ในที่สุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ ลิเวอร์พูล เต็มตัว หลังจากที่พวกเขาเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือน แอสตัน วิลล่า 2-1 คว้าสามคะแนนสำคัญและตอนนี้เก็บได้ 33 คะแนนเท่ากับ "หงส์แดง" แล้ว
    เกมนี้ต้องยอมรับว่าทั้งเกมรับและเกมรุกของ "ปีศาจแดง" เล่นได้ดีเยี่ยม แม้จะมีบางจังหวะที่ผิดพลาด แต่โดยรวมแล้วสามารถที่จะจัดการเกมของ วิลล่า ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะ ปอล ป็อกบา ที่เล่นได้อย่างโดดเด่น และมีส่วนสำคัญต่อชัยชนะในแมตช์นี้มากๆ

    ขณะที่ แจ็ค กรีลิช กัปตันทีม "สิงห์ผงาด" ได้แสดงให้เห็นถึงคลาสบอลชั้นยอดของเขา ทุกคนที่บอลอยู่ที่เท้าดาวเตะเลือดผู้ดีรายนี้ มักจะสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ตลอด แต่น่าเสียดายที่แนวรุกของทีมเยือนขาดความเฉียบคม ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะบางสิ่งกลับบ้านก็ได้

 
1. มาร์กซิยาล ยิ่งเล่นยิ่งดี
    การที่ เอดินสัน คาวานี่ ต้องติดโทษแบน 3 เกมจากกรณีโพสต์ข้อความในเชิงเหยียดผิว ทำให้แนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นอย่างยิ่งต้องรักษาฟอร์มที่ดุดันโดยเฉพาะ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ช่วงหลังๆ ฟอร์มอาจจะหลุดไปบ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนผลงานของเขาโดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อ

    เกมกับ แอสตัน วิลล่า "พี่หมาก" ใช้ความคล่องตัวและความรวดเร็วเล่นงานเกมรับ "สิงห์ผงาด" ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเขาประสานงานได้อย่างลงตัวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และยังมีกองหนุนชั้นดีได้แก่ ปอล ป็อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำให้เจ้าตัวงัดฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างเต็มที่

    สำหรับประตูเบิกร่องทำช่วยให้ทีมขึ้นนำช่วงครึ่งแรกแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณกองหน้าชั้นดี เพราะเจ้าตัวสามารถหาพื้นที่ว่างในการโหม่งทำประตูจากการเปิดของ อารอน วาน-บิสซาก้า โดยที่บริเวณนั้นมีแนวรับของทีมเยือนอยู่ล้อมรอบตัวก็ตาม

    ประตูนี้เป็นการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายลูกที่ 5 ของเขาในฤดูกาลนี้ และเป็นประตูจากการโหม่งครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ที่เคยทำได้เมื่อเช่วงปลายกุมภาพันธ์ในเกมที่ชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ฉะนั้นในเวลานี้ มาร์กซิยาล เต็มไปด้วยความมั่นใจในการเล่นจริงๆ 
 
2. กริลีช โชว์คลาสชั้นยอดให้ทุกคนได้ประจักษ์
    หากจะหานักเตะที่เล่นได้โดดเด่นเหนือกว่าผู้เล่นของเจ้าบ้านก็ต้องบอกว่า แจ็ค กรีลิช นี่แหละที่โชว์ฟอร์มสุดยอด ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงอยากได้นักเตะคนนี้ไปช่วยปั้นเกม และทำไมค่าตัวของเขาถึงได้พุ่งกระฉูดระดับ 80-90 ล้านปอนด์ในเวลานี้

    กรีลิช สามารถปั้่นป่วนแดนกลาง และกองหลัง "ปีศาจแดง" ได้ตลอด ทุกครั้งที่บอลมาอยู่ที่เท้าของเขา สามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ได้อย่างต่อเนื่อง และยังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้เสมอ แต่น่าเสียดายที่แนวรุกของ วิลล่า ไม่เฉียบคมเอง

    จังหวะตีเสมอต้องบอกว่าได้มาจากการเล่นที่มุ่งมั่นของ วิลล่า ขณะเดียวกันก็มาจากการขาดสมาธิในเกมรับของ "เร้ด เดวิลส์" ที่ปล่อยให้คู่แข่งได้เล่นเร็ว จนบอลหลุดมาอยู่ที่เท้าของ กรีลิช ซึ่งบรรจงผ่านบอลเลียดอย่างแม่นยำให้กับ  แบร์ทรานด์ ตราโอเร่ ที่ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

    จะว่าไปแล้ว "สิงห์ผงาด" มีโอกาสที่จะทำประตูได้จากการเปิดบอลอย่างแม่นยำให้กับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ โหม่งแต่บอลไม่เข้าเป้า นอกจากนี้ความเหนียวหนึบของ ดาบิด เด เคอา ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้า 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ

3. ไบยี่ คู่ แม็กไกวร์ แนวรับที่ลงตัว
    ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ที่ เอริก ไบยี่ ได้ลงสนามเป็นตัวจรงิ 4 เกมติดต่อกัน ที่สำคัญฟอร์มการเล่นของเขามีความโดดเด่น และแข็งแกร่งมากๆ โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่เจ้าตัวจัดการเกมรุกของ วิลล่า ได้อย่างอยู่หมัดจนแทบไม่มีจังหวะอันตรายมากนัก

    การที่ ไบยี่ มีโอกาสได้จับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยิ่งทำให้เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันลูกเปิดจากด้านข้าง หรือจากลูกตั้งเตะ ทั้งสองคนสามารถรับมือได้หมด ขณะที่การป้องกันลูกเปิดบนพื้นพวกเขาก็จัดการได้อย่างอยู่หมัด

    ที่สำคัญ ไบยี่ ยังมีส่วนที่ช่วยให้ทีมรอดจากการโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นจังหวะสำคัญมากๆ ฉะนั้นด้วยฟอร์มการเล่นแบบนี้ต้องบอกเลยว่า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่กำลังเรียกความฟิตหลังหายจากอาการบาดเจ็บ คงต้องเหนื่อยแน่นอนหากจะแย่งตำแหน่งตัวจริงกลับมา

    ส่วน ปราการหลังชาวไอวอรี่ โคสต์ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือการไม่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกครั้ง เพราะหากเกิดกระดูกเปราะต้องกลับไปโรงหมอเพื่อซ่อมร่างกาย งานนี้ฟอร์มแจ๋วๆ คงต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเรียกกลับมาได้ แถมอาจจะโดน ลินเดอเลิฟ ยึดตัวจริงยาวๆ ด้วย 

4. ป็อกบา โดดเด่นเป็นสง่า
    โซลชา ได้ค้นพบบทบาทที่แตกต่างสำหรับ ปอล ป็อกบา ที่ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นนักเตะกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้ทำงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

    ป็อกบา ถูกจับให้ลงไปยืนลึกในแดนกลางเกมพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ช่วงกลางสัปดาห์นี้ สำหรับบทบาทนี้เจ้าตัวไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้จนกระทั่ง "น้าลูกอม" จับโยกไปยืนบริเวณแผงมิดฟิลด์ฝั่งซ้าย ซึ่งทำให้เจ้าตัวค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

    สำหรับเกมนี้ ดาวเตะแชมป์โลก มีส่วนสำคัญต่อการเก็บ 3 แต้มเหนือน แอสตัน วิลล่า หลังจากที่ถูกจับไปเล่นทางฝั่งซ้ายในช่วงต้นเกม ในขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด สลับไปยืนทางฝั่งขวา ซึ่งช่วยให้เกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อันตรายมากยิ่งขึ้น

    ประตูแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ดได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก เริ่มต้นมาจากเขาก่อนที่ วาน-บิสซาก้า จะเป็นคนเปิดบอลให้ มาร์กซิยาล โหม่งเข้าประตู หลังจากนั้น ป็อกบา ก็มีส่วนในการสร้างสรรค์เกมบุกให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเขายังเป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีม ก่อนที่ แฟร์นันด์ส จะขัดอาสาซัดเข้าไปซุกก้นตาข่ายเป็นประตูชัย

    ต้องยอมรับว่าการที่ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ได้เล่นเกมรุกร่วมกับ แฟร์นันด์ส โดยที่มี สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด คอยทำหน้าที่เป็นตัวเก็บกวาดในแดนกลาง ช่วยทำให้ ป็อกบา มีอิสระและได้สร้างสรรค์เกมบุกให้กับทีมได้ตลอด โดยที่ไม่ต้องพะวงเรื่องเล่นเกมรับมากนัก 
 
5. การลุ้นแชมป์เปิดฉากเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ !!
    ย้อนไปเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่มีใครเชื่อน้ำยา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าจะสามารถลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ แถมชื่อของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นกุนซือเบอร์ต้นๆ ที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรแล้ว เพราะ "ปีศาจแดง" คือเบอร์ 1 ในการแย่งแชมป์ลีกกับ ลิเวอร์พูล

    ชัยชนะเหนือ วิลล่า ทำให้ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บไปแล้ว 33 คะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูล จ่าฝูง โดย "หงส์แดง" ได้ยืนอยู่บนหัวตารางเพียงเพราะมีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าเท่านั้น โดยงานนี้ในเกมที่แชมป์เก่าต้องไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน หากพวกเขาแพ้ ความได้เปรียบจะอยู่ในกำมือของ แมนฯ ยูฯ ทันที เพราะ "ผีแดง" มีเกมตกค้าง 1 แมตช์

    ต้องยอมรับว่า โซลชา ปั้นทีมขึ้นมาได้อย่างน่ากลัวโดยเฉพาะ 5 เกมลีกที่ผ่านมา  แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะไป 4 แมตช์ โดยเสมอ 1 เกมเท่านั้น ในขณะที่ทีม่ของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ทำแต้มหลุดมือ 2 แมตช์หลังสุดที่เสมอกับทีมหนีตกชั้นอย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

    ที่สำคัญ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวต้องไปเยือน ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ ในวันที่ 17 มกราคมนี้ และแน่นนอนว่าหากสถานการณ์ยังคงเบียดกันสูสี งานนี้เกม "แดงเดือด" อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการลุ้นแชมป์ลีกเลยทีเดียว

    แต่หากเกิดอาเพศสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ดันรุนแรง จนต้องหยุดพักการแข่งขันชั่วคราว...ทุกอย่างอาจจะกลับตาลปัตรก็ได้ !!!