"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่ส่งแข้งสำรองลงสนามเป็นหลักระเบิดฟอร์มสุดแจ่มหลังไล่ต้อนเก็บชัยเหนือ ดันดอล์ค ผู้มาเยือนไปแบบสบายเกือก 3-0 ส่งผลให้คว้า 6 คะแนนเต็มพร้อมรั้งจ่าฝูงกลุ่มต่อไป ในศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดสอง) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูโรปา ลีก
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดสอง)
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2563
อาร์เซน่อล (อังกฤษ) 3   -   0 ดันดอล์ค (ไอร์แลนด์)

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

    เริ่มการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก มาถึงนาทีที่ 4 เป็นดันดอล์ค ทีมเยือนที่ได้จังหวะลุ้นทำประตูก่อนจากการยิงไกลเกือบ 30 หลาของ  แพทริค แม็คเอลนี่ย์ บอลเลียดโค้งตรงกรอบแต่ไม่ผ่านมือ รูนาร์ รูนาร์สสัน ที่ล้มตัวปัดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

    อาร์เซน่อล เปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องนาทีที่ นิโกล่าส์ เปเป้ เปิดบอลจากฝั่งขวายัดเข้าไปในเขตโทษดันดอล์คเป็น เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่จับบอลลงในจังหวะแรกได้ก่อนจะมีกองหลังทีมเยือนเข้ามาแย้งบอลจากด้านหลังทำให้ เอ็นเคเทียห์เสียหลักล้มลง แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไรให้เล่นต่อไป

    สามนาทีต่อมาทัพปืนใหญ่โจมตีขึ้นมาทางฝั่งขวา เปเป้ เปิดบอลย้อนคืนกลับมาให้ โซอาเรส วิ่งเข้ามากดด้วยเท้าซ้ายกลางกรอบเขตโทษระยะเกือบ 20 หลาแบบไม่จับบอลแต่ทิศทางไม่ดีเหินข้ามคานออกไปไกล

    เลยมาถึงนาทีที่ 18 อาร์เซน่อล ได้ลุ้นเปิดสกอร์แรก นิโกล่าส์ เปเป้ จ่ายบอลให้  โจ วิลล็อค ที่พยายามหักข้อกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลทำท่าจะหลุดเลยออกเส้นหลังแต่ยังมี เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส ที่ตามไปเกี่ยวบอลและส่งย้อนหวังมาให้ เอ็นเคเทียห์ ที่ยืนรอหวดบอลอยู่แต่เจ้ากรรมดันถูกแข้งดันดอล์คเข้ามาเคลียร์บอลตัดหน้าออกไปได้อย่างหวุดหวิด

    นาทีที่ 19  ยังคงเป็นทัพปืนใหญ่ที่โหมบุกอย่างหนัก เซอัด โคลาซินัช เติมเกมขึ้นมาเปิดบอลทางฝั่งซ้ายลอยโด่งไปเข้าหัว นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ขึ้นโหม่งเต็มๆ แต่กดไม่ลงบอลหลุดข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

    ดันดอล์ค ตั้งรับเหงื่อไม่ทันแห้งนาทีถัดมา อาร์เซน่อล ได้ลุ้นอีกครั้ง  รีสส์ เนลสัน มีโอกาสสับไกลนอกกรอบเขตโทษระยะประมาณ 19 หลาด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งเลียดแต่ดันโค้งออกข้างเสาไปไม่ถึงหลา

    นาทีที่ 31 ดันดอล์ค ตอบโต้กลับมาบ้างบอลมาอยู่ที่ ไมเคิ่ล ดัฟฟี่ ทางฝั่งซ้ายเกือบสุดเส้นหลังก่อนส่งย้อนมาให้ คริส ชีลด์ส ที่แต่งบอลก่อนกดด้วยเท้าซ้ายแต่บอลไปติดบล็อก

    อาร์เซน่อล น่าได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 34 จากจังหวะกระชากบอลไปสุดริมเส้นทางฝั่งขวาของ โจ วิลล็อค ก่อนหักข้อเปิดโด่งย้อนไปทางเสาไกลเข้าหัว  เซอัด โคลาซินัช ที่ได้ขึ้นโขกเหน่งๆ แบบไร้ตัวประกบบอลพุ่งตรงกรอบแต่ก็ไปตรงตัว แกรี่ โรเจอร์ส นายด่านทีมเยือนที่ลอยตัวปัดออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อทำเอา โคลาซินัส ถึงกับเอามือกุมหัวด้วยความเสียดาย

    นาทีที่ 38  โจ วิลล็อค ได้ตั้งป้อมตะบันไกลกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 25 หลาบอลเลียดตรงกรอบแต่เบาเกินไปทำให้ แกรี่ โรเจอร์ส มีเวลาพอที่จะล้มตัวคว้าไว้ไม่พลาด

    นาทีถัดมายอดทีมแห่งเกาะอังกฤษยังพลาดจบสกอร์แรกอีกครั้งเมื่อ ชโคดราน มุสตาฟี่ เติมขึ้นมาโขกยัดไปในเขตโทษทีมเยือนก่อนบอลไปติดตัวแข้งดันดอล์คกระดอนมาเข้าทาง นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ยืนรอซัดเต็มข้อบอลชุลมุนไปเข้าทาง เอ็นเคเทียห์ ที่พยายามยื่นเท้าจิ้มบอลจ่อๆ แต่ดันไม่ตรงกรอบบอลไหลหลุดออกข้างไปอีกครั้ง

    ความพยายามของอาร์เซน่อลมาประสบความสำเร็จทำประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ นาทีที่ 42 จากลูกเตะมุม รีสส์ เนลสัน เปิดบอลลอยโด่งโค้งทำท่าจะไปเข้าหัว โจ วิลล็อค แต่ แกรี่ โรเจอร์ส ผู้รักษาประตูดันดอล์คโดดออกมาหวังชกเคลียร์บอลแต่ดันพลาดก่อนบอลเลยไปตกใส่ตัว แดเนี่ยล เคลียรี่ แล้วตกลงในกรอบ 6 หลา เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ไม่รอช้าวิ่งเข้าไปซ้ำลูกส้มหล่นแบบจ่อๆ เข้าไปทันที

    เหมือนบอลได้ใจนาทีถัดมาอาร์เซน่อลนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งขวาที่ เอ็นเคเทียห์ แล้วส่งย้อนมาใให้ เปเป้ กดด้วยเท้าซ้ายไปติดผู้เล่นดันดอล์คแต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเจ้าบ้านบอลกระดอนไปเข้าทาง โจ วิลล็อค ที่วิ่งตามมาทางฝั่งไกลก่อนจะเกี่ยวบอลลงแล้วพลิกตัวซัดด้วยเท้าซ้ายบอลเสยใต้คานผ่านมือ แกรี่ โรเจอร์ส  เข้าไปไม่เหลือซาก

    หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรก อาร์เซน่อล เร่งเครื่องออกนำ ดันดอล์ค 2-0

    มาลุ้นต่อครึ่งเวลาหลังเริ่มายังไม่ถึงนาทีอาร์เซน่อลนำห่างเป็น 3-0 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งขวา รีสส์ เนลสัน แล้วส่งต่อให้ โจ วิลล็อค ที่ทำท่าจะลากจี้เข้าหาประตูก่อนม้วนตัวหลอกแล้วส่งตัดมาให้ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่เหยียบบอลหลอกในจังหวะแรกแล้วปั่นโค้งด้วยเท้าขวาตรงกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 19 หลาบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมมุมบนเข้าไปสุดคำบรรยาย

    นาทีที่ 55 ทัพปืนโตยังสร้างสรรค์เกมบุกอย่างต่อเนื่องและได้ลุ้นจบสกอร์อีกครั้งจาก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ตรงมุมกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาแต่ทิศทางไม่ดีส่งผลให้หลุดห่างออกเสาไปไกล

    เดินทางมาถถึงนาทีที่ 61 เจ้าบ้านเปลี่ยนผู้เล่นสองคนรวดโดยส่ง ดานี่ เซบายอส ลงมาแทน ชโคดราน มุสตาฟี่ และส่ง วิลเลี่ยน ลงมาแทน นิโกล่าส์ เปเป้

    นาทีที่ 68 อาร์เซน่อล โจมตีขึ้นมาทางฝั่งขวา รีสส์ เนลสัน เปิดบอลเลียดโค้งมาให้ เอ็นเคเทียห์ ที่จุดนัดพบแต่ เอ็นเคเทียห์ ยื่นเท้ายิงไม่ดีไปถูกหน้าแข้งทำให้คุมทิศทางไม่ได้่บอลหลุดออกไม่ตรงกรอบประตู

    สองนาทีต่อมา เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส แข้งปืนใหญ่ได้กดเต็มข้อกลางประตูเกือบ 25 หลาบอลพุ่งทำท่าจะเสียบโคนเสาแต่  แกรี่ โรเจอร์ส ยังพุ่งปัดไว้ได้อีกครั้ง

    นาทีที่ 73 โจ วิลล็อค ใช้ความสามารถเฉพาะตัวโยกหลอก แบร์น การ์ทแลนด์ กัปตันดันดอล์คตรงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อน วิลล็อค จะหลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วเปิดบอลย้อนมาให้ เอ็นเคเทียห์ วิ่งเข้ามากดเน้นๆ เต็มข้อแต่คุมทิศทางไม่ได้บอลหลุดออกหลังไปไกล

    นาทีที่ 75 ดันดอล์ค ได้ลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะเกือบ 35 หลา แพทริค โฮแบน ศูนย์หน้าทีมเยือนตัดสินใจวิ่งเข้ามาหวดตูมแต่ไม่ได้ลุ้นอะไรบอลหลุดข้ามคานไปไกล

    ล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 80 คีแรน เทียร์นี่ย์ แข้งสกอตติชที่เปลี่ยนตัวลงมาแทน กรานิต ชาคา ได้เติมเกมขึ้นมากดเต็มข้อจากการส่งย้อนคืนมาให้ของ รีสส์ เนลสัน ด้วยความที่ เทียร์นี่ย์ เน้นน้ำหนักมากกว่าทิศทางส่งผลให้บอลไม่ตรงกรอบไมได้ลุ้นทำเอากล้องที่จับสีหน้าของ เนลสัน รับรู้ถึงอาการเสียดายในจังหวะนี้

    5 นาทีถัดมา ยังคงเป็นอาร์เซน่อลที่คุมเกมไว้ได้ทั้งหมดได้บุกต่อเนื่องบอลมาอยู่ที่ รีสส์ เนลสัน ทางฝั่งขวาก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจใช้ความเร็วกระชากตัดเข้าไปกลางกรอบเขตโทษดันดอล์คแล้วก้อมหน้ากดด้วยเท้าเขวาบอลพุ่งหลุดออกข้างเสาไปอีกครั้ง

    ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล ที่พับสนามเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องแต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้จบเกมจึงเป็นฝ่ายเอาชนะ ดันดอล์ค ไปอย่างไม่ยากเย็น 3-0 คว้าสามแต้มไปตามคาด

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    อาร์เซน่อล (4-3-3) :  รูนาร์ รูนาร์สสัน - เซดริก โซอาเรส, ชโคดราน มุสตาฟี่ (ดานี่ เซบายอส น.61), เซอัด โคลาซินัช, เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส - โจ วิลล็อค, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาคา (คีแรน เทียร์นี่ย์ น.74) - รีสส์ เนลสัน,  เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (ฟอลาแรง บาโลกัน น.74), นิโกล่าส์ เปเป้ (วิลเลี่ยน น.61)
    เทรนเนอร์ : มิเกล อาร์เตต้า    

    ดันดอล์ค (3-5-2) : แกรี่ โรเจอร์ส - แดเนี่ยล เคลียรี่ (ดาเนี่ยล เคอรี่ น. 53), แอนดี้ บอยล์, แบร์น การ์ทแลนด์ - แคเมอร่อน ดัมมิแกน, แพทริค แม็คเอลนี่ย์ (จอร์แดน ฟอล์เรส น.53), คริส ชีลด์ส (ฌอน แกนน่อน น.62), ฌอน มาร์รี่ย์ (เกอร์กอรี่ สล๊อกเกตต์ น.46), จอห์น เม้าน์ทนี่ย์ - ไมเคิ่ล ดัฟฟี่ (สตีเฟ่น โอโลวิค น.70), แพทริค โฮแบน
    เทรนเนอร์ : ฟิลิปโป้ โจวาโญลี่

    ผู้ตัดสิน : ฟิลิป กโลว่า (สโลวาเกีย)