ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เก่งบวกเฮง! ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เฉือน เวสต์แฮม

เก่งบวกเฮง! ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เฉือน เวสต์แฮม

Posted 25/02/2020 by siamsport

ลิเวอร์พูล ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" เสียวท้องน้อยพอสมควรกว่าจะเอาชนะ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" ทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปไกลสุดกู่ถึง 22 คะแนนเข้าไปแล้ว
    แมตช์นี้เกมรับของ "เดอะ เร้ดส์" ค่อนข้างไม่ปัญหาโดยเฉพาะการรับมือกับลูกเตะมุม แถมเกือบที่จะต้องเสียสถิติไม่แพ้ใคร แต่เดชะบุญที่ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ดันทำพลาดรับบอลลอดขาทำให้เจ้าบ้านได้ประตูตีเสมอ ก่อนจะได้ประตูชัยจาก ซาดิโอ มาเน่

 

 


 

    สำหรับตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะอีก 4 เกมจากทั้งหมด 11 แมตช์ก็เพียงพอที่จะปลดแอกแชมป์ลีกที่รอคอยมานาน 3 ทศวรรษ และงานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงกระตุ้นลูกทีมให้เดินหน้าเต็มสูบ เพื่อสานฝันให้กับแฟนบอล "หงส์แดง" ทั่วโลกได้มีความสุขกันซะที

 


1. โกเมซ บกพร่องเยอะ
    ต้องบอกว่าสาวก "เดอะ ค็อป" ค่อนข้างเสียวหัวใจสุดๆ กับแมตช์นี้ เพราะ เดวิด มอยส์ วางแผนมาดีมากๆ แถมการได้ประตูขึ้นนำช่วงต้นครึ่งหลังทำให้แฟนบอลเริ่มรู้สึกอึดอัดว่าพวกเขาจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่เหมือนกับแมตช์ออกไปแพ้ แอตเลติโก มาดริด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    สำหรับผลงานเกมรับของ "หงส์แดง" ในเกมนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อนน่าประทับใจมากนัก ในรายของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แมตช์นี้เล่นไม่ค่อยเด่นมากนัก แต่ที่อาการหนักก็คือ โจ โกเมซ เพราะเขาทำผิดพลาดหลายจังหวะ จนเป็นเหตุให้ทีมต้องเจอกับงานหนัก

 


 

    โดยจังหวะที่เสียประตูแรก โกเมซ ประกบ อิสซ่า ดิย็อป ไม่ดีพอ ขณะที่ประตูที่สองทั้ง โกเมซ กับ ฟาน ไดค์ ยืนห่างจาก ปาโบล ฟอร์นัลส์ ทำให้โดน มิดฟิลด์ชาวสแปนิช ได้โอกาสตวัดยิงประตูได้สบายๆ แถมในช่วงท้ายเกมทั้งคู่ยังเช็คล้ำหน้าพลาดทำให้ จาร์ร็อด โบเว่น หลุดเข้าไปดวลกับ อลิสซง เบ็คเกอร์ แต่งานนี้นายทวารชาวบราซิเลียน แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมเขาถึงได้รับการยกย่องให้เป็น โกลมือ 1 ของโลกในปัจจุบัน

    อย่างไรก็ตาม โกเมซ ยังพอจะได้รับคำชมอยู่บ้างนิดหน่อย จากจังหวะที่เขาตัดบอลหน้าประตู เวสต์แฮม ก่อนจะซัดเต็มข้อบอลแนวรับทีมเยือน และไปเข้าทาง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่กระดกให้ ซาดิโอ มาเน่ ยิงโล่งๆ สบายอุรา เป็นประตูชัยในเกมนี้

 


2. ฟาเบียนสกี้ ช่วย "หงส์แดง"
    บางครั้งฟุตบอลก็มีดราม่าแบบน่าเหลือเชื่อ เพราะแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล เกือบที่จะต้องน้ำตาตกจากฝีมือของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่แล้ว แต่ความผิดพลาดแบบไม่น่าเกิดขึ้นของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ที่ดันรับบอลลอดขาเข้าประตู ทำให้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในแมตช์นี้

    ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทัพ "ขุนค้อน" กำลังถือความได้เปรียบจากการได้ประตูขึ้นนำเจ้าบ้าน และมีโอกาสที่จะเล่นสวนกลับเพื่อทำประตูเพิ่ม ขณะที่ "หงส์แดง" ดูเหมือนเปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของ เวสต์แฮม แถม ฟาเบียนสกี้ ก็ทำผลงานได้ดี ป้องกันการยิงประตูของ "เดอะ เร้ดส์" ได้หลายครั้ง

 


 

    โดยเฉพาะจังหวะยิงไกลของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ ฟาเบียนสกี้ พุ่งปัดได้อย่างสุดยอด แต่บทที่เจ้าตัวจะพลาดก็พลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ผ่านบอลเลียดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงประตูทันที ซึ่งดูแล้วบอลไม่น่าจะมีอะไรเพราะตรงตัว นายทวารชาวโปแลนด์ แต่อยู่ดีๆ เขาดันเสียสมาธิรับลูกลอดขาหน้าตาเฉย จนเป็นประตูตีเสมอ และจุดประกายให้ ลิเวอร์พูล เดินเครื่องไล่ยำ จนกระทั่งได้ประตูชัย

    งานนี้ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เล่นไม่ค่อยดีนัก แม้จะครองเกมได้เยอะกระนั้นวิธีการเข้าทำยังคงรูปแบบเดิมๆ ทำให้คู่แข่งจับทางได้ แต่จากความผิดพลาดส่วนตัวของ ฟาเบียนสกี้ ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนนำไปสู่การคว้า 3 คะแนนสำคัญได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

 


3. เทรนต์-โรเบิร์ตสัน คู่ฟูลแบ็กจอมแอสซิสต์
    ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า ลิเวอร์พูล ใช้วิธีการเข้าทำด้วยการเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย และขวา ซึ่งได้ผลมาตลอดในฤดูกาลนี้ แต่แมตช์นี้ มอยส์ คงได้ดูเกมที่ แอตเลติโก มาดริด จัดการ "หงส์แดง" อยู่หมัด ก็เลยหวังจะใช้วิธีเดียวกัน แต่ "เดอะ แฮมเมอร์ส" ยังขาดความแน่นอนในการเล่นเกมรับเท่านั้น

    แมตช์นี้ทั้ง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน มีโอกาสเปิดบอลจากริมเส้นได้ตลอด แถมยังอันตรายทุกครั้งซะด้วย โดย "เจ้าหนูเทรนต์" สามารถทำสองแอสซิสต์ให้กับ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม และ ซาดิโอ มาเน่ ที่สำคัญเกือบทำแอสซิสต์ที่สามด้วย แต่น่าเสียดายจังหวะดังกล่าว มาเน่ ยืนล้ำหน้าไปก่อน

 

 

    สำหรับตอนนี้ แบ็กขวาเบอร์ 1 ทีมชาติอังกฤษ ทำสถิติแอสซิสต์ไปแล้ว 12 ครั้งในฤดูกาลนี้ กลายเป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในฤดูกาลเดียวของพรีเมียร์ลีก ซึ่งเทียบเท่ากับของตัวเองที่ทำเอาไว้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ยังห่างกับ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ทำเอาไว้ 16 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้

    ขณะที่ โรเบิร์ตสัน ก็ใช่ย่อยแมตช์นี้ก็ช่วยทีมได้เยอะมาก เพราะเติมเกมรุกได้ดี ส่วนเกมรับก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ ที่สำคัญยังเป็นคนเปิดบอลให้ "บังโม" ซัดประตูสุดมหาเฮงช่วยตีเสมอให้ทีม งานนี้ต้องยอมรับว่าสองฟูลแบ็ก "เดอะ เร้ดส์" เป็นกุญแจสำคัญสู่การลุ้นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีอย่างแท้จริง

 


4. คล็อปป์ ต้องแก้ไขลูกเตะมุม
    ตอนนี้ คล็อปป์ คงต้องรีบทำการบ้านเรื่องการรับมือลูกตั้งเตะ โดยเฉพาะจังหวะเตะมุม เพราะทีมเสียประตูในจังหวะแบบนี้โดยเฉพาะในเกมกับ แอตเลติโก มาดริด พวกเขาต้องตกเป็นรองตั้งแต่ต้นเกม จากการป้องกันลูกเตะมุมได้ไม่ดีพอ

 


 

    ขณะที่ในแมตช์รับมือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พวกเขาก็วางหมากหวังได้ประตูจากลูกตั้งเตะ และก็เป็นไปตามคาด เพราะการตั้งรับของ "เดอะ เร้ดส์" ในจังหวะแบบนี้ยังมีข้อบกพร่อง ซึ่งทำให้โดน อิสซ่า ดิย็อป กระโดดขึ้นโขกสบายๆ แถมทุกครั้งที่ "ขุนค้อน" ได้ลูกเตะมุม สามารถสร้างความหวาดเสียวให้กับแฟนบอลลิเวอร์พูล ได้ตลอด

    ฉะนั้นนี่คือจุดบกพร่องที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องรีบจับบรรดาลูกทีมเข้ามาติวเข้มเป็นการด่วน เพราะเชื่อได้เลยว่าคู่แข่งของลิเวอร์พูล จะเล่นแบบเดียวกันนี้ และหากไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดดังกล่าวได้ คงทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องเชียร์บอลแบบเสียวท้องน้อยอีกแน่นอน
 

 

5. ขออีก 4 เกมปลดแอก 30 ปีแห่งการรอคอย
    ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล มี 79 คะแนน ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 22 แต้ม และพวกเขาต้องการอีกแค่ 12 คะแนนเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในรอบ 3 ทศวรรษ

    เมื่อเช็คโปรแกรมของ "หงส์แดง" 4 แมตช์พวกเขามีคิวเยือน "แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด, ตามด้วยเปิดรังแอนฟิลด์รับมือ บอร์นมัธ และไปเยือน "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน, จากนั้นแมตช์ที่ 4 รับมือ คริสตัล พาเลซ

 

 

    ที่สำคัญช่วงเวลานี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่มีคิวเล่นเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และแมตช์ต่อไปที่พวกเขาจะต้องเจอก็คือการทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ เยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" คงถอดใจเชียร์ "ปีศาจแดง" เพราะหากพวกเขาหยุด "เรือใบสีฟ้า" ได้ โอกาสในการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • ลิเวอร์พูลสุดยอด!จดสถิติคว้าชัยติตต่อกันในบ้านเท่าปี1972
    ลิเวอร์พูล เดินหน้าสร้างสถิติไม่หยุดล่าสุดเปิดรังแอนฟิลด์ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 ทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะในบ้าน 21 แมตช์ติดต่อกันเทียบเท่ากับ "หงส์แดง" ในยุคบิลล์ แชงค์ลี่ย์ แถมยังเก็บชัยชนะ 18 แมตช์รวดในลีกเท่ากับ แมนฯ ซิตี้ ด้วย
  • ซูฮกคู่ฟูลแบ็ก!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมเชือดหวิวเวสต์แฮม
    เรียกได้ว่าลุ้นเสียวยันวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียวสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ พลิกกลับมาเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้แบบสุดมันส์ 3-2 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้โกยคะแนนทิ้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสอง ห่างเป็น 22 แต้มเท่าเดิม ซึ่งเกมนี้ ซาดิโอ มาเน่ เป็นคนทำประตูชัยให้ทีมได้อีกแล้วก็จริง แต่ที่เด่นมากๆ ของ "หงส์แดง" ในเกมนี้คือคู่หูฟูลแบ็ก และนี่คือผลสอบของลูกทีม เจอร์เก้น
  • อ็อกซ์เลดเผยสิ่งที่เฮนเดอร์สันห้ามแข้งหงส์พูดในห้องแต่งตัว
    อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มิดฟิลด์จอมบู๊ของ ลิเวอร์พูล ออกมาเปิดเผยสิ่งที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีมสั่งห้ามเพื่อนร่วมทีมพูดในห้องแต่งตัวเด็ดขาด
  • โดนใจ!คล็อปป์ชมลูกทีมบี้เวสต์แฮมจนพลิกคว้าชัย
    เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ซูฮกลูกทีมเดินหน้าไล่บี้คู่แข่งจนพลิกคว้าชัย หลังเปิดบ้านเชือด เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 แต่ยอมรับ "ขุนค้อน" สู้ได้เยี่ยมทั้งที่ครองบอลไม่มาก

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »