เบอร์ 7 ถือเป็นหมายเลขตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีบรรดาอดีตแข้งดังมากมายต่างประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งสิ้น ขณะเดียวกันในระยะหลังหมายเลขดังกล่าวก็กลายเป็นหมายเลขอาถรรพ์ที่มีแข้งมากมายต้องเอาชื่อมาทิ้งไว้

    นับตั้งแต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีสอำลาทีมไปตั้งแต่ปี 2009 "ปีศาจแดง" ก็แทบไม่มีแข้งรายใดที่เข้ามาสวมหมายเลขดังกล่าวและสามารถโชว์ฟอร์มได้สมราคาจนต้องหมดอนาคตกับทีมไปในท้ายที่สุด

    เวลานี้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับ จาดอน ซานโช่ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่างต่อเนื่อง โดยถึงขั้นมีรายงานว่าสโมสรพร้อมจะมอบหมายเลข 7 ให้ หากนักเตะย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในซัมเมอร์นี้

    เราจะพาไปย้อนดูกันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาแข้งที่สวมเบอร์ 7 ของ "ปีศาจแดง" มีใครเด่น-ใครดับบ้างไปดูกัน

สอบผ่าน

จอร์จ เบสต์ (1963-74)
สถิติ : ลงเล่น 474 นัด ยิง 181 ประตู

        เจ้าของฉายา "เทพบุตรมหาภัย" คือหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล หลังโด่งดังกับ "ปีศาจแดง" จากการรับใช้ทีมยาวนานถึง 11 ฤดูกาล และกลายเป็นแข้งเบอร์ 7 ยุคแรกๆของสโมสรที่ทำผลงานสุดยอดจนกลายเป็นแข้งตำนานของสโมสร

ไบรอัน ร็อบสัน (1981-94)
สถิติ : ลงเล่น 461 นัด ยิง 99 ประตู

        หากจะพูดถึงสุดยอดมิดฟิลด์ที่สวมเบอร์ 7 ของทีมจะต้องมีชื่อของเจ้าของฉายา "กัปตัน มาร์เวล" อย่างแน่นอน หลังกลายเป็นส่วนสำคัญพาทีมประสบความสำเร็จมากมายตลอด 13 ฤดูกาลในโรงละครแห่งความฝัน ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันพละกำลังที่ไม่มีหมด ทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งขวัญใจตลอดของสาวก "เร้ด อาร์มี่"

        ฤดูกาล 1993-94 กลายเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเจ้าตัว โดยจากไปพร้อมกับสถิตินักเตะที่ครองตำแหน่งกัปตันทีมยาวนานที่สุดของสโมสรอีกด้วย

เอริค คันโตน่า (1992-97)
สถิติ : ลงเล่น 185 นัด ยิง 82 ประตู

        หนึ่งในแข้งที่แฟนๆ "เร้ด อาร์มี่" เทิดทูนมากที่สุดคนหนึ่งคงหนีไม่พ้น "เดอะ คิง" ด้วยบุคคลิกความเกรี้ยวกราด ซึ่งวีรกรรมที่แฟนบอลยังคงพูดถึงกันจนถึงปัจจุบันคือลูกเตะกังฟูคิกใส่แฟนบอล คริสตัล พาเลซ จนโด่งดังไปทั่วโลก พร้อมกับช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 4 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 2 ครั้ง ก่อนจะปิดตำนานกับทีมในปี 1997

เดวิด เบ็คแฮม (1992-03)
สถิติ : ลงเล่น 394 นัด ยิง 85 ประตู 

        อดีตมิดฟิลด์ "เท้าชั่งทอง" ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของ "ปีศาจแดง" ในปี 1992 โดยเริ่มต้นด้วยการสวมเสื้อเบอร์ 28 ก่อนจะย้ายมาสวมเบอร์ 24 และ หมายเลข 10 ตามลำดับ

        ด้วยผลงานมาสเตอร์พีซทำให้เขาได้รับการสืบทอดตำนานเบอร์ 7 ต่อจาก เอริค คันโตน่า ที่แขวนสตั๊ดกับทีมไปในปี 1997

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (2003-09)
สถิติ : ลงเล่น 292 นัด ยิง 118 ประตู    

        "ซีอาร์เซเว่น" ได้รับสืบทอดเบอร์ 7 ต่อจาก เดวิด เบ็คแฮม ที่ย้ายออกไปอยู่ เรอัล มาดริด ในปี 2003 หลังดาวเตะชาวโปรตุกีสทำผลงานยอดเยี่ยมกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จนไปเข้าตาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน  

        ผลงานของดาวเตะวัย 35 ปี ร้อนแรงต่อเนื่องในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดในโลกปี 2009 เมื่อถูก เรอัล มาดริด ทุ่มเงินคว้าตัวไปร่วมทีมในค่าตัว 80 ล้านปอนด์ และกลายเป็นแข้งเบอร์ 7 รายล่าสุดของ "ปีศาจแดง" ที่ยังหาใครมาเทียบชั้นไม่ได้จนถึงปัจจุบัน

สอบตก

อเล็กซิส ซานเชซ (2018)
สถิติ : ลงเล่น 45 นัด ยิง 5 ประตู

        หลังจากมีช่วงเวลาสุดยอดกับ อาร์เซน่อล สตาร์ชาวชิลีก็ตัดสินใจย้ายออกมาหาความท้าทายครั้งใหม่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมได้รับการคาดหวังจากแฟนๆไว้สูงลิบในการเข้ามาเป็นสตาร์คนใหม่ของทีมพร้อมได้รับเสื้อหมายเลข 7 

        อย่างไรก็ตามผลงานของดาวเตะวัย 31 ปี ดร็อปลงไปอย่างน่าใจหายทำได้เพียง 2 ประตูจากการลงเล่น 12 เกมในลีกช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง แถมฤดูกาลถัดมายิงได้เพียง 1 ประตูจาก 20 เกม ก่อนจะถูกปล่อยให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมใช้งานในซีซั่นนี้

เมมฟิส เดอปาย (ฤดูกาล 2015-16)
สถิติ : ลงเล่น 53 นัด ยิง 7 ประตู

        กองหน้าชาวดัตช์ย้ายจากพีเอสวีมาร่วมทัพ "ปีศาจแดง" ในยุคของกุนซือ หลุยส์ ฟานกัล ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ โดยในเวลานั้นถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในปี 2015 หลังเป็นดาวซัลโวของลีกดัตช์นั่นทำให้แฟนปีศาจแดงอยากตั้งความหวังในสตัวเขาเป็นอย่างมาก

        อย่างไรก็ตามดาวเตะวัย 26 ปี ไม่สามารถปรับตัวได้ในเวทีพรีเมียร์ลีกยิงได้เพียง 2 ประตูจาก 29 เกมในลีกในฤดูกาลแรก ก่อนจะต้องแยกทางกับทีมด้วยค่าตัวครึ่งนึงจากที่ซื้อมา หลังจากมาอยู่กับปีศาจแดงได้เพียงแค่ 18 เดือนเท่านั้น และไประเบิดฟอร์มกับ โอลิมปิก ลียง

ไมเคิล โอเว่น (2009-12)
สถิติ : ลงเล่น 52 นัด ยิง 17 ประตู    

        โอเว่น ก้าวขึ้นมาจากการเป็นนักเตะดาวรุ่งจากชุดเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ก่อนจะแจ้งเกิดกับสโมสร และกลายเป็นนักเตะขวัญใจมหาชนของสาวก "เดอะ ค็อป" จากนั้นนักเตะตัดสินใจโบกมือลาถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อไปเล่นให้ เรอัล มาดริด และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ตามลำดับ

        อย่างไรก็ตามปี 2009 อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษสร้างความฮือฮาด้วยการย้ายมาสวมยูนิฟอร์มของ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมสวมเบอร์ 7 ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็ยืนระยะได้ไม่กี่ปีย้ายไปปิดฉากอาชีพกับ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 2012

อันโตนิโอ วาเลนเซีย (2009-17)
สถิติ : ลงเล่น 339 นัด ยิง 25 ประตู

        หลังจากเสีย โรนัลโด้ ไปให้ "ราชันชุดขาว" ทำให้ แมนยู พยายามตามหานักเตะในตำแหน่งนี้อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นปีกทีมชาติเอกวาดอร์ที่เวลานั้นทำผลงานได้ดีกับ วีแกน แอธเลติก ดึงตัวมาร่วมทีมในฐานะปีกขวา 

        วาเลนเซีย เริ่มต้นด้วยการส้วมเสื้อเบอร์ 25 แต่หลังจาก โอเว่น ย้ายออกไปนั้นเบอร์ 7 ก็ถูกยกให้กับเจ้าตัวใส่ในฤดูกาล 2012-13 แต่หลังจากทำผลงานน่าผิดหวังก็ถูกกลับไปสวมเบอร์ 25 เหมือนเดิม

อังเคล ดิมาเรีย (2014-15)
สถิติ : ลงเล่น 32 นัด ยิง 4 ประตู

        หากจะพูดถึงแข้งเบอร์ 7 ที่โชว์ผลน่าผิดหวังสุดๆในรอบทศวรรษที่ผ่านมาต้องยกให้กับปีกชาวอาร์เจนไตน์แบบปฏิเสธไม่ได้

        ดิ มาเรีย สร้างความฮือฮาให้โลกลูกหนังด้วยการย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 ด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้เลยในยุคของกุนซือ หลุยส์ ฟานกัล จนถูกวิจารณ์จากแฟนบอลอย่างหนัก และต้องปิดฉากการเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียงปีเดียวเท่านั้น