หลังจากที่ตอนแรกประกาศซะดิบดีว่าให้ตายยังไงก็ไม่คิดที่จะลาออกจากตำแหน่งประธานของ บาร์เซโลน่า รวมถึงพูดด้วยความมั่นใจซะเต็มเปี่ยมว่าไม่เห็นเหตุผลที่ตัวเองจะต้องบอกลาทีมเลยนั้น ท้ายที่สุดแล้ว โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ก็ยอมก้าวลงจากการเป็นบิ๊กบอสของ บาร์เซโลน่า เมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา

บาร์โตเมว โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาโดยตลอดว่าบริหารทีมได้ย่ำแย่จนทำให้ปัจจุบันสโมสรมีสภาพเลวร้ายสุดๆ ซึ่งหนึ่งในผลลัพธ์ที่เลวร้ายจากการบริหารทีมของเขาคงจะหนีไม่พ้นการที่ ลิโอเนล เมสซี่ ถึงขั้นเคยยื่นเรื่องขอย้ายออกจากทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกลูกหนัง และถึงแม้สุดท้าย เมสซี่ จะไม่ได้ย้ายไปไหน แต่สาเหตุมันไม่ใช่เพราะ บาร์โตเมว โน้มน้าวใจเขาได้เลย เพราะเหตุผลก็คือมันไม่มีใครที่มีเงินมากพอจะยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาของ เมสซี่ ที่สูงลิบถึง 700 ล้านยูโรต่างหาก

ประเด็นการบริหารทีมที่ย่ำแย่อย่างหนึ่งของ บาร์โตเมว ในฐานะบิ๊กบอส บาร์เซโลน่า คือการเสริมทัพที่น่าผิดหวัง นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาเป็นประธานของทีมในช่วงเดือนมกราคม ปี 2014 มีนักเตะหลายรายที่ย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวสูงลิบ แต่ทำผลงานได้เลวร้ายสุดๆ เอาแค่ในชุดปัจจุบันก็มีอย่างเช่น อุสมาน เดมเบเล่, อ็องตวน กรีซมันน์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ต่างก็ยังเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวเลย โดยรายของ เดมเบเล่ มีค่าตัว 105 ล้านยูโร ส่วนอีก 2 คนทำให้ทีมต้องเสียเงินไปถึง 120 ล้านยูโร

ทั้งนี้ รายของ 3 คนนั้นยังดีที่พวกเขายังพอมีโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองกับ บาร์เซโลน่า อยู่ว่าทีมคิดไม่ผิดที่จ่ายเงินไปตั้งเยอะเพื่อซื้อพวกเขา ในทางตรงกันข้าม มันมีอีกหลายคนที่ บาร์โตเมว เคยเซ็นเช็คจ่ายเงินซื้อมาร่วมทีม แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นการเสริมทัพที่ผิดพลาดจนตอนนี้ปล่อยคนเหล่านั้นออกจาก คัมป์ นู ไปแล้ว และวันนี้เราก็จะมาเสนอ 5 การเสริมทัพที่เลวร้ายที่สุดของ บาร์เซโลน่า ในยุค บาร์โตเมว กัน ด้วยเงื่อนไขที่ว่าจะดูเฉพาะคนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับ บาร์เซโลน่า แล้วเท่านั้น

- เฌเรมี่ มาติเยอ (ซื้อมา 20 ล้านยูโร)

ในช่วงซัมเมอร์ 2014 มาติเยอ ถูกดึงมาจาก บาเลนเซีย ซึ่งการย้ายทีมในตอนนั้นของเขาไม่ได้น่าฮือฮาเท่าไหร่ เพราะโดนกระแสของ หลุยส์ ซัวเรซ กลบแทบซะเกือบหมด ถึงกระนั้น การเสียเงินไป 20 ล้านยูโรกับนักเตะที่อายุ 30 ปีเข้าไปแล้วก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนแปลกใจไม่น้อย

แม้ว่า มาติเยอ จะทำประตูให้กับทีมได้บ้าง อย่างเช่นในเกม โกปา เดล เรย์ กับ เอลเช่ และในเกม เอล กลาซิโก้ ที่ บาร์เซโลน่า ด้วลกับ เรอัล มาดริด แต่ไฮไลท์ของเขาในถิ่น คัมป์ นู ก็ไม่ได้มีมากมายอะไรนัก ท้ายที่สุดแล้ว มาติเยอ ก็ไม่สามารถทดแทนช่องว่างที่นักเตะระดับ การ์เลส ปูโยล ทิ้งเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะโดนปล่อยออกจากทีมแบบไร้ค่าตัวเมื่อปี 2017 โดยที่ มาติเยอ ก็ไปซบ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นทีมต่อไป

- โธมัส แฟร์มาเล่น (ซื้อมา 18 ล้านยูโร)

ถ้าเป็น แฟร์มาเล่น เวอร์ชั่นฤดูกาลแรกๆ ที่อยู่กับ อาร์เซน่อล แล้วล่ะก็ มันก็คงไม่มีใครกล้าเถียงที่ บาร์เซโลน่า จ่ายเงินไป 18 ล้านยูโรเพื่อดึงเขามาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 หรอก แต่ประเด็นก็คือ บาร์โตเมว ยอมจ่ายเงินระดับนั้นกับนักเตะที่โดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดที่ได้ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ตลอดทั้งฤดูกาล 2013-14 ไปเพียง 21 นัดในทุกรายการซะอย่างนั้น

สภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของ แฟร์มาเล่น ทำให้ในซีซั่น 2014-15 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของเขากับ บาร์เซโลน่า นั้น เจ้าตัวได้ลงเล่นไป เอ่อ 1 นัดในทุกรายการ และหลังจากนั้นสภาพร่างกายของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นจนสุดท้ายเขาก็ต้องแยกทางกับ บาร์เซโลน่า แล้วไปซบ วีสเซล โกเบ ทีมในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2019 ทำให้รวมแล้ว แฟร์มาเล่น ได้ลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ไปรวม 53 นัดในทุกรายการเท่านั้นในช่วง 5 ปีที่มีสัญญาอยู่กับทีม

- อันเดร โกเมส (ซื้อมา 35 ล้านยูโร)

ตอนที่ บาร์เซโลน่า ได้ตัว โกเมส มาจาก บาเลนเซีย เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 นั้น แฟนบอล "อาซูลกราน่า" หลายคนตื่นเต้นกันสุดๆ เพราะตอนนั้น โกเมส เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองคนหนึ่งด้วยการที่เพิ่งมีอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น แต่กลับเป็นกำลังหลักให้กับ บาเลนเซีย ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

ทั้งนี้ บาร์โตเมว ทุ่มทุนพอตัวกับการปิดดีล โกเมส เพราะนอกจากจะจ่ายค่าตัว 35 ล้านยูโรแล้วนั้น บาร์เซโลน่า ยังยินดีที่จะจ่ายค่าโบนัสให้กับ บาเลนเซีย อีกถึง 20 ล้านยูโร ถ้าหาก โกเมส ทำผลงานได้ตรงตรมเงื่อนไขทั้งหมดที่กำหนดเอาไว้ น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเงื่อนไขทั้งหมดมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะถึงแม้ว่า โกเมส จะออกสตาร์ตได้น่าพอใจ อย่างเช่นการช่วยขึ้นเกมจนทำให้ทีมได้ 2 ประตูในเกม สแปนิช ซูเปอร์คัพ ปี 2016 แต่หลังจากนั้นฟอร์มของเขาก็ดิ่งลงเหว โดยในฤดูกาลนั้นเขาได้ลงเล่นไป 47 นัดในทุกรายการ และทำได้ 3 ประตู

ท้ายที่สุดแล้ว มาร์ก้า สื่อของสเปนก็ถึงกับกำหนดให้ โกเมส เป็นการเสริมทัพที่แย่ที่สุดของ ลา ลีกา ในฤดูกาล 2016-17 และพอถึงฤดูกาล 2017-18 โกเมส ก็ได้ลงเล่นน้อยลงด้วยจำนวน 31 นัดจากทุกรายการ ก่อนที่จะโดนปล่อยให้ เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไปใช้งานในซีซั่น 2018-19 และตอนนี้เขาก็ไปซบ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" แบบถาวรแล้ว

- อาร์ด้า ตูราน (ซื้อมา 34 ล้านยูโร)

ตูราน ย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในตอนซัมเมอร์ ปี 2015 หลังจากที่ทำผลงานได้โดดเด่นกับ แอตเลติโก มาดริด ในช่วงก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนั้น บาร์เซโลน่า ติดโทษห้ามลงทะเบียนนักเตะหน้าใหม่อยู่ โทษฐานที่ถูกตัดสินว่าทำผิดกฎด้านการดึงนักเตะเยาวชนมาร่วมทีม ทำให้ ตูราน ต้องรอจนถึงเดือนมกราคม ปี 2016 กว่าที่จะได้ลงเล่นเกมแบบเป็นทางการให้กับ บาร์เซโลน่า

ถึงกระนั้น สุดท้าย ตูราน ก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรของ บาร์เซโลน่า ได้ เขาได้ลงเล่นให้ทีมไปเพียง 55 นัดในทุกรายการในช่วง 2 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม ก่อนที่จะโดนปล่อยให้ อิสตันบูล บาซับเซเฮียร์ ยืมตัวไปใช้งานถึง 3 ซีซั่น และล่าสุดเขาก็เพิ่งได้บอกลา บาร์เซโลน่า แบบถาวรเมื่อช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ โดยทีมที่แข้งวัย 33 ปีย้ายไปอยู่ด้วยคือ กาลาตาซาราย

- มัลค่อม (ซื้อมา 41 ล้านยูโร)

จำนวนเงิน 41 ล้านยูโรไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่แสดงให้เห็นว่า บาร์เซโลน่า อยากปิดดีลกับ มัลค่อม ให้ได้ เพราะพวกเขาต้องการได้แข้งรายนี้ไปร่วมทัพมากๆ จนถึงขั้นยอมให้แฟนบอลจากทีมอื่นบางส่วนรุมตำหนิพวกเขา เนื่องจากเชื่อกันว่าที่จริงตอนแรก มัลค่อม กำลังจะย้ายจาก บอร์กโดซ์ ไปอยู่กับ อาแอส โรม่า แล้ว แต่ไม่รู้ว่า บาร์เซโลน่า ไปทำยังไงถึงสามารถปาดหน้าซิว มัลค่อม ไปร่วมทีมได้หน้าตาเฉย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฝั่ง โรม่า โมโหมากๆ จนถึงขั้นที่เคยคิดจะฟ้องร้อง บาร์เซโลน่า ด้วยซ้ำ ก่อนที่สุดท้ายเรื่องจะเงียบไป และบอร์ดบริหารของยอดทีมแห่งถิ่น คัมป์ นู ก็ดีใจกันสุดๆ ที่ปิดดีลกับแข้งวัย 21 ปีได้ พร้อมเชื่อว่าเขาจะเป็นกำลังหลักในอนาคตของทีมด้วย

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าที่จริงแล้ว เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ของทีมในตอนนั้นไม่ได้ต้องการเอา มัลค่อม มาอยู่กับทีมเลย โดยก่อนหน้าที่ บาร์เซโลน่า จะประกาศดีลนี้นั้น บัลเบร์เด้ ก็ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าจะได้ มัลค่อม มาเป็นลูกทีม ซึ่งนั่นก็ทำให้ บัลเบร์เด้ ส่งดาวเตะชาวบราซิเลียนลงเล่นแค่ 24 นัดในทุกรายการในฤดูกาล 2018-19

สุดท้าย บาร์เซโลน่า ก็ขาย มัลค่อม ให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หลังจากที่ใช้งานเขาได้เพียงซีซั่นเดียวเท่านั้น