ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » 7 เรื่องสมคบคิด จริงหรือไม่จริง มาพิจารณากัน

7 เรื่องสมคบคิด จริงหรือไม่จริง มาพิจารณากัน

Posted 25/03/2020 by siamsport

เรื่องราวทฤษฎีสมคบคิดในวงการฟุตบอลที่เราต่างไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องเหล่านั้นจริงหรือไม่ หลายต่อหลายเหตุการณ์เป็นเรื่องที่สนุก น่าติดตาม อ่านแล้วสร้างความเพลิดเพลิน 7 เรื่องราวสมคบคิดที่ดีที่สุด เราคัดมาให้แฟนๆ รื้อฟื้นความจำเหล่านั้นอีกครั้ง
    โรนัลโด้ กับศึก ฟุตบอลโลก 1998


    ตอนนั้น โรนัลโด้ คือกองหน้าที่สร้างความอันตรายแก่คู่แข่งมากที่สุด ในวัย 21 ปี เขาซัด 4 ประตูกับทำ 3 แอสซิต์ พาทีมชาติบราซิล ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งด่านสุดท้ายคือดวลกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ประเทศเจ้าภาพ

    อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ชั่วโมงก่อนแมตช์ชิงดำจะเริ่มเตะ จู่ๆ โรนัลโด้ ก็เกิดอาการผิดปกติจนถึงขั้นไม่มีชื่อลงเป็นตัวจริงตอนที่ส่งใบรายชื่อให้แก่เจ้าหน้าที่ในตอนแรก แต่ภายหลังเขาก็กลับมามีชื่อเป็น 11 คนแรก ถึงกระนั้น ทัพแซมบ้า เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตราไก่ ไปแบบหมดรูป 0-3
   
    ทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ก็เกิดขึ้น ดังเช่นว่า "โล้นทองคำ" ถูกวางยา ไปจนถึงการที่ บราซิล ยอมที่จะแพ้เพื่อแลกกับการได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปี 2006 แต่เรื่องที่มีพูดถึงมากที่สุดคือกล่าวหาว่า ไนกี้ บังคับให้ดาวเตะวัย 21 ปีต้องได้ลงเล่น โดยที่ช่วงนั้น แบรนด์ดังจากสหรัฐฯ จ่ายเงินสูงเป็นสถิติถึง 105 ล้านปอนด์ให้กับทีมชาติบราซิลพอดีด้วย

    ลาซานญ่าเกท


    นัดสุดท้ายของศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005/06 ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ อาร์เซน่อล คือ 2 ทีมที่ต้องเบียดแย่งโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย "ไก่เดือยทอง" เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ส่วน "เดอะ กันเนอร์ส" พบ วีแกน แอธเลติก

    เรื่องโชคร้ายพุ่งเข้าหา สเปอร์ส เต็มๆ เมื่อผู้เล่นในทีมเกิดท้องร่วงรุนแรงพร้อมกันถึง 10 คน ขณะที่เก็บตัวในโรงแรม แมริออท

    ลาซานญ่า คือเมนูที่ถูกต้องสงสัยว่ามีคนวางยาเหล่าแข้ง สเปอร์ส โดยเจาะจงไปที่เชฟของครัวที่โรงแรมนี้

    เจอร์เมน เดโฟ กล่าวไว้เมื่อปี 2017 ว่า "ผมคิดว่า มีบางอย่างเกิดขึ้น หนึ่งในคนของ เวสต์แฮม ได้ทำอะไรกับอาหาร" ขณะที่ แอนดี้ รีด บอกว่า "หากมันเป็นเรื่องบังเอิญ มันคือความโคตรบังเอิญเลยล่ะ"

    และสุดท้าย ผลการแข่งขันเกมดังกล่าว จบลงด้วยชัยชนะของ อาร์เซน่อล และ ความพ่ายแพ้ ของ สเปอร์ส นั่นทำให้ "ไก่เดือยทอง" อดไป ชปล. ตามระเบียบ

    เบเบ้


    ก่อนอื่นอยากชี้แจงก่อนว่าเรื่องนี้มันไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงแต่อย่างใด

    เอาล่ะ เรื่องของเรื่องก็คือตอนนั้นมันมีข่าวลือว่า "นานี่ ไม่ได้กำจัดสารกระตุ้นที่หลงเหลืออยู่ในตัวเขาออกไปจากตัวได้ทันตอนที่ไปอยู่กับทีมชาติโปรตุเกส ซึ่ง เมนเดส ก็แอบปล่อยข้อมูลออกมาว่ามันจะมีการตรวจหาสารกระตุ้น และ คาร์ลอส เคยรอช ก็อนุญาตให้ นานี่ ถอนตัวจากการซ้อมได้ทันทีโดยที่บอกว่ามันเป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ชี้แจงว่าเขาเจ็บด้านไหน อย่างไรก็ตาม การทำอย่างนั้นมันหมายความว่า นานี่ ไม่ต้องตรวจหาสารกระตุ้นไปตลอดทั้งสัปดาห์นั้น"

    "เพื่อเป็นการตอบแทนที่ เมนเดส  ช่วยให้นักเตะของพวกเขารอดจากการตกเป็นข่าวฉาว แมนฯ ยูไนเต็ด เลยซื้อ เบเบ้ มาร่วมทีมด้วยราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเงินค่าตัวส่วนใหญ่มันไปเข้ากระเป๋าของ เมนเดส"

    เมื่อมีคนสร้างทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมาเพื่อพยายามอธิบายว่าทำไมทีมของคุณถึงซื้อนักเตะที่แย่แบบนั้นมาร่วมทัพแล้ว มันก็แสดงให้เห็นว่านั่นเป็นการเสริมทัพที่เลวร้ายสุดๆ ไม่ว่าทฤษฎีนั้นจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่าก็ตาม

    ฟุตบอลโลก 2002


    การทำหน้าที่ของ ไบรอน โมเรโน่ ผู้ตัดสินในเกม อิตาลี กับ เกาหลีใต้ เจ้าภาพ เป็นเหตุการณ์ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

    ตลอดทั้งเกมผู้เล่นโสมขาว ไล่เตะบรรดาแข้งอิตาเลี่ยน แต่กรรมการรายนี้กลับเพิกเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มิหนำซ้ำจังหวะที่ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ ซึ่งเห็นชัดๆ ว่ายังไงก็เป็นลูกฟาวล์ แต่ เปาจาก ชิลี ก็ทำเป็นนกหวีดขม แถมยังไล่ "เจ้าชายหมาป่า" ออกจากสนาม โทษฐานพุ่งล้ม ซึ่งเกมก็ยื้อไปจนถึงช่วงดวลจุดโทษและ พลพรรคเจ้าภาพก็เป็นฝ่ายชนะไป

    ซึ่งสุดท้าย อีก 8 ปีต่อมา ชื่อของ โมเรโน่ ก็ขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง และเจ้าตัวเปลี่ยนคราบจาก ผู้ตัดสินฟุตบอลโลก มาเป็น ผู้ขนยาเสพติดข้ามชาติ เป็นที่เรียบร้อย

    ฟุตบอลโลก 1966


    มีประโยคหนึ่งระบุไว้ว่า "อังกฤษ และ เยอรมนี สมรู้ร่วมคิดกันเขี่ย อุรุกวัย และ อาร์เจนติน่า ตกรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 1966"

    เรื่องมันมีอยู่ว่า เดิมทีทั้ง อุรุกวัย กับ อาร์เจนติน่า จะมีตัวแทนของแต่ละชาติถูกเชิญให้มาเลือกตัวผู้ตัดสินที่ ลอนดอน แต่เมื่อถึงเวลาจริงมีเพียงแค่ตัวแทนจาก อังกฤษ และ เยอรมนี เท่านั้น

    ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาเลือกผู้ตัดสินชาวเยอรมัน เป่าคู่ระหว่าง อาร์เจนติน่า พบ อังกฤษ ส่วนกรรมการชาวผู้ดีเป่าคู่ระหว่าง เยอรมนี พบ อุรุกวัย ซึ่งทั้งสองเกมโดนวิจารณ์อย่างหนัก จากการที่ ผู้ตัดสินเมืองเบียร์ ไล่ อันโตนิโอ รัตติน กัปตันทีมฟ้า-ขาว ออกจากสนามด้วยข้อหา "พูดมากเกินไป" ขณะที่ เปาสัญชาติอังกฤษ ปฏิเสธลูกแฮนด์ของ คาร์ล-ไฮน์ซ ชเนลลินเกอร์ ที่ทำประตูได้ พร้อมกับไล่สองแข้ง อุรุกวัย ออกในภายหลัง

    โดยบทความของ เดอะ การ์เดี้ยน ซึ่งเขียนโดย ไซมอน เบิร์นตัน เป็นเรื่องราวที่ว่า ทีมจาก อเมริกาใต้ เสียเปรียบตลอดทัวร์นาเมนต์นั้น อย่างไร?

    สตีเว่น เจอร์ราร์ด


    ช่วงยุคตกต่ำของ ลิเวอร์พูล คือตอนที่ "หงส์แดง" มีผู้จัดการทีมชื่อ รอย ฮอดจ์สัน ผลงานของทีมย่ำแย่ ไม่มีลุ้นอะไรเลยในบอลลีก

    และเมื่อถึงคราวที่ทีมต้องปลดตัวกุนซือ แฟนบอลต่างแซวกันเล่นว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือฮีโร่ขี่ม้าขาวมากู้วิกฤติ

    เกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ขณะที่สกอร์เป็นฝ่ายตามหลัง 1-3 "หงส์แดง" มาได้ลูกจุดโทษแห่งความหวัง ซึ่งหากยิงเข้าไปจะทำให้พวกเขาตีตื้นเป็น 2-3 และมีโอกาสทวงประตูตีเสมอ

    อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด ที่มีสีหน้าดูไม่มั่นใจเอาเสียเลย วิ่งมาบรรจงยิงลูกนี้เหินข้ามคานอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งสุดท้าย ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายแพ้ไปและไม่กี่วันถัดมา ฮอดจ์สัน ก็อัปเปหิ ออกจาก แอนฟิลด์

    สิ่งที่แฟนบอลแซวกันคือ อดีตกัปตันทีมหงส์แดง ตั้งใจยิงลูกนี้ไม่เข้ารึเปล่า เพื่อที่จะทำให้ทีมเกิดการเปลี่ยนแปลง?

    ฟุตบอลโลก 1954


    กรณีศึกษาของมหาวิทยาลัย ในปี 2010 เผยเป็นนัยว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ ทีมชาติเยอรมัน ตะวันตก ประสบความสำเร็จอย่างสูง อาจมาจากโปรแกรมโด๊ปที่เป็นความลับสุดยอด

    ยุคเกรียงไกร ของ ฮังการี ที่มี เฟเรนซ์ ปุสกัส นำทัพ พวกเขาถล่ม เยอรมนี ในรอบแบ่งกลุ่มแบบย่อยยับถึง 8-3 แต่พอถึงนัดชิงชนะเลิศกลับแพ้ต่อ "อินทรีเหล็ก" 2-3

    "มันมีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกว่ามีการให้สารเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นประสาทกับนักเตะ เยอรมนี บางคน ผ่านทางผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเพอร์วิติน ไม่ใช่วิตามินซีตามที่มีการกล่าวอ้าง" เอริค เอ็กเกอร์ส นักเขียนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาด้วย เผย โดยเขาทำการค้นคว้าเรื่องนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของทีมงานที่มหาวิทยาลัยฮัมโบลด์ต ในกรุงเบอร์ลิน

    การค้นคว้าที่น่าสนใจของ เอ็กเกอร์ส มันมีประโยคหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมการฉีดวิตามินซีจึงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด นั่นคือประโยคที่บอกว่า "ถ้าจะฉีดวิตามินซี ให้พวกเขากินส้มแทนก็หมดเรื่องแล้ว"

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »