ในตอนนี้ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวกับ จามาล ลูอิส แบ็กซ้าย นอริช ซิตี้ เป็นอย่างมาก หลังจากว่ากันว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมของพวกเขาชอบนักเตะรายนี้เป็นกรณีพิเศษ และเชื่อว่าเขาเหมาะที่จะเป็นอะไหล่ให้กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กจอมบุกชาวสกอตต์ได้เป็นอย่างดี

    ถ้าหาก คล็อปป์ สมหวังในดีลนี้แล้วนั้น มันก็จะทำให้เป็นอีกครั้งที่เขาดึงนักเตะจากทีมที่เพิ่งตกชั้นมาร่วมทัพในช่วงที่คุม ลิเวอร์พูล หลังจากก่อนหน้านี้เคยเอา โรเบิร์ตสัน มาจาก ฮัลล์ ซิตี้, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เซอร์ดาน ชากิรี่ จาก สโต๊ค ซิตี้ ซึ่ง 2 คนแรกถือเป็นกำลังหลักของทีมมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วน ชากิรี่ เคยวูบวาบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ตอนนี้จะกลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ของทีม

    ที่จริงแล้วสมัยอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คล็อปป์ ก็เคยเซ็นสัญญากับนักเตะจากทีมที่เพิ่งตกชั้นหมาดๆ เหมือนกัน เพราะเชื่อว่าคนเหล่านั้นมีศักยภาพที่จะช่วยทีมได้ และมีราคาไม่สูงมากนัก ลองไปย้อนดูกันดีกว่าว่าการเซ็นสัญญากับนักเตะจากทีมที่เพิ่งตกชั้นสมัยที่ คล็อปป์ คุม ดอร์ทมุนด์ มันเจ๋งเท่าตอนที่เขากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล หรือไม่

 - โอลิเวอร์ เคิร์ช

 เคิร์ช ถือเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์คนหนึ่งเพราะเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางตัวรับและแบ็กขวา โดยเขาย้ายจาก อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ ไปอยู่กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ในปี 2010 แต่พอจบฤดูกาล 2011-12 ทีมของเขาก็ต้องตกชั้นไปเล่นใน ลีกา 2 จากการที่ตอนนั้น ไกเซอร์สเลาเทิร์น เป็นข๊วยของตารางคะแนน

   ถึงกระนั้น คล็อปป์ มองว่านักเตะคนนี้จะมีประโยชน์กับทีม เขาเลยให้ทีมไปดึง เคิร์ช มาร่วมทัพในฤดูกาล 2012-13 ด้วยค่าตัวสุดถูก 350,000 ยูโร พร้อมกับเซ็นสัญญากัน 2 ปี น่าเสียดายที่ชีวิตการค้าแข้งของ เคิร์ช กับ ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่นัก เพราะเขาได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เพียง 30 นัดในทุกรายการ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ พาเด  อร์บอร์น ในปี 2015 โดยแชมป์ที่เขาได้ในตอนที่อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ มีเพียงแชมป์ เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ 2 สมัยเท่านั้น

 - ดิมิทาร์ รังเกลอฟ

กองหน้าชาวบัลแกเรียทำผลงานได้น่าประทับใจพอตัวกับ เอเนอร์กี้ ค็อตบุส โดยตอนแรกเขาไปเล่นให้ทีมดังกล่าวในสัญญายืมตัวจาก สตราส์บูร์ก ในฤดูกาล 2007-08 พร้อมกับทำได้ 6 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 22 นัด ก่อนที่ ค็อตบุส จะซื้อขาดเขาแล้วให้เขาเป็นกำลังหลักในแนวรุกในฤดูกาล 2008-09 ซึ่งเขาก็ทำประตูในลีกได้ 8 ลูกจาก 27 เกม

   น่าเสียดายที่ผลงานของเขาไม่สามารถช่วยให้ ค็อตบุส รอดตายในฤดูกาล 2008-09 ได้ โดยตอนแรก ค็อตบุส ยังพอมีหวังด้วยการได้ไปเล่นเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้นกับ เนิร์นแบร์ก แต่ก็แพ้ไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 0-5 อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2009 รังเกลอฟ ก็ได้พบว่าตัวเองจะยังได้เล่นใน บุนเดสลีกา ต่อไป เมื่อ ดอร์ทมุนด์ ของ คล็อปป์ จ่ายเงิน 1 ล้านยูโรเพื่อดึงเขาไปร่วมทัพ พร้อมกับเซ็นสัญญากัน 4 ปี

   น่าเศร้าที่เส้นทางของเขากับ ดอร์ทมุนด์ ไม่ดีอย่างที่คิด ตลอดทั้งฤดูกาล 2009-10 เขาทำได้เพียงประตูเดียวจากการลงเล่นในลีก 10 นัด และพอถึงฤดูกาล 2010-11 เขาก็ได้เล่นให้ทีมไปเพียง 2 เกมในทุกรายการ ก่อนจะโดนปล่อยไปเล่นกับ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ ด้วยสัญญายืมตัว และพอถึงปี 2012 ก็โดนขายขาดไปให้ เอฟซี ลูเซิร์น ทำให้เขาต้องจบเส้นทางกับ ดอร์ทมุนด์ โดยที่ไม่ได้แชมป์ร่วมกับทีมเลย

 - ลูคัส พิสซ์เช็ค

 พิสซ์เช็ค ถือเป็นกำลังหลักคนหนึ่งของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แม้ว่าช่วงหนึ่งเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนต้องพักไปนาน แต่เขาก็ยังกลับมาเป็นตัวจริงของทีมได้ และทำผลงานได้โดดเด่นพอตัว ถึงกระนั้น พอจบฤดูกาล 2009-10 แฮร์ธ่า ก็ต้องตกชั้นในสภาพที่เป็นบ๊วยของตารางคะแนน

   อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เขาตกชั้นพอดี ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจทาบทามดาวเตะชาวโปแลนด์มาร่วมทัพ ก่อนที่ พิสซ์เช็ค จะตอบตกลง และนั่นก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดๆ เพราะ พิสซ์เช็ค กลายเป็นกำลังหลักของ ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้แชมป์ร่วมกับทีมหลายรายการ อย่างเช่นแชมป์ลีก 2 สมัย และแชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล 2 หน

   พิสซ์เช็ค ถึงขนาดเคยติดทีมยอดเยี่ยมของ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2015-16 กับ 2016-17 ด้วย และเขาก็ยังอยู่กับ "เสือเหลือง" มาจนถึงทุกวันนี้ แถมในช่วงหลายนัดของฤดูกาลนี้เขายังได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกต่างหาก หลังจาก มาร์โค รอยส์ กัปตันทีมเบอร์ 1 เจ็บหนักจนต้องพักยาว เรียกได้ว่านี่เป็นการเสริมทัพที่ได้ผลมากๆ ของ คล็อปป์ ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว