ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เทพกุนโดกัน! 5 ประเด็นเด็ดหลังแมนซิตี้ฟอร์มแชมป์ถล่มสเปอร์ส

เทพกุนโดกัน! 5 ประเด็นเด็ดหลังแมนซิตี้ฟอร์มแชมป์ถล่มสเปอร์ส

Posted 14/02/2021 by siamsport



แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังโชว์ฟอร์มสุดแกร่งอย่างต่อเนื่องหลังเปิดบ้านถล่ม สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ขาดลอยถึง 3 ประตู ซึ่งต้องบอกว่าเกมนี้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าชัยชนะแบบสุดเพอร์เฟคทั้งเกมรุกและเกมรับ สอนบอลทางฝั่ง สเปอร์ส เกือบทั้ง 90 นาที น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะหาฟอร์มเก่งของตัวเองเจอเมื่อไหร่เพราะผลงานไม่ดีมาหลายนัดแล้ว เรานำประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้มาวิเคราะห์เจาะลึกกัน
1.แก้ปัญหาคนยิงจุดโทษ?

    เมื่อ อิลคาย กุนโดกัน สังหารจุดโทษพลาดในเกมกับ ลิเวอร์พูล สัปดาห์ที่แล้ว นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ของแมนฯ ซิตี้ ที่บอดจุดโทษตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มียอดแข้งทั้ง ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์ เคยรับหน้าที่มาแล้วแต่ทุกคนต่างทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผิดหวัง

    ก่อนเกมนี้นายใหญ่ “เรือใบ” เปรยไว้ว่า หากมีความจำเป็นจริงๆอาจต้องให้นายด่าน เอแดร์ซอน รับหน้าที่นี้เพราะคนที่ยิงจุดโทษจำเป็นต้องมีความมั่นใจในตัวเองสูงและยิงจุดโทษดี


    อย่างไรก็ตามหลังจาก กุนโดกัน เรียกจุดโทษจาก สเปอร์ส ในครึ่งแรกได้สำเร็จ คนสังหารประตูกลายเป็น โรดรี้ ซึ่งถือเป็นนักเตะที่ 4 ที่ยิงจุดโทษให้กับทีมซีซั่นนี้ ปัญหาคือแม้ว่าเขาจะทำประตูได้ แต่ลูกยิงของเขาเกือบติดเซฟของ อูโก้ โยริส ยังดีที่นายด่านสเปอร์สปัดบอลไม่ดีมากเท่าไหร่นักซึ่งทาง เป๊ป ก็สัมภาษณ์หลังเกมว่าทีมของเขาโชคดีที่ยิงเข้า มันเลยเป็นคำถามว่า โรดรี้ เหมาะสมจะเป็นคนยิงในระยะยาวหรือไม่

    จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือก่อนที่ โรดี้ จะทำประตู เอแดร์ซอน ก็วิ่งมากลางสนามเพื่อคุยกับเพื่อนร่วมทีมถึงการที่เขาจะอาสาเป็นคนยิงจุดโทษด้วย ต้องรอดูกันว่า เป๊ป จะให้โอกาส เอแดร์ซอน ขึ้นมารับบทบาทนี้ไหม?

    สถิติผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ที่ยิงจุดโทษในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

    - เควิน เดอ บรอยน์ ยิงจุดโทษเข้า 2 จาก 3 ครั้ง


    - อิลคาย กุนโดกัน ยิงจุดโทษเข้า 1 จาก 2 ครั้ง

    - ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงจุดโทษเข้า 0 จาก 1 ครั้ง

    - โรดรี้ ยิงจุดโทษเข้า 1 จาก 1 ครั้ง

2.กุนโดกันเทพต่อเนื่อง


    เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนมกราคมฟอร์มสุดยอดแบบนี้คงต้องอวยกันให้ถึงที่สุดสำหรับ อิลคาย กุนโดกัน ผู้ซึ่งซัดเบิ้ลในเกมนี้ ทั้งสองประตูแสดงให้เห็นถึงเทคนิคที่ยอดเยี่ยมของเขา ตั้งแต่ประตูแรกเป็นการสอดเข้ามาในเขตโทษและจิ้มบอลแบบฉีดยาทำให้ผู้รักษาประตูรับยากจนเข้าประตู ส่วนอีกหนึ่งลูกมากจากการล็อกหลบ ดาวินซอน ซานเชซ จนหลังหักก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าประตูไปแบบสุดเหนือ

    หลายคนคิดว่าการที่ เควิน เดอ บรอยน์ บาดเจ็บยาวจะทำให้ แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มแผ่วลง ทว่า กุนโดกัน นี่แหละที่เฉิดฉายคอยสอดขึ้นมาทำประตูในแผน ฟอลส์ 9 (False9) ของเป๊ป โดยในปี 2021 เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดจากการยิง 9 ประตูจาก 9 เกม รวมทั้งฤดูกาลแล้วเขายิงทั้งหมด 11 ประตูซึ่งเป็นสถิติมากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลในอาชีพการค้าแข้งของเขา อย่างไรก็ตามหลังจากซัดสองประตูในเกมนี้ เขามีอาการบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก แฟน “เรือใบ” คงหวังว่า กุนโดกัน จะไม่บาดเจ็บหนักเพราะตอนนี้ถือเป็นทีเด็ดที่สุดของทีมแล้ว

3.จำลองนัดชิงลีกคัพ?


    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถล้างแค้น โชเซ่ มูรินโญ่ ได้สำเร็จหลังจากที่ สเปอร์ส เคยเอาชนะ แมนฯ ​ซิตี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เกมนี้ทัพ “เรือใบ” โชว์ให้เห็นว่าพวกเขาเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการครองบอลถึง 61% หรือโอกาสยิงประตูถึง 15 ครั้ง (สเปอร์ส โอกาสยิง 7 ครั้ง)

    เท่ากับว่าตอนนี้ทั้งสองกุนซือยังเจ๊ากันอยู่ และพวกเขายังมีคิวต้องเจอกันอีกหนึ่งนัดนั่นคือรายการ คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน นี้ ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากผลงานในช่วงนี้คงไม่ผิดหากจะบอกว่า แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสเดินออกมาจากเวมบลี่ย์ สเตเดี้ยมพร้อมกับการเป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกันมากกว่า ดังนั้น โชเซ่ มูรินโญ่ มีการบ้านหนักอึ้งให้ต้องทำในการเจอกันครั้งหน้าโดยเฉพาะเรื่องเกมรุกที่เราเห็นว่าแทบจะกดดัน แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้เลยในเกมนี้

4.น้ามูวิกฤตหนัก


    แม้ว่าชื่อชั้นตัวผู้เล่นในแนวรุกของ “ไก่เดือยทอง” จะไม่ได้เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ มากเท่าไหร่นักแต่พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้ง้างยิงแบบจังๆเลยในเกมนี้ การเคลื่อนที่ของผู้เล่นสเปอร์สน้อยเกินไป การวางบอลยาวและเกมสวนกลับใช้ไม่ได้ผล พวกเขาโดนตัดบอลแดนกลางและตกเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอด นอกจากลูกฟรีคิกที่ยิงสนเสาช่วงต้นเกมแล้ว ลูกทีมของ มูรินโญ่ แทบจะไร้พิษสงเลยแม้กระทั่ง ซน ฮึง-มิน และ แฮร์รี่ เคน

    ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ สเปอร์ส ปราชัยถึง 5 จาก 6 เกมหลังสุดในทุกรายการซึ่งมีนัดหนึ่งที่ทำให้พวกเขาตกรอบ เอฟเอ คัพ ด้วย ประเด็นอยู่ที่นอกจากจะแพ้แล้ว รูปเกมและแผนการเล่นยังน่าเหนื่อยใจสำหรับแฟนสเปอร์สอีก ไม่แปลกใจที่ตอนนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ จะขึ้นมาเป็นเต็ง 1 กุนซือ พรีเมียร์ลีก คนต่อไปที่จะโดนไล่ออกแล้ว แม้ว่าเดือนหน้าเขายังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์แรกนับตั้งแต่ปี 2008 แต่ถ้าหากหาจุดเปลี่ยนไม่ได้มีหวังจะไม่ได้อยู่ถึงนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพเดือนหน้าแน่ ดังนั้นเกมลีกนัดถัดไปซึ่งเป็นการเจอกับทีมที่เบียดลุ้นโควต้าฟุตบอลยุโรปด้วยกันเองอย่าง เวสต์แฮม พวกเขาต้องสะกดคำว่า “ชนะ” ให้ได้สถานเดียว

5.โปรแกรมหนักต่อเนื่อง


    ชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้ ก็ทำให้พวกเขาคว้าชัยติดต่อกันมากถึง 16 นัดในทุกรายการ โดยถล่มตาข่ายมากถึง  43 ประตู เสียแค่ 5 ประตูและเก็บคลีนชีท 11 นัด ตอนนี้พวกเขานำโด่งและมีแต้มห่างจากอันดับ 2 อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง 7 แต้มแถมแข่งน้อยกว่าทั้งทัพ “จิ้งจอก” และ “ผีแดง” 1 นัด แบบนี้พวกเขาจะเดินหน้าซิวแชมป์แบบม้วนเดียวจบเลยหรือไม่

    แต่ที่น่าสนใจคือโปรแกรมหนักของพวกเขายังไม่หมดเพียงเท่านี้ 4 นัดต่อไปในลีกของพวกเขาก็เจอคู่แข่งหนักอึ้งไม่แพ้กัน โดยเริ่มจากวันพุธนี้มีเกมตกค้างคือการเยือน เอฟเวอร์ตัน ต่อด้วยการบุกรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ อาร์เซน่อล ก่อนจะได้เล่นในรังสองนัดติดโดยพบกับหนึ่งในทีมที่ขับเคี่ยวลุ้นท็อปโฟร์อย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์กับผู้ท้าชิงแชมป์อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

    ที่สำคัญคือเดือนนี้พวกเขามีคิวต้องเจอกับ กลัดบัค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายในสัปดาห์หน้าด้วย เมื่อมีโปรแกรม ชปล. มาคั่นแบบนี้ถือเป็นบททดสอบของ เป๊ป ว่าจะทำให้อย่างไรให้ทั้งสองรายการมีผลงานที่ดีควบคู่กันไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »