โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นสำรองทีเด็ดของ "สิงห์บลูส์" หลังลงมาเป็นฮีโร่โขกประตูชัยในช่วงทดเวลาเจ็บพา เชลซี บุกไปคว้าชัยเหนือเจ้าถิ่น แรนส์ 2-1 มีเพิ่มเป็น 10 แต้ม ควงเซบีย่าที่คว้าชัยได้เช่นกัน การันตีเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : รัวซง ปาร์ก

    เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันของ กลุ่ม อี นัดที่ 4 ระหว่าง แรนส์ ที่ยังไม่ชนะทีมใดจมบ๊วยของกลุ่ม รับการมาเยือนของ เชลซี จ่าฝูงของกลุ่ม โดยฟอร์มล่าสุดนั้นทั้งคู่เพิ่งจะเจอกันก่อนพักเบรคทีมชาติ โดยเป็นฝั่ง เชลซี ที่เปิดบ้านถล่ม แรนส์ 3-0

    เจ้าบ้านซึ่งมี ฌูเลียง สเตฟ็อง คุมทัพเกมนี้ส่งไอ้หนู เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ลงปั้นเกมตรงกลาง และมี แซร์กอู กีราส เป็นหน้าเป้า ส่วนทางฝั่ง "สิงห์บลูส์" ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังให้ แทมมี่ อับราฮัม ยืนค้ำหน้าและมี ติโม แวร์เนอร์ และ คัลลัมฮัดสัน-โอดอย ปั้นเกมอยู่ริมเส้น ส่วน ไค ฮาแวร์ตซ์ กลับมามีชื่อเป็นสำรองหลังหายป่วยจาก โควิด-19

    แค่ 4 นาทีแรก "สิงห์บลูส์" พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย หลัง คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ครอสมาในกรอบให้ ติโม แวร์เนอร์ ซัดจ่อๆไม่ถึง 5 หลาข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง

    นาที 22 กลายเป็น เชลซี ที่บุกมาขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เมสัน เมาน์ท แย่งบอลจากแดนตัวเองได้ก่อนสวนกลับเปิดยาวให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย สปีดพาบอลหลุดเข้าไปซัดผ่านมือ อัลเฟร็ด โกมิส ตุงตาข่าย ซึ่งเป็นโอกาสยิงเข้ากรอบหนแรกของลูกทีม แลมพาร์ด อีกด้วย

    นาที 30 ทีมเยือนเกือบได้เม็ดที่สองนำห่าง หลังแนวรับแรนส์สกัดบอลไปเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ ครอสไปในกรอบ 6 หลาให้ เมสัน เมาน์ท ยิงเสาแรกแต่ยังไปติดเซฟของ อัลเฟร็ด โกมิส อย่างเหลือเชื่อ

    นาที 36 เจ้าบ้านได้ลุ้นบ้างหลัง อามารี่ ตราโอเร่ โขกเข็ดต่อให้ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า ซัดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลก็เหินออกไปไกล อีก 3 นาทีถัดมา แซร์กอู กีราสซี่ หัวหอกตัวเก่งได้ซัดด้วยขวาเน้นๆเข้ากรอบเป็นครั้งแรก ทว่าบอลก็ยังไม่ห่างตัว
เมนดี้ นายด่านสิงห์บลูส์พุ่งรับบอลไว้ได้

    เจ้าบ้านกดดันอย่างหนัก นาที 41 ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม แบ็งฌาแม็ง บูริโฌด์ เปิดไปเสาไกลให้ ดาเมียง ดา ซิลวา โถมมาโขกเต็มหัวแต่บอลก็ยังไปตรงตัว เอดูอาร์ เมนดี้ ทุบบอลออกมาได้

    จบครึ่งแรก แรนส์ ตามหลัง เชลซี 0-1

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง แค่นาทีที่ 47 เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลไปเสาสองให้ ติโม แวร์เนอร์ โขกบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ แวร์เนอร์ ก่อนทำให้ "สิงห์บลูส์" ชวดได้ลูกที่สองอย่างน่าเสียดาย

    นาที 54 แรนส์ได้ลุ้นตีเสมอเช่นกัน หลัง โดกู จ่ายเข้ากลางให้ อามารี่ ตราโอเร่ กลับตัวซัดนอกกรอบบอลพุ่งแรง แต่ยังไปติดบล็อคของ ติอาโก้ ซิลวา ออกหลังเป็นเตะมุม

    นาที 69 แลมพาร์ด เปลี่ยนสองคนรวดส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงมาเล่นแทน เมสัน เมาน์ท และแทมมี่ อับราฮัม

    นาที 72 แรนส์ น่าจะได้ลูกตีเสมอหลัง โรแม็ง เดล กาสตีโย่ ตัวสำรองครอสไปหน้ากรอบให้ แชร์กอู กีราสซี่ ซัดไปโดน เมนดี้ เซฟออกหลังอีก และจากลูกเตะมุมบอลลอยโด่งมาเข้าหัว แซร์กซิโน่ เอ็นย็อมซี่ โถมตัววโขกเต็มกะบาลก็ยังไม่ผ่านมือของเอดูอาร์ เมนดี้ ที่ป้องกันไว้ได้อีก

    กระนั้น นาที 85 เชลซี ต้องมาเสียประตูแรกในแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ หลังแรนส์ที่โหมบุกอย่งหนักมาไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ แบ็งฌาแม็ง บูริโฌด์ เปิดมาเข้าหัว แซร์กอู กีราสซี่ โขกผ่านมือ เมนดี้ ตุงตาข่าย

    แต่แล้ว นาทีที่ 90+1 หลัง ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปยิงติดเซฟ อัลเฟร็ด โกมิส บอลลอยโด่งอยู่กลางอากาศก่อนที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะเทกตัวเอาชนะ แซร์กซิโน่ เอ็นย็อมซี่ แนวรับเจ้าถิ่นโขกบอลเข้าตุงตาข่ายให้ "สิงห์บลูส์" แซงนำ 2-1 อีกครั้ง

    จบเกม เชลซี บุกมาคว้าชัยเหนือ แรนส์ 2-1 การันตีเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพร้อมกับ เซบีย่า ที่บุกไปเอาชนะคราสโนดาร์ 2-1 แน่นอนแล้ว หลังทั้งคู่มี 10 คะแนนเท่ากัน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        แรนส์ (4-3-3) : อัลเฟร็ด โกมิส - อามารี่ ตราโอเร่, แซร์กซิโน่ เอ็นย็อมซี่ , ดาเมียง ดา ซิลวา, อาเดรียง ตรุฟแฟร์ต - สตีเว่น เอ็นซอนซี่, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า (เคลม็อง เกรนิเย่ร์ น.78), แบ็งฌาแม็ง บูริโฌด์ - เฌเรมี่ โดกู, แซร์กอู กีราสซี่, เจมส์
เลีย ซิลิกี (โรแม็ง เดล กาสตีโย่ น.63)

        เทรนเนอร์ : ฌูเลียง สเตฟ็อง

        เชลซี (4-3-3) : เอดูอาร์ เมนดี้ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, คัวร์ท ซูม่า, เบน ชิลเวลล์ - จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.76) - คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย (ฮาคิม ซิเย็ค น.75), เมสัน เม้าน์ท (เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น.68), ติโม แวร์เนอร์ -
แทมมี่ อับราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.69)

        เทรนเนอร์ : แฟร้งค์ แลมพาร์ด
   
        ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)