ไค ฮาแวร์ตซ์ โชว์ฟอร์มเด็ดดวงหลังมีส่วนทั้งสองประตูในวันนี้ก่อน "สิงห์บลูส์" จะเปิดบ้านไล่อัด เอฟเวอร์ตัน 2-0 เพิ่มสถิติของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ยังไร้พ่ายนับแต่เข้ามาคุมทีมเป็นนัดที่ 11 ติดต่อกัน พร้อมพา เชลซี ยึดอันดับ 4 แน่นมี 50 แต้ม ส่วน "ทอฟฟี่" รั้งที่ 5 เหมือนเดิมมี 46 คะแนน ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน โดยฟอร์มการเล่นล่าสุดในลีกของทั้งคู่นั้น "สิงห์บลูส์" บุกไปอัด ลิเวอร์พูล 1-0 เช่นเดียวกับ "ทอฟฟี่" ที่บุกไปเฉือน เวสต์บรอมวิชฯ 1-0
 
    โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ เชลซีทำสถิติยอดเยี่ยมนับแต่มาคุมหลัง 10 เกมแล้วที่ยังไม่แพ้ทีมใด เกมนี้ส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ออกสตาร์ทตัวจริงร่วมกับ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย โดยมี ติโม แวร์เนอร์ เป็นหน้าเป้า

    ส่วนทางฝั่ง คาร์โล อันเชลอตติ พาทีมคว้าชัยในลีกมา 3 เกมติดนัดนี้ให้ โดมินิค คัลเวิร์ท-ลูวิน เป็นหน้าเป้า โดยมี อเล็กซ์ อิโวบี้, กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน และ ริชาร์ลิซอน สนับสนุนเกมรุก

    ออกสตาร์ท เกมช่วง 10 นาทีแรกไม่มีจังหวะให้ลุ้นกันมากนัก แม้ว่า "สิงห์บลูส์" จะเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า

    นาที 15 รีซ เจมส์ พาบอลขึ้นมาจากแดนของตัวเองก่อนจะซัดนอกกรอบไปติดบล็อค เบน ก็อดฟรีย์ และจากลูกเตะมุมต่อเนื่อง จอร์จินโญ่ ได้วอลเลย์จากนอกกรอบแต่บอลก็หลุดเสาออกไป

    นาที 28 "ทอฟฟี่" มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะหวังผลหลัง ริชาร์ลิซอน โดนทำฟาวล์นอกกรอบกว่า 20 หลา ก่อนจะเป็น กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน ซัดไปติดกำแพงออกหลังเป็นเตะมุม

    นาที 31 เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แทงบอลขึ้นหน้าให้ มาร์กอส อลอนโซ่ หลุดเข้าไปในกรอบแล้วปาดมาเสาแรกให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ วิ่งมาแปไปแฉลบ เบน ก็อดฟรีย์ เข้าประตูตัวเองไป

    นาที 41 สิงห์บลูส์ เกือบได้เม็ดที่สองนำห่างหลัง อันเดรียส คริสเตนเซ่น ตักบอลมาให้ มาร์กอส อลอนโซ่ หลุดเข้าไปซัดเสาแรกแต่ก็ยังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด ปัดออกหลังไปได้อีก

    ช่วงทดเจ็บนาที 45+1 ทอฟฟี่มีโอกาสลุ้นตีเสมอหลัง อเล็กซ์ อิโวบี้ ไหลให้ อังเดร โกเมส ซัดบอลนอกกรอบแต่ยังไปเข้ามือ เอดูอาร์ เมนดี้

    จบครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำ เอฟเวอร์ตัน 1-0

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 51 เจ้าบ้านหวิดได้ลุ้นเม็ดที่สอง หลัง มาร์กอส อลอนโซ่ ปั่นฟรีคิกเยื้องทางขวานอกกรอบบอลพุ่งเกือบโค้งเสาแรกจน พิคฟอร์ด ต้องปัดปลายมือออกไป

    นาที 54 คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ตักบอลเข้ามาในกรอบให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ พักอกแล้วพลิกตัวซัดผ่าน จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปอย่างสวยงาม ทว่า ผู้ตัดสินเช็กจาก วีเออาร์แล้วเปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้ประตูเนื่องจากเป็นแฮนด์บอลไปเสียก่อนทำให้เจ้าบ้านชวดได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย

    โอกาสลุ้นแบบได้น้ำได้เนื้อยังเป็น "สิงห์บลูส์" ที่มีมากกว่า นาที 60 ฮัดสัน-โอดอย ได้ซัดนอกกรอบบอลพุ่งเกือบมุดใต้คานแต่ยังไปติดปลายมือของ จอร์แดน พิคฟอร์ด

    นาที 65 ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่วันนี้โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเรียกจุดโทษให้เจ้าถิ่นได้หลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด รวบล้มลงไป ผู้ตัดสิน เดวิด คู๊ท เป่าให้จุดโทษทันทีก่อนที่ จอร์จินโญ่จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเลือดเย็นให้ เชลซี ออกนำ 2-0

    นาที 80 ทัพของ ทูเคิ่ล เกือบได้เม็ดที่สามหลัง ติโม แวร์เนอร์ เบียดเอาชนะ เบน ก็อดฟรีย์ แนวรับทอฟฟี่เข้าไปซัดด้วยซ้ายเสาแรกแต่ยังติดขาของ พิคฟอร์ด ออกหลังอย่างน่าเสียดาย

    นาที 85 เมสัน เมาน์ท ตัวสำรองที่ลงมาไหลให้ แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปซัดติดบล็อค พิคฟอร์ด บอลกระดอนมาเข้าทาง ก็องเต้ ตามมาซ้ำก็ยังไปติดเซฟของ พิคฟอร์ด อีกครั้ง

   ช่วงทดเจ็บ นาที 90+4 เมสัน เมาน์ท ได้ลองซัดกว่า 20 หลานอกกรอบบอลพุ่งเกือบเข้าแต่ยังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด พุ่งไปออกไปได้อีก

    จบเกม เชลซี เบียดเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 รั้งอันดับ 4 ต่อไปมีเพิ่มเป็น 50 คะแนน หนี "ทอฟฟี่" ที่รั้งอันดับ 5 ซึ่งมีเพียงแค่ 46 แต้มเท่านั้น

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (กัปตันทีม), อันเดรียส คริสเตนเซ่น, คูร์ท ซูม่า - รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช (เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น.80), มาร์กอส อลอนโซ่ - คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย (เมสัน เมาน์ท น.66), ไค ฮาแวร์ตซ์ - ติโม แวร์เนอร์  (คริสเตียน พูลิซิช น.90)

    ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล

        เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - เมสัน โฮลเกท, ไมเคิ่ล คีน, เบน ก็อดฟรีย์, ลูก้าส์ ดีญ - อัลลัน, อังเดร โกเมส (แบร์นาร์ด น.76) - อเล็กซ์ อิโวบี้ (ทอม เดวิส น.56), กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน (กัปตันทีม) (โจชัว คิง น.70), ริชาร์ลิซอน - โดมินิค คัลเวิร์ท-ลูวิน

        ผู้จัดการทีม : คาร์โล อันเชลอตติ

         ผู้ตัดสิน : เดวิด คู๊ท