สัปดาห์นี้เดินทางมาถึงนัดที่ 26 เปิดหัวคู่แรกเป็นการเจอกันของสองทีมฟอร์มร้อนแรง อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยยังมีบิ๊กแมตช์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่าง เชลซี ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
   ซึ่งในสกู๊ปนี้เรามีประเด็นร้อนๆ มาฝากเช่นเคย

    "แมนฯซิตี้ พบ เวสต์แฮม"

    การเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาไม่เสียประตูให้คู่แข่งในเกม พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 6 นัดติดต่อกัน และทั้งหมด "เรือใบสีฟ้า" สามารถเอาชนะได้ทุกเกม ซึ่งมีแค่ เชลซี เท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้มากกว่าลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดย "สิงห์บลูส์" ชนะและเก็บคลีนชีตติดต่อกันได้ทั้งสิ้น 9 นัด เมื่อช่วงระหว่างเดือนเมษายน ถึง พฤศจิกายน ปี 2010

    ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวเตะของ ซิตี้ มีส่วนร่วมกับประตูถึง 14 ลูกจาก 15 เกมที่เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก (8 ประตู 6 แอสซิสต์) ทำให้ "ขุนค้อน" เป็นทีมที่ สเตอร์ลิง มีส่วนร่วมในการทำประตูด้วยมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก

    ทั้งสองทีมเป็นทีมที่เก็บแต้มในลีกมากที่สุดนับตั้งแต่เปลี่ยนปฏิทินเป็นปี 2021 โดย แมนฯ ซิตี้ เก็บไป 33 คะแนน ส่วน เวสต์แฮม เก็บได้ 22 แต้ม โดย "เดอะ แฮมเมอร์ส" เอาชนะได้ถึง 7 จาก 9 เกมในปีนี้ ต่างจากเมื่อปี 2020 ที่พวกเขาต้องลงเล่นจนถึงนัดที่ 23 ของปีกว่าที่จะชนะได้ถึงหลัก 7 เกมอย่างสิ้นเชิง

    เจสซี่ ลินการ์ด มิดฟิลด์ฟอร์มฮอตของ เวสต์แฮม ทำไปแล้ว 3 ประตูจากการลงเล่น 4 เกมให้กับ "ขุนค้อน" ซึ่งเทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวลงเล่นไป 36 เกมให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    "เลสเตอร์ พบ อาร์เซน่อล"

    เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ถึง 4 จาก 6 เกมใน พรีเมียร์ลีก (เสมอ 1 แพ้ 1) ซึ่งเทียบเท่าก่อนสถิติที่เจอกันก่อนหน้านี้ 36 นัดบนลีกสูงสุด (เสมอ 10 แพ้ 23)

    มีแค่ เวย์น รูนี่ย์ เท่านั้น(12 ประตู) ที่ทำประตูใส่ "เดอะ กันเนอร์ส" มากกว่า เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงของ เลสเตอร์ ที่สอยตาข่ายใส่ อาร์เซน่อล ไปทั้งสิ้น 11 ลูกจาก 12 เกมที่เจอกัน

    อาร์เซน่อล แพ้ทั้งหมด 3 เกมหลังสุดที่บุกมาเยือน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม โดยมีผู้เล่นโดนใบแดง(2) มากกว่าที่พวกเขายิงใส่ เลสเตอร์ ได้(1) เสียอีก

    ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กัปตันทีม อาร์เซน่อล ทำประตูในเกมวันอาทิตย์ได้ 38 ลูกจาก 50 เกม มากกว่าวันอื่นๆ รวมกันถึง 14 ประตู (24 ลูกจาก 56 นัด)

    "สเปอร์ส พบ เบิร์นลี่ย์"

    ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์  เอาชนะเกมในบ้านตัวเองต่อ เบิร์นลี่ย์ 5 จาก 6 เกมหลังสุด(เสมอ 1) โดยยิงได้ 16 ลูก และเสียแค่ 3 ประตูเท่านั้น

    เบิร์นลี่ย์ คือทีมที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่เคยแพ้เลยในเกม พรีเมียร์ลีก โดยคุมทีมเจอ "เดอะ คลาเล็ตส์" ไปทั้งสิ้น 10 นัด เขาเอาชนะได้ 6 นัด และเสมอ 4 เกม

    เบิร์นลี่ย์ กำลังมองหาชัยชนะในการบุกเยือน สเปอร์ส บนลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 1974

    ใน พรีเมียร์ลีก ตอนนี้มีแค่ 3 ทีมเท่านั้นที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่า เบิร์นลี่ย์ (9) ซึ่งได้แก่ แมนฯ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า และ เชลซี

    "เชลซี พบ แมนฯยูไนเต็ด"

    นับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิล เข้ามากุมบังเหียน เชลซี เขาพาทีมเก็บคลีนชีตใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้ง 3 นัดที่ลงเตะใน พรีเมียร์ลีก โดยครั้งสุดท้ายที่ "สิงห์บลูส์" ไม่เสียประตูในบ้าน 4 เกมติดต้องย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2018

    เมสัน เมาท์ มิดฟิลด์ตัวกลั่นของ เชลซี ทำไปแล้ว 2 ประตูจาก 3 นัดหลังสุดในเกมลีก ซึ่งจำนวนสกอร์ดังกล่าวเท่ากับก่อนหน้านี้ที่เขาต้องใช้เวลาการลงเล่นถึง 21 เกม อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 ประตูที่ เมาท์ ทำได้ในซีซั่นนี้ เกิดจากเกมเยือนทั้งสิ้น

    แมนฯ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ เชลซี ทั้ง 3 นัดหลังสุด โดยเอาชนะได้ในศึก เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ ในเดือนกุมภาพันธ์ และตุลาคม ตามลำดับ รวมถึงในเกมลีก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 อย่างไรก็ดีพวกเขาไม่เคยชนะ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 4 เกมติดเลย

    ในการเจอกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทุกรายการ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า "ปีศาจแดง" มีส่วนร่วมกับประตู 7 ลูก (5 ประตู 2 แอสซิสต์) ซึ่งเป็นทีมที่เขามีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดเหนือทีมอื่นๆ

    "เชฟฯ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล"

    ถึงแม้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ที่ บรามอลล์ เลน 0-1 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยพ่าย "หงส์แดง" ในบ้านตัวเอง 2 นัดติดต่อกันเลย นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 1921

    "ทีมดาบคู่" แพ้ไปถึง 20 จาก 25 เกมใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ (ชนะ 3 แพ้ 2)  ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่แพ้ถึงหลัก 20 เกมต่อ 1 ฤดูกาลเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อนับตามจำนวนนัดที่ลงเล่น

    ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้ 3 จาก 4 เกมใน พรีเมียร์ลีก โดยชัยชนะทั้งหมดเกิดขึ้นในฤดูกาล 2006/07, 2019/20 และ 2020/21

    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูไปทั้งสิ้น 16 ลูกจากการลงเล่นเกมเยือน 17 นัดหลังสุดจากทุกรายการ ซึ่งเทียบเท่ากับที่เขาลงสนามไป 51 เกมเยือนก่อนหน้านี้ให้กับ "หงส์แดง"

    "เอฟเวอร์ตัน พบ เซาธ์แฮมป์ตัน"

    เอฟเวอร์ตัน ไม่แพ้ในบ้านตัวเองต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน เลยตลอด 15 เกมหลังสุดที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก (ชนะ 10 เสมอ 5 ) โดยพวกเขาพ่าย "นักบุญ" ครั้งสุดท้ายที่ กูดิสัน พาร์ค ต้องย้อนไปเมื่อฤดูกาล 1997/98 ที่แพ้ไป 0-2

    ไม่มีทีมไหนใน ลีกสูงสุด ซีซั่นนี้ที่จะทำประตูด้วยลูกโหม่งมากกว่า เอฟเวอร์ตัน อีกแล้ว โดยที่ครึ่งหนึ่งมาจาก โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ที่โขกไปทั้งสิ้น 5 ประตู

    หลังจากเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้ 2-0 เมื่อเดือนตุลาคม เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มองหาชัยชนะเหย้า-เยือนต่อ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1997/98

    แดนนี่ อิงส์ กองหน้า นักบุญ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงไป 7 ลูกจากการลงสนามเจอ เอฟเวอร์ตัน 9 นัด โดยทำประตูได้ 5 ลูก และแอสซิสต์ 2 ครั้ง