"สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ทำได้สำเร็จตามคาด สำหรับการคว้าตั๋วเข้าไปลุยศึก ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ช่วงกลางปีหน้า หลังเปิดสังเวียนแข้ง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม กระซวกโหด มอนเตเนโกร 7-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้มี 10 ทีมแล้วที่ได้เข้าไปอวดโฉมในรอบสุดท้าย (รอบสุดท้ายมี 24 ทีม โดย 20 ทีมมาจากแชมป์และรองแชมป์แต่ละกลุ่ม + 4 ทีมจากการเตะเพลย์ออฟ) ซึ่งนอกจาก อังกฤษ แล้ว เมื่อคืนยังมีอีก 3 ทีมที่ได้ตั๋ว แต่จะเป็นทีมไหนบ้างนั้น เราไปหาคำตอบกัน

*กลุ่ม เอ*

ชัยชนะสุดอลังการเหนือ มอนเตเนโกร ทำให้ อังกฤษ การันตีการผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเรียบร้อย แถมเป็นการเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม เอ ด้วย ขณะที่ สาธารณรัฐเช็ก ก็คว้าตั๋วเข้ารอบในฐานะทีมรองแชมป์กลุ่ม ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ โคโซโว ทีมคู่แข่งโดยตรง 2-1 ทำให้กลุ่ม เอ ไม่มีอะไรต้องลุ้นแล้วกับสองอันดับแรก ส่วน บัลแกเรีย แม้รั้งบ๊วยของกลุ่ม แต่แอบมีลุ้นได้สิทธิ์เข้าไปเตะในรอบเพลย์ออฟ โดยเกมสุดท้ายจะดวลกับ สาธารณรัฐเช็ก วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้

สรุปอันดับ
    1. อังกฤษ (Q) : แข่ง 7 นัด, 18 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 33-6)
    2. สาธารณรัฐเช็ก (Q) : แข่ง 7 นัด, 15 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 13-10)    
    3. โคโซโว (A) : แข่ง 7 นัด, 11 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 13-12)   
    4. มอนเตเนโกร (E) : แข่ง 8 นัด, 3 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 3-22)   
    5. บัลแกเรีย (Y) : แข่ง 7 นัด, 3 แต้ม (ประตูได้/เสีย 5-17)
    (หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; A = ได้ลุ้นต่อในรอบเพลย์ออฟ; Y = ไม่ได้เข้ารอบโดยตรง แต่อาจได้ไปเตะในรอบเพลย์ออฟ)

*กลุ่ม บี*

ยูเครน การันตีแชมป์กลุ่ม และคว้าตั๋วลุยรอบสุดท้ายตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมแล้ว ดังนั้นที่ต้องแย่งกันตอนนี้คือตำแหน่งรองแชมป์กลุ่ม ซึ่งถือว่าลุ้นกันสนุกเลยทีเดียวระหว่าง โปรตุเกส กับ เซอร์เบีย ที่ต่างคว้าชัยชนะได้ในการลงเตะเมื่อคืน (ชนะ ลิทัวเนีย 6-0, ชนะ ลักเซมเบิร์ก 3-2 ตามลำดับ) โดยทั้งสองจะต้องไปวัดกันในแมตช์สุดท้ายวันที่อาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดย โปรตุเกส ที่มีภาษีดีกว่า มีคิวบุกไปเยือนทีมสมันน้อยอย่าง ลักเซมเบิร์ก ส่วน เซอร์เบีย จะเปิดบ้านดวล ยูเครน ซึ่งถ้าหากทัพ "ฝอยทอง" ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้าชัยได้ ก็จะเข้ารอบทันทีแบบไม่ต้องลุ้นผลการแข่งขันของ เซอร์เบีย

สรุปอันดับ
    1.  ยูเครน (Q) : แข่ง 7 นัด, 19 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 15-2)
    2. โปรตุเกส (X) : แข่ง 7 นัด, 14 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 20-6)   
    3. เซอร์เบีย (X) : แข่ง 7 นัด, 13 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 15-15)   
    4. ลักเซมเบิร์ก (Y) : แข่ง 7 นัด, 4 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 7-14)   
    5. ลิทัวเนีย (E) : แข่ง 8 นัด, 1 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 5-25)
    (หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; X = ได้เตะเพลย์ออฟเป็นอย่างน้อย; Y = ไม่ได้เข้ารอบโดยตรง แต่อาจได้ไปเตะในรอบเพลย์ออฟ)

*กลุ่ม เอช*

กลุ่มนี้ได้ครบสองทีมแล้ว ซึ่งเป็น ฝรั่งเศส กับ ตุรกี ที่ได้สิทธิ์เข้าไปลุยในรอบสุดท้ายเรียบร้อย โดยเมื่อคืน ตุรกี ลงเตะก่อนเพื่อน แม้ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ ไอซ์แลนด์ 0-0 แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเข้ารอบ พร้อมกับส่งผลให้ทีม "ตราไก่" คว้าตั๋วเข้ารอบตามไปด้วย ทำให้ลงเตะกับ มอลโดวา แบบไม่ต้องลุ้นอะไร ก่อนเบียดซิวชัยหวุดหวิด 2-1 ดังนั้นอีก 1 เกมที่เหลือ กลุ่มนี้ลุ้นแค่ว่าใครจะเป็นแชมป์กลุ่มระหว่าง ตุรกี กับ ฝรั่งเศส ส่วน ไอซ์แลนด์ ลุ้นคว้าสิทธิ์ไปเตะเพลย์ออฟ

สรุปอันดับ
    1.  ฝรั่งเศส (Q) : แข่ง 9 นัด, 22 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 23-6)
    2. ตุรกี (Q) : แข่ง 9 นัด, 20 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 16-3)   
    3. ไอซ์แลนด์ (Y) : แข่ง 9 นัด, 16 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 12-10)   
    4. แอลเบเนีย (E) : แข่ง 9 นัด, 13 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 16-12)   
    5. อันดอร์ร่า (E) : แข่ง 9 นัด, 4 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 3-18)
    6. มอลโดวา (E) : แข่ง 9 นัด, 3 แต้ม (ประตูได้/เสีย : 3-24)
    (หมายเหตุ : Q = เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย; E = ตกรอบ; Y = ไม่ได้เข้ารอบโดยตรง แต่อาจได้ไปเตะในรอบเพลย์ออฟ)

*สรุป 10 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายเรียบร้อย*
    - เบลเยียม (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2019)
    - อิตาลี (แชมป์กลุ่ม เจ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2019)
    - รัสเซีย (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม ไอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
    - โปแลนด์ (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม จี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2019)
    - ยูเครน (แชมป์กลุ่ม บี : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2019)
    - สเปน (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอฟ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2019)
    - ตุรกี (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
    - ฝรั่งเศส (แชมป์หรือรองแชมป์กลุ่ม เอช : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
    - อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)
    - สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์กลุ่ม เอ : การันตีเข้ารอบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019)