ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » เรียกความมั่นใจก่อน "แดงเดือด"!เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล บุกทุบ แอสตัน วิลล่า

เรียกความมั่นใจก่อน "แดงเดือด"!เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล บุกทุบ แอสตัน วิลล่า

Posted 09/01/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้ง หลังจากบุกถล่ม แอสตัน วิลล่า ที่ใช้ผู้เล่นชุดเยาวชนลงสนาม ด้วยสกอร์ 4-1 ที่วิลล่า พาร์ค ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 4 ได้สำเร็จ

     เกมนี้ "หงส์แดง" เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน และมาได้ประตูเร็วจาก ซาดิโอ มาเน่ หลังจากนั้นพวกเขาก็คุมสถานการณ์ได้หมด แต่ในช่วงท้ายครึ่งแรก ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ เมื่อแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นที่ผ่านมา ชะล่าใจก็เลยโดน ลู แบร์รี่ ซัดตีเสมอ

    อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดการเปลี่ยนตัวด้วยการส่งผู้เล่นหลักลงสนาม และสถานการณ์ทุกอย่างก็ตกเป็นของ "เดอะ เร้ดส์" แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจากนั้นก็ยิงเพิ่มอีก 3 ประตูรวด ส่งผลให้คว้าชัยชนะ และผ่านเข้ารอบ 4 ได้อย่างสบายอุรา

    ที่สำคัญการปราบ แอสตัน วิลล่า ทำให้ขุนพล "หงส์แดง" น่าจะมีขวัญกำลังใจเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่จะทำศึก "แดงเดือด" รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค.นี้

1. ฟอร์มครึ่งแรก ลิเวอร์พูล น่าผิดหวัง
    แม้ว่า ซาดิโอ มาเน่ จะทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ 4 นาทีแรก และดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะคุมจังหวะการเล่นได้หมด แต่น่าเสียดายที่ฟอร์มของทัพ "หงส์แดง" ในช่วง 45 นาทีแรกค่อนข้างน่าผิดหวัง ที่สำคัญยังโดนเด็กวัยละอ่อนของแอสตัน วิลล่า ยิงประตูตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรกซะด้วย

    ขณะที่เกมรุกของ "เดอะ เร้ดส์" มีโอกาสที่จะยิงประตูหลายครั้งโดยเฉพาะจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม แต่ไม่สามารถผ่านมือ  อากอส โอโนดี้ นายทวารวัย 19 ปีของเจ้าบ้านที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเหนียวหนึบเหลือเกิน

    ต้องยอมรับว่าฟอร์มในครึ่งแรกทำให้เหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ค่อนข้างหลอนมากๆ เพราะ 3 เกมก่อนหน้านี้ทีมก็เล่นแบบนี้ ไม่สามารถเจาะตาข่ายคู่แข่งที่เน้นตั้งรับลึก การเข้าทำขาดความคิดสร้างสรรค์ แถมการตัดสินใจ, การจบสกอร์ก็ขาดความเฉียบคม และยังขาดความกระตือร้นด้วย

    ฟอร์มในครึ่งแรกเห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล มีปัญหาเรื่องการเข้าทำ ขนาดเจอกับทีมเด็กที่มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 18 ปีกับ 294 วัน พวกเขายังไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้มากนัก ดังนั้นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องทำในตอนนี้ก็คือเรียกความมั่นใจในการเล่นของลูกทีมกลับมาให้เร็วที่สุด    

2. การเปลี่ยนตัวช่วยเปลี่ยนเกมทันที
    ผลงานของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในครึ่งแรกไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คล็อปป์ จะต้องสินใจถอดกัปตันทีมออก และส่ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงสนาม เพราะนอกจากจะเป็นการพักร่างกายของ "เฮนโด้" แล้ว การส่ง ติอาโก้ ลงสนามก็ช่วยให้นักเตะกลับมาสร้างความคุ้นเคยในการเล่นมากยิ่งขึ้น

    นับตั้งแต่ที่ ติอาโก้ หายเจ็บ เขามีโอกาสได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ งัดฟอร์มเก่งออกมาเรื่อยๆ ในแมตช์นี้ ดาวเตะทีมชาติสเปน เป็นหัวใจในแดนกลางให้กับทีมในช่วงครึ่งหลัง และมีโอกาสผ่านบอลสวยๆ ให้กับเพื่อนร่วมทีมหลายครั้ง

    การส่ง ติอาโก้ ลงสนามทำให้ "หงส์แดง" มีเกมบุกมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทักษะในการผ่านบอลที่เฉียบคมของเขา ยกตัวอย่างจังหวะที่ทิ่มบอลให้ เนโก วิลเลี่ยมส์ ก่อนที่จะเปิดใส่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดประตู แต่น่าเสียดายที่เป็นจังหวะล้ำหน้า กระนั้น "คลาส" บอลแบบนี้แหละที่สาวก "เดอะ ค็อป" อยากเห็น

    ส่วนผู้เล่นอีกคนที่ลงมาเปลี่ยนเกมนั่นก็คือ เซอร์ดาน ชากีรี่ ที่ถูกส่งลงสนามแทน ทาคุมิ มินามิโนะ ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าชัยชนะในแมตช์นี้ เมื่อ ดาวเตะชาวสวิส โชว์ของด้วยการทำ 2 แอสซิสต์ให้กับ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

    จะว่าไปแล้วการที่ คล็อปป์ ตัดสินใจส่งพวกแข้งหลักลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ชากีรี่ รวมทั้ง ติอาโก้ ลงสนาม ทำให้ทีมน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น และยังส่งผลต่อคู่แข่งที่มีแต่นักเตะวัยละอ่อน อย่างไรก็ตามหากมองอีกมุม เกมที่สู้กับ วิลล่า ที่ใช้นักเตะเยาวชนทั้งหมด พวกเขาต้องลงทุนแก้เกมด้วยการส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม ถึงจะยิงประตูได้เหรอ !!??

    แบบนี้ต้องบอกว่าขุมกำลังสำรองที่มีอยู่ของ "หงส์แดง" ยังไม่ดีพอที่จะฝากผีฝากไข้เอาไว้ได้

3. ประสบการณ์ลูกหนังที่เหล่าสิงห์ละอ่อนจะไม่มีวันลีม
    สำหรับ 11 แข้งตัวจริงของ แอสตัน วิลล่า มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ 18 ปี กับ 294 วันเท่านั้น ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 26 ปี ที่สำคัญในวันที่ เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามเปิดตัวให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2002  มีแข้ง "สิงห์ผงาด" 4 คนที่ลงเล่นตัวจริงในเกมนี้ยังไม่เกิด และบางคนเพิ่งจะอายุ 3 ขวบเท่านั้น

    แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์และศักยภาพของนักเตะวิลล่าชุดนี้ ไม่มีทางสู้กับแข้ง "เดอะ เร้ดส์" ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลก และประสบการณ์โชกโชน แม้บางคนจะเป็นดาวรุ่ง แต่ก็เคยผ่านสังเวียนใหญ่ๆ มาแล้ว ฉะนั้นโอกาสที่เจ้าบ้านจะโชว์ฟอร์มข่มแทบจะไม่มีให้เห็น

    อย่างไรก็ตามพวกเขาสร้างความฮือฮาในช่วงท้ายครึ่งแรก ด้วยการซัดประตูตีเสมอจาก ลู แบร์รี่ นอกจากนี้ อากอส โอโนดี้ โกลดาวรุ่ง ดูแววแล้วคงจะมีอนาคตสดใส เพราะเขาโชว์ซูเปอร์เซฟได้หลายต่อหลายครั้งในช่วง 45 นาทีแรก ทำให้ทีมไม่โดน ลิเวอร์พูล ยิงประตูหนีห่าง

    ที่สำคัญแมตช์นี้เจ้าบ้านเลือกใช้ระบบ 4-5-1 โดยพยายามเน้นการเล่นแบบรัดกุม และไม่ยอมให้ "หงส์แดง" เจาะเข้ามาทำประตู งานนี้ต้องชื่นชม ไคน์ เฮย์เดน กับ เบนจามิน คริสเซน สองกองกลาง และนักเตะวัยละอ่อนของ วิลล่า ทุกคนที่โชว์ฟอร์มได้เหนือความคาดหมาย

    อย่างไรก็ตามเมื่อ คล็อปป์ ตัดสินใจส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนาม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที ด้วยศักยภาพและคุณภาพของขุมกำลัง "เดอะ เร้ดส์" มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ดาวรุ่งของ วิลล่า จะต้านทานได้ และสุดท้ายก็โดนเจาะต่าข่ายอย่างที่ทุกๆ คนได้เห็น

    กระนั้นเหล่า "สิงห์ละอ่อนคะนองนา" ก็สามารถเชิดหน้ายืดอกภาคภูมิใจในตัวเองได้เลย เพราะพวกเขาสู้กับทีมระดับแชมป์ลีกได้อย่างสนุก ที่สำคัญนักเตะเหล่านี้ยังได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่สามารถต่อยอดเพื่อพัฒนาตัวเองในอนาคตได้อีกด้วย

   
4. รีส วิลเลี่ยมส์ ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
    เกมนี้ รีส วิลเลี่ยมส์ ได้รับโอกาสสำคัญจาก คล็อปป์ ให้ลงทำหน้าที่คู่กับ ฟาบินโญ่ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก แต่งานนี้นักเตะไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างที่หลายๆ คนคาดหวังเอาไว้ ที่สำคัญจังหวะเสียประตูแสดงให้เห็นว่าเขายังต้องพัฒนาในเรื่องการอ่านเกม และการคุมพื้นที่

    ลิเวอร์พูล สามารถกดดันเจ้าบ้านได้ตลอด และดูเหมือนพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเกมรับมากนัก เพราะ แอสตัน วิลล่า แทบไม่มีปัญญาสร้างปัญหาให้กับแผงแบ็กโฟร์ของ "หงส์แดง" ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะค่อนข้างเล่นกันอย่างชะล่าใจ จนกระทั่งโดนลงโทษจนได้

    จังหวะที่โดนตีเสมอ ทีมพยายามดันเกมสูง แต่โดนแข้งวิลล่าตัดบอลได้ก่อนที่จะส่งไปให้ คัลลัม โรว์ จากนั้นเจ้าตัวก็จัดการจ่ายบอลให้กับ ลู แบร์รี่ ที่ใช้ความเร็วฉีกหนี วิลเลี่ยมส์ ก่อนจะหลุดเข้าไปซัดผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

    ต้องบอกเลยจากจังหวะดังกล่าว ทำให้รู้ได้ทันทีว่า วิลเลี่ยมส์ อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดของทีมโดยเฉพาะความแข็งแกร่งและความรวดเร็วที่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ดังนั้นสิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" ภาวนาก็คือของให้ โฌเอล มาติป ฟิตสมบูรณ์ในเกม "แดงเดือด" สุดสัปดาห์หน้า และช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้

5. เรียกความมั่นใจก่อนทำศึก "แดงเดือด"
    การคว้าชัยชนะในเกมนี้ แม้อาจจะถูกแซวนิดๆ หน่อยๆ ว่าต้องใช้ชุดใหญ่ถึงจะปราบ แอสตัน วิลล่า ชุดเด็ก ก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องใส่ใจ เพราะในช่วงเวลาที่ฟอร์มตกแบบนี้ การที่สามารถคว้าชัยชนะด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจ และยิงประตูได้เยอะ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า

    สำหรับการรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ มีความเป็นไปได้สูงที่ก่อนเกม "หงส์แดง" จะร่วงมาอยู่อันดับ 2 เนื่องจาก "เร้ด เดวิลส์" มีคิวดวลกับ เบิร์นลี่ย์ ในเกมตกค้างวันอังคารนี้ แค่พวกเขาเสมอก็มีแต้มแซงหน้า ลิเวอร์พูล ขึ้นเป็นจ่าฝูงทันที

    ในช่วงเวลานี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่นและสภาพจิตใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างจะมั่นใจสุดๆ ต่อให้พวกเขาเพิ่งโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขี่ยตกรอบตัดเชือก ศึกคาราบาว คัพ และเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่ร่วงในรอบนี้ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาก็ตาม แต่ฟอร์มของ "ปีศาจแดง" ยังดูอันตรายมากกว่า

    ฉะนั้นการที่สามารถบุกมาชนะ วิลล่า พร้อมกับยิงได้ 4 ประตูแบบนี้  ย่อมเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยม ก่อนทำศึกสำคัญ ดีไม่ดีแมตช์นี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ "หงส์แดง" ที่แสนดุดันในช่วงต้นซีซั่นนี้ กลับมาผงาดอีกครั้งก็เป็นได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »