กาเบรียล เชซุส จัดการเหมาคนเดียวสามประตูเป็นแฮตทริกไล่ถล่มเจ้าถิ่น ดินาโม ซาเกร็บ ไปแบบสนุก 4-1 ส่งผลให้กลุ่มนี้ "เรือใบสีฟ้า" ซิวแชมป์กลุ่มพร้อมกับควง อตาลันต้า ที่บุกไปดับฝันชัคตาร์ โดเนตสค์ถึงถิ่น 3-0 ควงกันเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป

สนาม : สตาดิโอน มัคซิเมียร์

    ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดินาโม ซาเกร็บ ยอดทีมจากโครเอเชีย ซึ่งรั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 5 คะแนน รับการมาเยือนของ แมนฯซิตี้ แชมป์กลุ่มนี้ที่คว้าตั๋วไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แน่นอนแล้ว หลังมี 11 คะแนน

    โดยเงื่อนไขของ ดินาโม ซาเกร็บ ที่จะเข้ารอบตาม "เรือใบสีฟ้า" คือต้องคว้าชัยในเกมนี้ก่อน แล้วไปลุ้น ชัคตาร์ฯ ไม่ชนะอตาลันต้าพวกเขาถึงจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์

    การจัดทัพของเจ้าถิ่นยังฝากความหวังล่าตาข่ายไว้ที่ บรูโน่ เป็ตโควิช หน้าเป้า โดยมี  ดานี่ โอลโม่, มิสลาฟ ออร์ซิช และดาเมียน คาดซิออร์ ที่คอยสนับสนุน ส่วนทางฝั่ง แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พัก เควิน เดอ บรอยน์ และราฮีม สเตอร์ลิง เป็นสำรอง แดนกลางส่ง ฟิล โฟเด้น ปั้นเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกัน ส่วนสามแนวรุกเป็น ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา

    ครึ่งแรก เริ่มเกมมาแค่ 10 นาที กลายเป็นเจ้าถิ่นที่ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ดาเมียน คาดซิออร์ ขึ้นเกมทางด้านขวาก่อนเปิดด้วยซ้าย โค้งมาเสาแรกให้ ดานี่ โอลโม่ สอดมาวอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับ บอลพุ่งผ่านมือ เคลาดิโอ บราโว่ เสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม

    นาที 19 "เรือใบสีฟ้า" เกือบได้ลูกตีเสมอ หลัง แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายต่อให้ อิลคาย กุนโดกัน ตะบันด้วยขวาจากนอกกรอบเต็มแรง แต่บอลยังโดน ลิวาโควิช นายด่านเจ้าถิ่นปัดออกไป

    นาที 29 แนวรับซิตี้เกือบพลาดเสียเม็ดที่สอง หลัง บรูโน่ เป็ตโควิช เทกตัวโขกเช็ดบอลให้ ดานี่ โอลโม่ ควบพาบอลเข้าไปในกรอบก่อนโดนเบียดให้ยิงเร็วบอลเหินคานออกไปแบบน่าเสียดาย

    เกมรุกของ ดินาโม มาเป็นชุดอีกสองนาทีถัดมา มิสลาฟ ออร์ซิช โฉบมาโขกจากลูกเตะมุมแต่ยังดี เคลาดิโอ บราโว๋ นายด่านเรือใบยังล้มตัวรับไว้ได้

    นาที 34 แมนฯซิตี้ มาไล่ตีเสมอ 1-1 จนได้บอลชุลมุนหน้ากรอบก่อน โรดรี้ จะจ่ายออกขวามาให้ ริยาด มาห์เรซ ตักบอลไปในกรอบให้ กาเบรียล เชซุส ขึ้นเทกโขกบอลลงพื้นตุงตาข่าย และจากจังหวะนี้ผู้เล่น ดินาโม ไม่พอใจเนื่องจากมีแข้งเจ้าถิ่นนอนเจ็บก่อนหน้านี้ แต่ไม่เป็นผลหลังผู้ตัดสินยืนยันการได้ประตู

    จบครึ่งแรก ดินาโม ซาเกร็บ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1

    กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง นาที 50 สกอร์กลายเป็น แมนฯซิตี้ พลิกแซงขึ้นไปนำเจ้าถิ่น 2-1 บอลขึ้นทางซ้าย เบนฌาแม็ง เมนดี้ จ่ายเข้ากลางสั้นๆให้ ฟิล โฟเด้น ก่อนเล่นหนึ่งสองกับ กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าไปล็อกด้วยซ้ายและปั่นหนีนายด่านเจ้าถิ่นด้วยขวาเข้ามุมเสาไกล และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้

    เท่านั้นไม่พอ นาที 54 แมนฯซิตี้ ทะยานนำโด่งเป็น 3-1 บอลจาก เมนดี้ เล่นชิ่งกับโฟเด้นก่อน เมนดี้ จะหลุดเข้าไปในกรอบทางซ้ายแล้วครอสบอลมาเสาไกลให้ กาเบรียล เชซุส กระโดดยิงด้วยขวาเข้าไปอย่างสวย และเป็นประตูที่ 3 แฮตทริกของ กาเบรียล เชซุส ในวันนี้

    นาที 66 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถอดเอา กาเบรียล เชซุส ออกแล้วส่ง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ลงเล่นแทน

    นาที 79 นิโกลัส โอตาเมนดี้ โขกจากลูกฟรีคิกไปโดน โดมินิค ลิวาโควิช ก่อน ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาตามซ้ำเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าของ โอตาเมนดี้ ก่อนทำให้สกอร์ยังเป็นทีมเยือนนำ 3-1 เหมือนเดิม

    นาที 84 ทีมเยือนมาพังประตูนำห่าง 4-1 จากจังหวะที่ กุนโดกัน แทงบอลทะลุแนวรับให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดถึงเส้นหลังก่อนตบมาเสาแรกให้ ฟิล โฟเด้น หวดด้วยซ้ายเข้าไป

    จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาดับฝัน ดินาโม ซาเกร็บ 4-1 เก็บสามแต้มมีเพิ่มเป็น 14 คะแนน ซิวแชมป์กลุ่ม ส่วนรองแชมป์กลุ่มเป็น อตาลันต้า ที่บุกไปคว้าชัยเหนือ ชัคตาร์ โดเนตสค์ 3-0 ควงกันเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยการจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม นี้

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        ดินาโม ซาเกร็บ (4-2-3-1) : โดมินิค ลิวาโควิช - เปตาร์ สโตยาโนวิช, อริยาน อเดมี่, เอเมียร์ ดิลาเวอร์, ฟร็องซัวส์ มูบ็องด์เฌ่ - นิโคล่า โมโร่, อาเมอร์ โกยัค (ลอฟโร่ เมเยอร์ น.81) - ดาเมียน คาดซิออร์ (มาร์โก กีร่า น.59), ดานี่ โอลโม่, มิสลาฟ ออร์ซิช (อิเซ็ต ฮาจ์โรวิช น.81) - บรูโน่ เป็ตโควิช  

        เทรนเนอร์ : เนนัด เบลิก้า

        แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เคลาดิโอ บราโว่ - ชูเอา กานเซโล่, นิโกลัส โอตาเมนดี้ (เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส น.82), เอริค การ์เซีย, เบนฌาแม็ง เมนดี้ - , อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้ (ราฮีม สเตอร์ลิง น.73), ฟิล โฟเด้น - ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส (โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.66), แบร์นาร์โด้ ซิลวา

        เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า  

        ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เดล เซร์โร่ กรานเด้ (สเปน)