ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » 7 เหตุผลหนุน ไมเคิ่ล โอเว่น เป็นกองหน้าชาวอังกฤษที่เก่งที่สุดในยุคของเขา

7 เหตุผลหนุน ไมเคิ่ล โอเว่น เป็นกองหน้าชาวอังกฤษที่เก่งที่สุดในยุคของเขา

Posted 30/05/2020 by siamsport

ไมเคิ่ล โอเว่น ชื่อนี้แฟนบอลลิเวอร์พูลทั้งรักทั้งชัง เพราะนี่คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของทัพ "หงส์แดง" และก็เป็นนักเตะที่ทำให้แฟนบอลต้องเจ็บปวดหัวใจจากการตัดสินใจทิ้งทีมแบบไม่ใยดี

    โอเว่น ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนได้ชื่อว่าเป็นหัวหอกสุดอันตรายในพรีเมียร์ลีก ในยุคของเขา โดยเจ้าตัวเป็นผู้เล่นหลักของ "เดอะ เร้ดส์" และเป็นหัวหอกคนสำคัญสำหรับทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะไฮไลท์ในการทำประตูเกมพบ อาร์เจนตินา จนทำให้เขาได้รับฉายาว่า "เบบี้โกล"

    อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" เจ็บปวดมากๆ ก็คือการที่เขาตัดสินใจอำลาถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2004 แต่ที่เจ็บช้ำระกำอุราเป็นทวีคูณก็คือการที่เขาย้ายไปเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2009 ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอล "หงส์แดง" บางคนเลือกที่จะตัดชื่อของเขาจากการเป็นฮีโร่ของทีมไปในทันที

    ตลอดช่วงระยะเวลาที่ค้าแข้งตั้งแต่เป็นเด็กปั้นลิเวอร์พูล จนกระทั่งระหกระเหินไปจบอาชีพนักเตะกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ โอเว่น ได้สร้างผลงานชั้นยอดเอาไว้มากมาย และทำให้เขาได้รับการเชิดชูว่าเป็นกองหน้าชาวอังกฤษที่เก่งที่สุดในยุคของเขา

 

 

 

ยิงประตูเปิดตัว


    ไมเคิ่ล โอเว่น สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการลูกหนัง เมื่อลงสนามให้กับ "หงส์แดง" ในวัยแค่ 17 ปีเท่านั้น โดยเจ้าตัวลงเล่นในฐานะตัวสำรอง และยิงประตูในเกมพบกับ วิมเบิลดัน ที่สนามเซลเฮิร์ตส์ พาร์ค เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 1997

    ประตูนั้นทำให้ชื่อของเขาถูกจารึกเอาไว้ว่าเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรที่ยิงประตูได้ ในเวลานั้น โอเว่น อายุเพียง 17 ปีกับ 143 วัน แต่สถิตินี้ถูกทำลายไปแล้วโดย  เบน วู้ดเบิร์น ไปเรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นประตูของ โอเว่น ก็ยังคงได้รับการจดจำมาจนถึงวันนี้

    แม้ว่าเกมนั้น ลิเวอร์พูล จะแพ้ให้กับ วิมเบิลดัน 1-2 ก็ตาม แต่มันมีสัญญาณที่น่าตื่นเต้นที่ได้เห็นนักเตะวัยละอ่อน ทำผลงานได้ทันที่ได้ลงเล่น โดยเขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าในการสู้กับนักเตะเก๋า และนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับ "หงส์แดง"
 
 

 

 

เปิดตัวทีมชาติอังกฤษ ในวัย 18 ปี

 


    โอเว่น ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ และเขาได้ลงสนามเปิดตัวให้กับทัพ "สิงโตคำราม" ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1998 ในวัยเพียงแค่ 18ปีกับ 59 วัน โดยเป็นตัวจริงในเกมปะทะ ชิลี ที่สนามเวมบลีย์

    สำหรับฤดูกาล1997/98 โอเว่น ได้รับโอกาสทองลงเล่นเป็นตัวหลักแทนที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ และเขาฉกฉวยโอกาสได้สำเร็จ เมื่อซัดไป 18 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก รวมทั้งได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีจากพีเอฟเอ

    ต้องยอมรับเลยว่า โอเว่น มีปีที่สุดยอดมากๆ และนั่นเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การเป็นตัวเลือกแรกในแดนหน้าของทีม รวมไปถึงการยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรทั้งกับ ลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

 

ประตูเวิลด์คลาสในศึกฟุตบอลโลก 1998


    ต้องยอมรับว่าศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นการแจ้งเกิดของ โอเว่น แบบเต็มตัว เพราะเขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในการต้องสู้กับกองหลังเขี้ยวลากดินมากมายในการเล่นระดับชาติด้วยวัยเพียงน้อยนิด

    แมตช์ที่พบกับ อาร์เจนตินา ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โอเว่น ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องตกตะลึงกับลีลาการกระชากบอลกว่าครึ่งสนาม พร้อมกับวิ่งฉีกหนี โรแบร์โต้ อยาล่า และผู้เล่นหลายคนในทัพ "ฟ้าขาว" ก่อนจะหลุดเข้าไปในเขตโทษพร้อมกับซัดบอลผ่าน คาร์ลอส โรอา เข้าไปซุกก้นตาข่าย

    แม้สุดท้ายแล้ว อังกฤษ ต้องตกรอบเนื่องจากแพ้การดวลจุดโทษให้กับ อาร์เจนตินา ก็ตาม แต่ประตูของ โอเว่น ยังคงอยู่ในความทรงจำของคอลูกหนัง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับการโหวตคว้ารางวัลบุคคลกีฬาแห่งปี บีบีซี

    "ประตูนั้นเปลี่ยนชีวิตของผม เมื่อคุณยิงประตูแบบนั้นได้ ทั่วโลกเปลี่ยนมุมมองในตัวคุณ แม้ผมจะเชื่อมั่นในความสามารถของผมก็ตาม แต่ทุกๆ คนรู้จักผมจากช่วงเวลานั้นจริงๆ" ตำนานหัวหอกลิเวอร์พูล กล่าว

 

 

 

คว้าบัลลงดอร์ 2001


    โอเว่น เป็นนักเตะชาวอังกฤษคนแรกในรอบกว่า 20 ปีที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ในปี 2001 โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้ก็คือการยิงประตูเป็นว่าเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล โดยครึ่งหนึ่งของประตูที่ทำได้ช่วยให้ "หงส์แดง" คว้าทริปเบิลแชมป์บอลถ้วย ได้แก่ ลีกคัพ , เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ

    ตอนที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยการปราบ อาร์เซน่อล นั้น โอเว่น ยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของเขา เพราะมันทำให้เขาได้รับอะไรมากมาย "ผมมักจะย้อนกลับไปดูเกมนั้นมากกว่าเกมอื่นๆ ด้วยซ้ำ"

    "ผมคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขที่สุดที่ผมเคยได้รับจากการเล่นฟุตบอล" โอเว่น กล่าว นอกจากนี้เจ้าตัวยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับการได้ "ลูกบอลทองคำ" มาเชยชมว่า "ผมภาคภูมิใจกับชัยชนะเสมอ...มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จริงๆ"
 
 

 

 

แชมป์พรีเมียร์ลีกบาดใจ"เดอะ ค็อป"

 


    หลังจากใช้ชีวิตอยู่บนม้านั่งสำรองใน เรอัล มาดริด ตามด้วยการย้ายไปเล่นให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่เรื่องที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล ช็อกที่สุดก็คือ โอเว่น เลือกที่จะเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริตลอดกาลของ "หงส์แดง"

    การเล่นให้ "ปีศาจแดง" แม้จะทำลายความรู้สึกของแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" ก็ตาม แต่มันนำไปสู่ความสำเร็จที่นักฟุตบอลปรารถนานั่นก็คือการได้เหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2010/11 ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารอคอยมานาน

    ที่สำคัญ โอเว่น เป็นนักเตะที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชื่นชอบมานานแล้ว โดยเรื่องนี้ "ป๋า" ได้เขียนเอาไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า  "ตอนที่ผมได้ยินว่า นิวคาสเซิ่ล พร้อมที่จะปล่อยเขาออกจากทีมน่ะ ผมก็รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้เขามาที่บ้านของผม และคุยเกี่ยวกับการให้เขามาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที"

    "ผมรู้ดีว่านี่อาจจะฟังดูเหมือนการคุยโวของ ยูไนเต็ด สักหน่อย แต่ผมกับสตาฟฟ์เชื่อว่าเขาจะทำได้ดีขึ้น (เมื่อเทียบกับตอนเล่นให้ นิวคาสเซิ่ล) ในฐานะนักเตะเมื่อเขามาอยู่กับ ยูไนเต็ด และเขาก็มีอิทธิพลอย่างมากกับกองหน้าที่อายุน้อยอย่างเช่น เวย์น รูนี่ย์ และ แดนนี่ เวลเบ็ค ด้วย"

    "การกะจังหวะในการวิ่งทะลวงแนวรับของเขา และความเยือกเย็นในการจบสกอร์ของเขามันก็ทำให้ผมนึกถึง จิมมี่ กรีฟส์ ที่จบสกอร์ด้วยข้างเท้าได้อย่างเฉียบขาดสุดๆ ผมสบถคำหยาบเยอะมากจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอย่างนั้นไปกี่ครั้งในตอนที่ ลิเวอร์พูล ได้ตัวเขาไป!" พวกเขาโชคดีจริงๆ ที่ได้เขาไปร่วมทีม" เฟอร์กูสัน ระบุ
 
 

 

