โธมัส ทูเคิ่ล ยังพา "สิงห์บลูส์" ไม่แพ้ทีมใดนับแต่มาคุมทีม แม้จะทำได้แค่แบ่งแต้มกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์ 0-0 แต่ชวดโอกาสแซงขุนค้อนขึ้นท็อปโฟร์หลังได้อีกหนึ่งคะแนนมีเพิ่มเป็น 44 แต้มยึดอันดับ 5 ต่อ ส่วน "ผีแดง" ยังไร้พ่ายนอกบ้าน มีเพิ่มเป็น 50 คะแนน รั้งรองจ่าฝูง ทว่าตามหลัง แมนฯซิตี้ จ่าฝูงถึง 12 แต้มแล้วจากการลงเล่น 26 นัดเท่ากัน

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    "บิ๊กแมตช์" พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน เชลซี อันดับ 5 เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของรองจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยฟอร์มล่าสุดของทั้งสองทีมในลีกนั้น "สิงห์บลูส์" บุกไปเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 ส่วนทางฝั่ง "ผีแดง" ไล่อัด นิวคาสเซิ่ล 3-1

    โธมัส ทูเคิ่ล นับแต่มาคุมสิงห์บลูส์ 8 เกมแล้วที่ยังไม่แพ้ทีมใด เกมนี้เปลี่ยน 3 ตำแหน่งจากนัดที่บุกไปชนะ แอต.มาดริด 1-0 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เบน ชิลเวลล์ และฮาคิม ซิเย็ค ลงปั้นเกม โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยืนหน้าเป้า ส่วน ติโม แวร์เนอร์ เป็นแค่สำรอง

    ขณะที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บอสใหญ่ของ "ผีแดง" ซึ่งทำสถิติเป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ทีมใดนอกบ้านฤดูกาลนี้ แมตช์นี้กลับมาใช้ชุดที่ดีที่สุดลงสนาม วาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ค้ำหน้าโดยมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เมสัน กรีนวู้ด และแดเนี่ยล เจมส์ ทำเกมรุกสนับสนุน

    ออกสตาร์ทมาช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเล่นกันได้อย่างสูสี แม้ว่าฝั่งเจ้าถิ่นจะครองบอลได้เหนือกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังหาโอกาสยิงกันไม่ได้

    ต้องรอถึง นาที 14 "ผีแดง" ได้โอกาสลุ้นขึ้นนำก่อนหลัง แม็คโทมิเน่ย์ โดนเมสัน เมาน์ท ทำฟาวล์นอกกรอบ และเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ตะบันฟรีคิกเต็มแรงบอลพุ่งจน เอดูอาร์ เมนดี้ ต้องชกสองมือออกไป

    ถัดมาอีกนาที เชลซี ได้ลุ้นเข้ากรอบบ้างหลัง ฮาคิม ซิเย็ค ลองซัดนอกกรอบแต่บอลก็ไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา

    นาที 16 ผู้ตัดสินต้องหยุดเกมชั่วคราวหลังมีสัญญาณจากห้อง วีเออาร์ ถึงความเป็นไปได้ที่ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แข้งของเจ้าถิ่นจะทำแฮนด์บอลในเขตโทษ แต่หลังจาก จ๊วร์ต แอตเวลล์  วิ่งไปดูจอข้างสนามก็ยืนยันไม่เป็นจุดโทษแต่อย่างใด

  นาที 22 เมสัน เมาน์ท เปลี่ยนทางบอลจากซ้ายไปขวาให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ควบพาบอลขึ้นมาแล้วฝากให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก่อนที่แนวรับชาวสเปนจะชิ่งต่อให้ ฮัดสัน-โอดอย วอลเลย์ไม่จับบอลพุ่งถากเสาสองออกไปหวุดหวิด

    นาที 32 เด เคอา เกือบเจอฝันร้ายหลังออกพลาดกลายเป็นส่งให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หน้ากรอบ ทว่าอดีตหัวหอกปืนใหญ่ดันใจร้อนรีบยิงบอลเลยเหินคานออกไปแบบหมดลุ้น

    อีก 4 นาทีถัดมา "สิงห์บลูส์" ได้เสียวอีกหลัง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เปิดบอลมาในกรอบ 6 หลา ชิรูด์ พยายามพุ่งโขกแต่ไม่โดน บอลผ่านหน้าประตูไปอย่างน่าเสียดาย

    ช่วงท้ายครึ่งแรก "ผีแดง" ไล่บดเจ้าถิ่นอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่ผ่านแนวรับของสิงห์บลูส์ จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี เสมอกับ แมนฯยูไนเต็ด 0-0

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง เชลซี มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น ถอดเอา คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ออกแล้วส่ง รีซ เจมส์ ลงไปเล่นแทน

    นาที 49 สิงห์บลูส์น่าจะได้ประตูขึ้นนำหลัง เบน ชิลเวลล์ ปาดมาเสาแรกเลย ชิรูด์ ไปเข้าทาง ฮาคิม ซิเย็ค วิ่งมาอัดด้วยซ้ายแต่บอลยังไม่ผ่านมือ เด เคอา ปัดมือเดียวออกมา แม้ รีซ เจมส์ จะตามมาซ้ำแต่ก็โดน ลุค ชอว์ เข้าไปบล็อคได้ทัน

    นาที 60 แมนฯยูไนเต็ด ได้เสียวเหมือนกันหลัง เมสัน กรีนวู้ด ฝากบอลให้ แดเนี่ยล เจมส์ ก่อนจะวิ่งไปรับหน้าหัวกระโหลกแล้วซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเฉียดสามเหลี่ยมออกไปอย่างน่าเสียดาย

    อีกนาทีถัดมา ลุค ชอว์ ปาดเลยไปเสาไกลถึง แอรอน วาน-บิสซาก้า หักมาให้ สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ วิ่งมาซัดเสาแรกแต่ก็ยังไปติดเซฟของ เมนดี้ ที่ปัดออกไปหวุดหวิด

    นาที 63 บอลสวนกลับของ เชลซี เกือบได้ลุ้นเหมือนกันหลัง เมสัน เมาน์ท พาบอลจากครึ่งสนามควบเข้าไปในกรอบก่อนจังหวะแรกล็อกหนี แม็คโทมิเน่ย์ ได้แล้วแต่ยังซัดไปติดปลายขา แม็คโทมิเน่ย์ อีก

    นาที 66 โธมัส ทูเคิ่ล เปลี่ยนตัวคนที่สองส่ง คริสเตียน พูลิซิช ลงไปเล่นแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

    บอลแลกกันสนุก นาที 68 ผีแดงสร้างโอกาสได้บ้าง ลุค ชอว์ จ่ายเข้ากลางให้ เฟร็ด ตั้งป้อมปั่นด้วยขวาไม่ถึง 20 หลาบอลโค้งช้าไปหลุดกรอบออกหลังแบบได้เสียว

    นาที 74 สลับมาเป็นฝั่งของ "สิงห์บลูส์" สร้างโอกาสได้ลุ้นบ้าง คราวนี้ ฮาคิม ซิเย็ค ไหลบอลให้  มัตเตโอ โควาซิช วิ่งมาปั่นด้วยขวาแต่บอลยังไม่แรงพอก่อนไปเข้ามือดาบิด เด เคอา รับเข้าซองไว้ได้

    นาที 78 เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง ติโม แวร์เนอร์ ลงมาเล่นแทน ฮาคิม ซิเย็ค อีกนาทีถัดมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนตัวคนแรกบ้างส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงมาเล่นแทน เมสัน กรีนวู้ด

    นาที 84 ลูกทีมของ ทูเคิ่ล เกือบได้เฮหลัง รีซ เจมส์ เปิดโค้งหนีแนวรับผีแดงไปทางเสาไกลบอลตกพื้นเกือบถึง ติโม แวร์เนอร์ แต่เลยออกหลังไปหวุดหวิด อีกนาทีต่อมา แวร์เนอร์ ได้กระชากเข้าไปในทางซ้ายก่อนซัดมุมแคบ แต่บอลเลียดและเบาไปเข้ามือ เด เคอา

   ช่วงทดเจ็บ นาที 90+3 มัตเตโอ โควาซิช ได้ซัดนอกกรอบแต่ก็ยังไม่ผ่าน เด เคอา เช่นเดียวกับ "ผีแดง" ในจังหวะต่อมา เฟร็ด ได้อัดนอกกรอบบ้างเช่นกันแต่ก็ไปติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้

    จบเกม ทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี เสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 ทำให้ฤดูกาลนี้เจอกันสองหนยังยิงไม่ได้เสมอกันทั้งสองทีมแบบไร้สกอร์ ทำให้ "สิงห์บลูส์" ชวดโอกาสแซงขุนค้อนขึ้นท็อปโฟร์หลังได้อีกหนึ่งคะแนนมีเพิ่มเป็น 44 แต้มยึดอันดับ 5 ต่อไป ส่วน "ผีแดง" ยังทำสถิติไร้พ่ายนอกบ้านเป็นเกมที่ 19 ติดต่อกันในลีก มีเพิ่มเป็น 50 คะแนน รั้งรองจ่าฝูง ทว่าตามหลัง แมนฯซิตี้ จ่าฝูงไกลถึง 12 แต้ม จากการลงเล่น 26 เกมเท่ากัน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (รีซ เจมส์ น.46), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิช, เบน ชิลเวลล์ - เมสัน เมาน์ต, ฮาคิม ซิเย็ค (ติโม แวร์เนอร์ น.78) - โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (คริสเตียน พูลิซิช น.66)

    ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

    แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกว์ร, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์, เฟร็ด - เมสัน กรีนวู้ด (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.79), บรูโน่ แฟร์นันด์ส, แดเนี่ยล เจมส์ - มาร์คัส แรชฟอร์ด

    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

    ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอตเวลล์