เป็นเกมที่ อากิระ นิชิโนะ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นที่เรียกมาได้ลงสนามกันหลายคน โดย ธีรศิลป์ แดงดา โขกพังประตูให้ทีมชาติไทย ขึ้นนำไปก่อน แต่มาถูกตีเสมอในช่วงครึ่งหลัง และจบเกมเจ๊ากันไป 1-1

นิชิโนะ เปิดโอกาส
    ทีมชาติไทย มาในระบบ 4-2-3-1 อากิระ นิชิโนะ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายอื่นๆ ลงสนาม อย่างเช่น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูจาก โอเอช ลูเวิน , นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็กขวาจอมบุกจาก การท่าเรือ ได้ลงสนาม รวมถึง ศศลักษณ์ ไหประโคน และ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าจาก เอสซีจี เมืองทอง ที่ได้ลงสนามในนามทีมชาติครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

    คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ถอย ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ลงมายืนคู่จับ มานูเอล ทอม เบียร์ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ มิดฟิลด์คู่กลางยังเป็น "ตังค์-เต้" สารัช อยู่เย็น กับ พิธิวัตต์ สุขจิตรธรรมกุล โดย "เจ้าบุ้ค" เอกนิษฏ์ ปัญญา ลงลากเลื้อยทำเกมรุก

    อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายของทีมชาติไทย นอกเหนือจากที่ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก่อนหน้านี้ คือ "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ที่มีชื่อเป็นตัวจริง มาได้รับบาดเจ็บระหว่างวอร์ม อัพ ซึ่งทำให้ "เจ้ามิงค์" กรกช วิริยะอุดมศิริ ลงมาประจำการแบ็กซ้ายแทน

ลูกเซต พีซ เห็นผล
    ทีมชาติไทย ได้เล่นลูกเซต พีซ เข้าทำหลายครั้งโดยผู้รับหน้าที่คือ สารัช อยู่เย็น และก็มาประสบผลสำเร็จในนาที 34 โดยเป็น ธีรศิลป์ สอดจากแถวสองขึ้นมาโขกเข้าประตู ซึ่งก่อนหน้าที่จะได้ลูกนี้ เราจะเห็นได้ว่า ไทย มีโอกาสเล่นลูกลักษณะนี้ 2-3 ครั้ง และมันก็เห็นผล

    ในเกมที่ไม่มีโอกาสจบสกอร์มากนัก การเล่นลูกลักษณะนี้จะเป็นหนึ่งอาวุธเด็ดที่ไว้เข้าทำคู่แข่ง ซึ่ง นิชิโนะ น่าจะวางแผนการเล่นนี้เอาไว้บ้างแล้ว

ปัญหาใหญ่
    เห็นได้ชัดเลยว่าการขาดหายไปของ ธีราทร ส่งผลเสียหายแค่ไหน จริงอยู่ที่ กรกช ไม่ได้เล่นแย่ขนาดที่จะทดแทนไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าตัวยังทำผลงานไม่เนียนเท่าไหร่หากเทียบกับเจ้าของสัมปทานเดิม

    แบ็กสองข้างของทีมชาติไทย โดนเจาะบ่อยมาก โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ คองโก แก้เกมมาดีและอาศัยลูกโต้กลับคอยเล่นงานแล้วก็ได้ผลกับลูกยิงตีเสมอ

เห็นเค้าตัวจริงนัดหน้าลางๆ
    อย่างที่บอกไปข้อที่ 1 ว่ามีใครลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง ซึ่งบรรดาแข้งตัวจริงต่างถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง ไม่ว่าจะ ธีรศิลป์, พิธิวัตต์, สารัช รวมถึง ทอม เบียร์ นั่นอาจหมายความว่า นิชิโนะ น่าจะส่งผู้เล่นเหล่านี้ลงเป็นตัวจริงในเกมที่จะเจอกับ สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์

    ส่วนตัวสำรองที่ลงมา คนที่มีบทบาทมากที่สุดหนีไม่พ้น บดินทร์ ผาลา ที่ได้ลากเลื้อย แล้วมีโอกาสสับไก 2 หน ด้าน ศิวกร ที่ลงมาแทน พิธิวัตต์ ก็อาศัยลูกขยันวิ่งเติมเกมบ่อยครั้ง ขณะที่ ศุภณัฏฐ์ สร้างความปั่นป่วนได้หลายรอบและเรียกฟาวล์ให้กับทีมในช่วงท้ายเกม

    คนที่หายไปเลยในครึ่งหลังคือ ศุภชัย ที่ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่

เจอ ยูเออี ไหวไหม?
    ต้องมาลุ้นกันว่า ธีราทร จะฟิตทันพอจะลงเล่นในเกมวันอังคาร หน้าได้หรือไม่ ส่วนคู่เซ็นเตอร์ วันนี้ไม่มี พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ต้องเช็กความฟิตอีกคนเช่นกัน

    ตามคำให้สัมภาษณ์ก่อนเกมนี้ นิชิโนะ บอกเองว่า คองโก เป็นทีมที่ดีกว่า ยูเออี ถ้าหากวัดจากฟอร์มเกมวันนี้ถือว่า ทีมชาติไทย ทำได้ดีระดับหนึ่ง เล่นได้ตามแผนของเฮดโค้ชเลือดซามูไร

    ความเหนื่อยล้าของการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญที่เห็นได้ชัดว่าคู่แข่งก็มีแผ่วเหมือนกัน และ เกมหน้า ยูเออี ก็ต้องเดินทางจากตะวันออกกลาง ความได้เปรียบของไทย แน่นอนคือ สภาพร่างกายที่ฟิตกว่า

    การเพรสซิ่ง คือจุดที่ นิชิโนะ หวังให้ไทยทำได้ตลอดการแข่งขัน และอีกจุดคือลูกเซต พีซ ที่เป็นอาวุธของทีมชาติไทยในยุค นิชิโน