 

ตัวหลักทีมชาติอังกฤษ


    โอเว่นมีโอกาสได้เป็นตัวแทนทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับชาติถึง 5 รายการได้แก่ ฟุตบอลโลก 1998, 2002 และ 2006 กับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร"  2000 และ 2004

    เกล็น ฮอดเดิ้ล อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวยกย่องความสามารถของ โอเว่น ว่าน่าเหลือเชื่อสุดๆ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติอังกฤษ "เขาเป็นเพชรฆาตหน้าทารกของจริง เขขาจบสกอร์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อทั้งๆ ที่อายุยังน้อยอยู่เลย เขามีความเยือกเย็นเวลาที่อยู่ในกรอบเขตโทษ นักเตะบางคนอาจจะรู้สึกประหม่า แต่เขานิ่งมากๆ"
 
 

 

 

ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และ 1 ประตูแห่งความทรงจำกับสโต๊ค

 

 


    หัวหอกร่างเล็ก ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่าในปี 2006 แต่เขาสามารถฟื้นร่างกาย และกลับมาติดทีมชาติอังกฤษได้สำเร็จ  โดยตอนนั้น โอเว่น ซัด 2 ประตูในเกมพบ เอสโตเนีย ศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก เมื่อเดือนมิถุนายน 2007

    นอกจากนี้เขายังยิงประตูในเกมพบ อิสราเอล ที่สนามนิว เวมบลีย์ ในเดือนกันยายน 2007 และกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูให้ทีมชาติได้ทั้งสนามเวมบลีย์เดิม และใหม่ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติที่เจ้าตัวไม่เคยลืม

    ขณะเดียวกันช่วง 1 ปีที่เล่นให้ สโต๊ค ซิตี้อาจจะไม่ได้มีความทรงจำดีๆ มากนัก แต่การค้าแขังกับทัพ "ช่างปั้นหม้อ" มีความทรงจำที่ โอเว่น ลืมไม่ลงเพราะเขาทำได้ 1 ประตูในเกมลีก และส่งให้เจ้าตัวติดทำเนียบนักเตะที่ตะบันตาข่ายในพรีเมียร์ลีกรวม 150 ประตู  ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดเมื่อจบซีซั่น  2012/13
 
    แม้ว่าอาชีพพ่อค้าแข้งของ โอเว่น ต้องจบลงไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังก็ตาม แต่แน่นอนไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นกองหน้าชาวอังกฤษที่เก่งที่สุดในยุคของเขาอย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • แฉเนย์มาร์ปฏิเสธลดค่าเหนื่อยช่วยปารีส
    รายงานจากฝรั่งเศสเผยว่า เนย์มาร์ ดาวยิงตัวเก่งของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ปฏิเสธที่จะลดค่าเหนื่อยช่วยสโมสรในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก
  • เมื่อความบ้า ชนะความกลัว ติดเชื้อครึ่งหมื่นแล้วไง
    การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลกทำให้เกิดผลกระทบทุกภาคส่วนในโลกใบนี้ เช่นเดียกวันวงการฟุตบอลต้องหยุดทำการแข่งขันชั่วคราวหรือบางประเทศสามารถทำการแข่งขันกันได้ แต่ก็มีกฎระเบียบเข้มข้น การห้ามแฟนบอลเข้าสนามแข่งขันเพื่อชมเกมฟุตบอลจึงเป็นมาตรการสำคัญในการดูแลการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสร้ายที่ยังไม่สามารถหาวัคซีนป้องกันได้ในเวลานี้ กลับกันกีฬาฟุตบอลคือกีฬายอดฮิตของโลกใบนี้ที่ผู้ชมเข้าใจรายละเอียดได้โดยง่ายทำให้ช่วงของการเว้นว่างแฟนบอลหลายคนตั้งตารอคอยที่ฟุตบอลจะกลับมาแข่งขันกันใหม่
  • หมื่นอัพ!แฟนบอลเวียดนามเข้าชมเกมเนชั่นคัพ 2020 ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
    ควันหลงหลังเกมการแข่งขันฟุตบอล เวียดนาม เนชั่นคัพ 2020 รอบแรก ระหว่าง นัมห์ ดินน์ พบ ฮองอันห์ยาลาย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
  • แหกกฎดีใจเพราะมีเหตุผล ไม่งั้นทั้งทีมอาจไม่มีชีวิตรอด
    ดิมิทรี นาซารอฟ กองหน้า แอร์ซเกเบียร์เก้ เอา ฝ่าฝืนกฏของ บุนเดสลีกา ที่ห้ามให้ผู้เล่นแสดงอาการดีใจแบบสัมผัสตัวหลังจากทำประตูได้กับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเกมลีกนัดล่าสุดเจ้าตัวได้วิ่งเข้าไปสวมกอดกับบุคคลซึ่งเป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตทุกคนในทีม

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »