ไม่ขอสาธยายอะไรมากมาย และขอสรุปเพียงสั้นๆในเกมรอบตัดเชือกศึก "คิงส์คัพ 2019"

1. ไม่มีเวลาหายใจ
ครึ่งแรกบอกคำเดียว เวียดนามเขาเหนือกว่าทุกกระบวนท่า ทั้งเพรสซิ่ง , การเล่นเป็นทีม , วิ่งใส่แบบไม่ยั้ง เห็นได้ว่าแตกต่างกันชัดเจน สิ่งที่เราเหนือกว่ามีอย่างเดียวก็คือ กองเชียร์ที่มาชมกันเต็มสนามนี่แหละ

2. วันที่ไร้ "ชนาธิป"
การขาดหายไปของ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธิ์ เห็นได้ชัดแจ่มแจ้งเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าเกมรุกของทีมชาติไทยไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรจะเป็น ตัวกระชากลากเลื้อยเกมนี้เป็น สุภโชค สาระชาติ มองดูแล้วยังไม่สามารถเทียบกันได้เลย

3. ตรงกลางครองบอลไม่ได้
การที่ส่งผู้เล่นมาในระบบ 3-5-2 อีกทั้งการจัดตัวของ "โค้ชโต่ย" ยังดูไม่ค่อยเข้าตา การส่ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และสารัช อยู่เย็น ลงมาคุมแดนกลางดูยังไม่ลงตัวเท่าที่ควรจะเป็น แต่พอครึ่งหลังสารัชถูกถอดออกไป และส่ง สุมัญญา ปุริสาย ลงมาเล่นแทน เกมรุกของไทยดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

4. ประตูที่เสีย
แน่นอนว่าผู้รักษาประตูจะมีความผิดพลาดกันได้ อย่างลูกที่เราเสียในนาทีสุดท้ายของเกม เหงียน อันห์ ดุ๊ค โหม่งจ่อๆทำให้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ พยายามชกบอล แต่ทว่าบอลดันย้อนกลับไปชนคานและมาโดนตัวเองเข้าประตูไป แถมเป็นประตูชัยของแข้งสกุลเหงียนอีกด้วย

5. ยอมรับเป็นเบอร์สองอาเซียนหรือยัง
จากการที่เวียดนามได้แชมป์ซูซูกิ คัพ 2018 ต่อยอดทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชียนคัพ 2019 แถมในชุด ยู-23 ปี กุนซือโสมขาวอย่าง "ปาร์ค ฮัง ซอ " อัดไทยเละ 4-0 ขณะที่ไทย ตกรอบรองชนะเลิศซูซูกิ คัพ 2018 ก่อนตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในเอเชียนคัพ 2019 ... และล่าสุด เวียดนาม บุกมาเฉือน "ช้างศึก" ในคิงส์คัพ 2019 คาถิ่นสยามเมืองยิ้ม 1-0

ถึงเวลาหรือยังที่เราจะยอมรับว่า ปัจจุบันเวียดนามคือนัมเบอร์วันลูกหนังอาเซียนตัวจริงเสียงจริง !