาสได้ลงฝึกซ้อมที่สนามเหย้า "ตราหมี" แอตเลิตโก มาดริด สังเวียนชิงโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นสัญญาณต่างๆ ที่น่าสนใจ

1. ฟีร์มีโน่ ฟิตเต็มถัง
    สำหรับเรื่องสภาพความฟิตของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าชาวบราซิเลียน ตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยืนยันชัดเจนผ่านการแถลงข่าวก่อนเกมสำคัญเรียบร้อยแล้ว

    อย่างไรก็ตามหากใครที่เล่นฟุตบอลจะรู้ว่าการที่ไม่ได้ลงสนามหลายสัปดาห์จำเป็นต้องเรียกจังหวะการเล่นกลับมาให้ได้ ซึ่ง ฟีร์มีโน่ ก็ต้องเจอกับสถานการณ์นี้ และแน่นอนว่าสตาร์ลูกหนังชาวบราซิเลียนต้องเรียกฟอร์มที่สุดยอดกลับมาคืนให้ทันค่ำคืนวันเสาร์นี้

    ไม่บ่อยนักที่ ฟีร์มีโน่ ต้องลงเล่นในฐานะตัวสำรอง อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ คงจะจับนักเตะลงสนามในฐานะตัวจริงแน่นอน อย่างไรก็ตาม สาวก "เดอะ ค็อป" น่าจะยิ้มได้เพราะหากมองดูสภาพของนักเตะในช่วงฝึกซ้อมต้องบอกว่าดูดีมากๆ และงานนี้แนวรับ สเปอร์ส ได้เจองานหนักแน่

 2. ใครจะได้ลงคุมแดนกลาง
     สำหรับหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่ ลิเวอร์พูล ยากจะตัดสินใจว่าจะส่งใครลงสนามนั่นก็คือ "กองกลาง" เพราะ คล็อปป์ มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากมาย ฉะนั้นนี่เป็นงานที่ยากลำบากมากๆ สำหรับ นายใหญ่ชาวเยอรมัน แต่หากมองอีกมุมก็คือเป็นเรื่องดีที่มีตัวเลือกเยอะแบบนี้

    คล็อปป์ คงเครียดสุดๆ ในการเลือกผู้เล่นสามจากสี่ในแผงกองกลางลงเล่นตัวจริงแมตช์ชิงแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป กระนั้นไม่ว่าใครจะได้ลงเล่นสาวก "เดอะ ค็อป" ต่างก็มั่นใจว่า กุนซือเลือดด๊อยท์ช ได้คัดสรรดีแล้วว่านักเตะคนนี้เหมาะสมทุกประการในแมตช์นี้

    แม้ว่าหลายเสียงอาจจะมองว่า เจมส์ มิลเนอร์ น่าจะได้ลงเล่นตัวจริง แต่งานนี้คาดวา คล็อปป์ น่าจะใช้นักเตะจอมเก๋ารายนี้ในฐานะตัวสำรอง เพราะเขามักจะทำได้ดีเวลาที่ลงเล่นเป็นยางอะไหล่

3. โชคเลือกข้างไหน ? 
    แม้ว่าจะมีหลายคนพูดเกี่ยวกับความสุดยอดของ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีกเพราะพวกเขามีแต้มเหลือกว่า สเปอร์ส หลายคะแนน (แต่ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ลีก) และใช้ตรรกะคาดการณ์ว่าผลงานในลีกดีแบบนี้ก็สมควรที่จะคว้าชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

    อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งที่ทีมผลงานดีเยี่ยมแต่สุดท้ายแล้วโชคลาภวาสนาไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกันก็ต้องแห้วกันไป ฉะนั้นตอนนี้บรรดาสาวก "เดอะ

    คงจำกันได้เมื่อ 12 เดือนก่อน หรือในรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยใบโตยุโรปกับ เรอัล มาดริด ทัพ "หงส์แดง" ต้องเสีย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตั้งแต่ต้นเกมเมื่อได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันก็โชว์ห่วยทำผิดพลาดมหันต์จนทีมเสียประตูแบบไม่น่าเสีย โดยตอนนั้นดูเหมือนโชคชะตาจะสวมเสื้อ "ราชันชุดขาว"

    ฉะนั้น "โชค" เป็นเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล รู้สึกหวาดหวั่น แต่การที่ทีมมีนักเตะอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่ รวมทั้ง ซาลาห์ (ที่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อน) อาจจะช่วยทำให้ทีมมีความสงบมากยิ่งขึ้น

4.  เกมนัดชิงอาจวัดกันที่ตัวสำรอง ?
    คล็อปป์ และ โปเช็ตติโน่ มีตัวสำรองให้เลือกใช้งาน 12 ราย แถมพวกเขาอาจจะเลือกใช้ตัวสำรองคนที่ 4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ฉะนั้นมีความเป็นไปได้นว่าเกมนัดชิงปีนี้อาจจะวัดแชมป์กันที่ตัวสำรองเหมือนกับฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่อ แกเร็ธ เบล ถูกส่งลงมาเล่น และกลายเป็นฮีโร่ตัวจริงเมื่อซัด 2 ประตู นำ เรอัล มาดริด คว่ำ "เดอะ เร้ดส์"

    ในเรื่องของเกมรุก นักเตะคนแรกที่ คล็อปป์ จะส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองก็คือ ดิว็อค โอริกี้ ซึ่งทุกๆ คนคงจำกันได้ว่าเขาช่วยทีมได้อย่างสุดยอดในเกมรอบรองชนะเลิศ ที่พลิกนรกเอาชนะ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า นัดสอง ภายในที่สนามแอนฟิลด์

    ฉะนั้นหากคุณภาพของกำลังสำรองของฝ่ายไหนเหนือกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทีมนั้นจะได้ชูโทรฟี่ "หูกาง" แต่ถ้าทีมไหนมีคุณภาพของกำลังสำรองไม่สามารถทดแทน 11 ตัวจริงได้ งานนี้มีสิทธิ์ต้องน้ำตาเช็คหัวเข่า
 

5. คล็อปป์ กับอาถรรพ์ชิงบอลถ้วย
    แฟนบอลลิเวอร์พูล ต่างรู้อยู่แก่ใจว่า คล็อปป์ คือกุนซืออัจฉริยะสามารถสร้างแรงกระตุ้นให้กับลูกทีม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกๆ คนหวั่นใจก็คือสถิติที่ไม่ค่อยสวยหรูของเขาในการคุมทีมลงเล่นในเกมแบบนัดเดียวตัดสินแชมป์ เพราะเจ้าตัวแพ้เรียบวุธในการชิง 6 ครั้งหลังสุด

    "หงส์แดง" ภายใต้การบริหารงานดีมีคุณภาพของ คล็อปป์ เป็นทีมที่เล่นสนุกเร้าใจ เกมรุกดุดัน ที่สำคัญเรื่องยอมแพ้ไม่เคยมีอยู่ในหัวของนักเตะ เพราะ นายใหญ่ชาวเยอรมัน กระตุ้นลูกทีมให้สู้เพื่อแฟนบอล และเพื่อสโมสร สิ่งนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนในเกมกับ บาร์ซ่า

    กระนั้นสิ่งเดียวที่ยังคงเป็นมลทินในชีวิตของ คล็อปป์ ก็คือการนำทีมลงเล่นในฟุตบอลถ้วยแล้วมักจะแพ้นัดชิง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ยากจะอธิบายได้จริงๆ และในเกมดวลกับ สเปอร์ส หลายคนยังคงหวั่นใจสถิติในด้านลบของกุนซือรายนี้ ว่าจะกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง

7 เกมนัดชิงฟุตบอลถ้วยภายใต้การคุมทัพของ คล็อปป์
12 พ.ค. 2012 : นัดชิง เดเอฟเบ โพคาล - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 5-2 ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน
25 พ.ค. 2013 : นัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 1-2 ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน
17 พ.ค. 2014 : นัดชิง เดเอฟเบ โพคาล - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-2 ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน
30 พ.ค. 2015 : นัดชิง เดเอฟเบ โพคาล - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แพ้ โวล์ฟสบวร์ก 1-3 ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน
28 ก.พ. 2016 : นัดชิง ลีก คัพ (คาราบาว คัพ) - ลิเวอร์พูล แพ้จุดโทษ แมนฯ ซิตี้ 1-3 (เสมอในเวลา 120 นาที 1-1) ที่สนามเวมบลีย์
18 พ.ค. 2016 : นัดชิง ยูโรปา ลีก - ลิเวอร์พูล แพ้ เซบีย่า 1-3 ที่สนามเซนต์ จาค็อป-พาร์ค  ในกรุงบาเซิ่ล
26 พ.ค. 2018 : นัดชิม แชมเปี้ยนส์ ลีก - ลิเวอร์พูล แพ้ เรอัล มาดริด 1-3 ที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเคียฟ

    สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ลิเวอร์พูล แพ้เกมนัดชิงเดือนพฤษภาคมเรียบวุธ สงสัย คล็อปป์ ไม่ถูกโฉลกกับเดือนนี้หรือเปล่า ไม่ต้องหาคำตอบ เดี๋ยวรอชมในค่ำคืนวันเสาร์นี้ ทุกอย่างก็จะกระจ่างชัด