แม็คโทมิเนย์ ฟันเฟืองที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้
Posted 05/12/2019 by siamsport
หลังจากเสมอในลีกมา 2 นัดก่อนหน้านี้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (3-3) และ แอสตัน วิลล่า (2-2) ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลับมาสะกดคำว่า "ชนะ" ในลีกได้อีกครั้ง แถมยังเป็นเกมที่หลายคนคิดว่าพวกเขามีโอกาสได้ 3 แต้มน้อยอีกต่างหาก จากการที่เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คว้าชัยเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันพุธที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าสำหรับหลายคนแล้วนั้น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้คงจะหนีไม่พ้น มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าชาวอังกฤษของเจ้าถิ่นที่ทำคนเดียว 2 ประตู จนทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทืม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องผิดหวังในการกลับมาเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม อีก 1 คนที่ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เหมือนกันก็คือ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยเกมนี้กองกลางชาวสกอตต์กลับมาช่วยทีมได้หลังจากเจ็บข้อเท้าจนอดช่วยทีมใน 2 นัดก่อนที่ต้นสังกัดเก็บได้แค่ผลเสมอทั้งคู่ ซึ่งใน 2 นัดที่ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แก้ปัญหาด้วยการส่ง อันเดรียส เปเรยร่า ลงเล่นคู่กับ เฟร็ด แทน และสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมกับ สเปอร์ส ก็ตอกย้ำเป็นอย่างดีว่า แม็คโทมิเนย์ แทบจะเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้มากที่สุดไปแล้ว และ เปเรยร่า ก็ไม่สามารถทดแทนเขาได้
- เกมรับ
โซลชา อาจจะชื่นชอบ เปเรยร่า อย่างมาก จนถึงขนาดที่ออกมากางปีกป้องมิดฟิลด์เชื้อสายบราซิเลียนรายนี้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เปเรยร่า ก็ไม่ใช่กองกลางตัวรับอาชีพ เขาเข้าข่ายมิดฟิลด์ตัวรุกที่ควรยืนหลังกองหน้ามากกว่า และถ้าจะบอกว่าให้ เปเรยร่า รับบทปั้นเกม พร้อมกับให้ เฟร็ด มาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแทน มันก็ไม่เหมาะอยู่ดี เพราะ เฟร็ด ก็ไม่ใช่กองกลางตัวรับตามธรรมชาติเหมือนกัน
ทั้งนี้ เปเรยร่า ช่วยเกมรับได้น่าผิดหวังใน 2 เกมก่อนหน้านี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยในเกมกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด เปเรยร่า ทั้งสกัดแย่งบอลไม่ได้เลย และตัดบอลไม่ได้แม้แต่หนเดียว ซ้ำร้ายยังถูกจับฟาวล์ 2 หนอีกต่างหาก ส่วนเกมกับ วิลล่า เขาก็ไม่มีจังหวะสกัดโดนบอลหรือตัดบอลได้เลยเหมือนกัน พร้อมกับเสียฟาวล์ไป 2 หน และทั้ง 2 นัดนั้นเขาก็ไม่มีจังหวะช่วยเคลียร์บอลพ้นพื้นที่อันตรายเลย
ในทางกลับกัน เกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแม้ว่าจะต้องเจอกับแนวรุกของ สเปอร์ส ที่โหดกว่าของทั้ง เชฟฯ ยูไนเต็ด และ วิลล่า แต่ แม็คโทมิเนย์ ก็ยังสามารถตัดบอลได้ถึง 3 ครั้ง, ช่วยเคลียร์บอลให้พ้นพื้นที่อันตรายได้ 1 หน แถมยังเสียฟาวล์แค่ครั้งเดียวอีกต่างหาก
- การผ่านบอลไกล
ในเกมกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด เปเรยร่า ผ่านบอลเข้าเป้าโดยรวมเพียง 67.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การผ่านบอลระยะไกลของเขาก็เข้าเป้าเพียง 6 หน จากการจ่ายบอลยาว 13 ครั้ง ส่วนในเกมกับ วิลล่า แม้ว่าเขาจะมีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลเข้าเป้าสูงถึง 83.6 เปอร์เซ็นต์ แต่หลักๆ แล้วมันเป็นเพียงการแตะบอลสั้นๆ โดยเขาผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้าเพียง 3 ครั้ง จากทั้งหมด 7 หน
ด้าน แม็คโทมิเนย์ สามารถผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้า 4 หน จากทั้งหมด 8 ครั้ง ในเกมกับ สเปอร์ส โดยถ้าคิดเป็นอัตราส่วนก็ถือว่าสูงกว่าที่ เปเรยร่า ทำได้ใน 2 เกมก่อนหน้านี้ ส่วนเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลเข้าเป้าโดยรวมของเขาอยู่ที่ 76.5 เปอร์เซ็นต์
- คู่ขาที่ดีของ เฟร็ด
ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นคู่ควรกับค่าตัว 52 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,976 ล้านบาท) ที่ทีมจ่ายไปเพื่อดึงเขามาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน แต่ในฤดูกาลนี้ เฟร็ด ก็ยังมีบางนัดที่ทำผลงานได้น่าประทับใจ ตรงกันข้ามกับซีซั่นก่อนที่แทบจะไม่มีนัดไหนที่น่ายกนิ้วชมได้เลย
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ เฟร็ด มีผลงานดีขึ้นได้เป็นเพราะเขามีคู่หูในแดนกลางที่ดี นั่นคือ แม็คโทมิเนย์ โดยการได้ลงคู่กับกองกลางชาวสกอตต์มันช่วยให้ เฟร็ด สามารถเล่นอย่างมีอิสระได้ อย่างในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาก็สามารถให้ความสำคัญกับเกมบุกเพียงอย่างเดียวได้เต็มที่ จนทำให้ผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้าถึง 6 ครั้ง จากทั้งหมด 8 หน
ในทางตรงกันข้าม 2 นัดก่อนหน้านี้ที่ เฟร็ด ต้องยืนคู่กับ เปเรยร่า เขากลับไม่มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากเท่าไหร่ อย่างนัดกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องวุ่นอยู่กับการเล่นเกมรับจนทำให้ผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้าเพียง 2 หน จากทั้งหมด 6 ครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะหลายครั้งเขาต้องผ่านบอลในจุดที่ไม่เหมาะเท่าไหร่ โดยถึงแม้จะทำได้ดีขึ้นในเกมกับ วิลล่า ที่ผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้า 6 หน จากการจ่ายไกล 9 ครั้ง แต่ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนแล้วก็ยังด้อยกว่าผลงานในเกมกับ สเปอร์ส นิดหน่อย
ในมุมหนึ่ง มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีนักเตะซึ่งสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้แบบ แม็คโทมิเนย์ แต่ในทางกลับกัน มันก็ถือเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างมากที่ต้องมาพึ่งพานักเตะคนเดียวมากเกินไป แถมในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้นั้น นอกจาก แม็คโทมิเนย์ แล้วมันก็มีเพียง เนมานย่า มาติช แค่คนเดียวที่เป็นกองกลางตัวรับอาชีพที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งถ้าจะพูดตามตรงก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ มาติช ไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่าแล้ว และส่อแววจะย้ายทีมเต็มแก่
ถ้าจะไปดูในอะคาเดมี่ในตอนนี้นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มี เจมส์ การ์เนอร์ แข้งวัย 18 ปีที่เป็นกองกลางตัวรับตามธรรมชาติเหมือนกัน แต่เขาก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะฝากผีฝากไข้ได้เท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงเป็นโจทย์สำคัญของ โซลชา และทีมสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องทำยังไงถึงจะทำให้ แม็คโทมิเนย์ ไม่เจ็บจนต้องพักนานอีก หรือทำยังไงถึงจะหาคนอื่นที่จะมาเป็นตัวเลือกที่ดีในตำแหน่งกองกลางตัวรับเพิ่มได้
ไม่อย่างนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจจะสะดุดต่อเนื่องอีกครั้ง และทำให้ชัยชนะเหนือ สเปอร์ส มันไร้ค่าก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แมนยู 2-1 สเปอร์ส
"เดอะ สเปเชียล วัน" กลับมาเจอทีมเก่าชุดช้ำ หลังโดน มาร์คัส แรชฟอร์ด เหมาคนเดียวสองประตูพา แมนยู คว้าชัยเหนือ สเปอร์ส 2-1 หยุดความร้อนแรงของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ต้องเสียสถิติ ชนะรวด 3 เกมในทุกรายการ เก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนน พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ของตารางในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ผ่านมา
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
แมนซิตี้ พบ เรอัล มาดริด! โรดรี้ นำ 3 คีย์แมนคืนวัดราชันที่แบน 1-ฟันฉับสกอร์
วิเคราะห์บอล โรม่า พบ มิลาน! จับตาย ลูกากู ตัวแสบยูโรปา-ชิรูด์ คัมแบ็กต้องเฮ
วิเคราะห์บอล อตาลันต้า พบ ลิเวอร์พูล! ดีโอโก้ โชต้า คืนบังคับบุกรัว 4 พลิกนรกยูโรปา
จ่อมีเซอร์ไพรส์!นักข่าวดังชี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีแววคุมทีมชาติเยอรมัน
ทีมชาติไทย : เอราวัณ การ์นิเยร์ 'ความหวังใหม่ทัพช้างศึก'
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
"ศุภชัย" ซัดเบิ้ล! ไทย ทุบ คีร์ก...
โดนรัวครึ่งหลัง! ไทย บุกพ่าย ญี่...
คลิปไฮไลท์