ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » โชต้าโคตรคม! 5 ประเด็นร้อนหลังลิเวอร์พูลบุกถล่มอาร์เซน่อล

โชต้าโคตรคม! 5 ประเด็นร้อนหลังลิเวอร์พูลบุกถล่มอาร์เซน่อล

Posted 04/04/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล ทำผลงานสุดยอดด้วยการบุกยำใหญ่ อาร์เซน่อล ขาดลอยถึง 3 ประตูซึ่งเกมนี้แฟนหงส์แดงต้องขอบคุณตัวสำรองที่ลงมาเปลี่ยนอย่างแท้จริง ด้วยชัยชนะนี้ก็ทำให้ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้าใกล้ท็อปโฟร์มากขึ้นด้วยและยังถือเป็นการเรียกความมั่นใจก่อนบุกดวล เรอัล มาดริด ในกลางสัปดาห์นี้ เรามาดูประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้กัน
1.ความคมต้องยกให้โชต้า

    “เดอะ ค็อป” อาจมีเซ็งเล็กน้อยเมื่อเกมนี้ ดีโอโก้ โชต้า ออกสตาร์ทเพียงแค่บนม้านั่งสำรองทั้งที่เจ้าตัวเพิ่งโชว์ฟอร์มฮอตในทีมชาติด้วยการยิง 3 ประตูจาก 2 เกม อย่างไรก็ตามถ้ามองอีกมุมหนึ่ง คล็อปป์ อาจเห็นว่า โชต้า สำคัญมากเลยต้องสั่งพักเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เต็มร้อยเพราะอย่าลืมว่ามีเกมสำคัญกับ เรอัล มาดริด ในกลางสัปดาห์นี้รออยู่

    เกมนี้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าตลอดทั้งเกม แต่ปัญหาคือจังหวะสุดท้ายพวกเขาขาดๆเกินๆตลอด โดยเฉพาะสามประสานแดนหน้าที่คู่แข่งจับทางได้ไม่ยาก เชื่อว่าแฟนหงส์อาจจะเห็นภาพนี้จนชินตาในฤดูกาลนี้ ทว่าคราวนี้พวกเขามีชายที่ชื่อว่า “โชต้า” กลับมาแล้ว คล็อปป์ ตัดสินใจครั้งสำคัญเปลี่ยน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ออกแล้วนำ โชต้า ลงมาในนาทีที่ 61 ซึ่ง 3 นาทีต่อมาเขาก็ไม่ทำให้แฟนหงส์ผิดหวังด้วยการโขกประตูขึ้นนำ

    ประตูแรกนี้เหมือนจะเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการครอสบอลจากด้านข้างให้กองหน้าโหม่งประตู แต่สิ่งที่ โชต้า ทำได้ดีกว่าบรรดาแนวรุกสามประสานนั่นคือการวิ่งหาตำแหน่งในเขตโทษรวมถึงความคมในการทำประตู ไม่เพียงเท่านั้นกองหน้าชาวโปรตุกีสยังมากดอีกหนึ่งประตูจากการวิ่งเข้ามาหวดบอลในเขตโทษหลังจาก อาร์เซน่อล เสียบอลในแดนหลัง นี่ถือเป็นประตูที่ 12 ในฤดูกาลนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนกับเกมรุกของทีม สามประสานแดนหน้าอาจจะดีแต่ถ้าขาดโชต้าไปมันขาดความเอร็ดอร่อยอย่างชัดเจน

2.เทรนต์ตอกหน้าเซาธ์เกต


    เมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่มีชื่ออยู่ในทีมชาติอังกฤษช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อถกเถียงกันว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต นี่เป็นโปรแกรมทีมชาติครั้งสุดท้ายก่อนต้องลุยฟุตบอลยูโรแล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่มีชื่อ นั่นหมายความว่าเขาอาจอดลุยยูโรปีนี้หรือเปล่า?

    ไม่ปฏิเสธว่าฤดูกาลนี้แบ็กขวาวัย 22 ปีมีซีซั่นที่ไม่ดีนัก แต่เพราะมาตรฐานที่เขาทำไว้เมื่อฤดูกาลที่แล้วสูงเกินหน้าเกินตาใครหลายคน พอรักษามาตรฐานไม่ได้ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ทว่าเขายังเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกและเขาใช้ผลงานในสนามเกมนี้ตอกย้ำว่าเขาควรจะมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในอีก 2 เดือนข้างหน้า

    นอกจาก เทรนต์ จะครอสบอลสุดสวยให้ โชต้า แล้ว เขายังสร้างโอกาสให้ทีมมากถึง 4 ครั้ง ถือเป็นผู้เล่นที่ฟอร์มดีที่สุดก่อนที่ โชต้า จะลงมาเป็นซูเปอร์ซับ และสิ่งที่สำคัญเลยคือเกมรับซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างหนักในฤดูกาลนี้ แต่สำหรับการเจอกับอาร์เซน่อล เขาสามารถเก็บ โอบาเมย็อง, คีแรน เทียร์นี่ย์ และ เซดริก โซอาเรส อยู่หมัด นี่ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในของเขาในซีซั่นนี้

3.แผนสวนกลับที่ไม่มีการสวนกลับ

    อาร์เซน่อล สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงและผลการแข่งขันที่ออกมาถือว่าไม่ผิดแปลกแต่อย่างใด แต่ก่อนเราจะมาสับผลงานของ “ปืนใหญ่” ต้องอย่าลืมว่าพวกเขาขาดตัวผู้เล่นทั้ง กรานิต ชาคา, บูกาโย่ ซาก้า และ เอมิล สมิธ โรว์ ซึ่งเป็นสามคีย์แมนหลักในตำแหน่งมิดฟิลด์และแนวรุก

    การขาดทั้งสามคนอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อาร์เตต้า ตัดสินใจวางแผนให้ อาร์เซน่อล เน้นเกมรับมากกว่าปกติและอาศัยจังหวะสวนกลับ เมื่อ “เดอะ กันเนอร์ส” พยายามเซ็ตบอลจากแดนของตัวเอง ผู้เล่นหลายคนไม่ค่อยเคลื่อนที่หาตำแหน่งกัน ขณะที่ โอบาเมย็อง และ เปเป้ ต้องลงมาล้วงบอลต่ำ พวกเขาต้องใช้เวลาในการสร้างเกมรุกขึ้นไป ซึ่ง ลิเวอร์พูล ใช้วิธีบีบเพรสซิ่งไม่ให้ทีมของอาร์เตต้าขึ้นบอลได้ง่าย

     ใน 25 นาทีแรก ผู้เล่นอาร์เซน่อลได้จับบอลในเขตโทษลิเวอร์พูลแค่ครั้งเดียวเท่านั้นก่อนตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เมื่อจบครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังเหมือนหนังม้วนเดิม อาร์เซน่อล ครองบอลไม่ได้เลยทำเกมสวนกลับไม่ได้ด้วย พวกเขาจบเกมด้วยโอกาสยิงแค่ 3 ครั้ง จ่ายบอลแค่ 299 ครั้ง (ลิเวอร์พูล จ่าย 610 ครั้ง) เป็นผลงานที่น่าผิดหวังมากๆของ อาร์เตต้า คงต้องคอยดูกันว่าพวกเขาจะกู้ฟอร์มมาในยูโปา ลีก ได้หรือไม่

4.ทีมเยือนหงส์ขอ

    แค่คิดก็เสียดายเหมือนกันหาก หงส์แดง ไม่แพ้คา แอนฟิลด์ จนถึงเดือนเมษายนนี้ พวกเขาจะมีสถิติไร้พ่ายเกมลีกในบ้าน 4 ปีติดต่อกัน แต่ในความเป็นจริงปีนี้ ลิเวอร์พูล ยังคงหาชัยชนะเกมลีกในบ้านไม่เจอเลย โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเฮในบ้านเกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนธันวาคม (ชนะ สเปอร์ส 2-1)

    หากรวมเกมนี้แล้ว หงส์แดง ชนะเกมเยือนมากถึง 6 จาก 7 นัดหลังสุด (ในลีก 5 ครั้ง, ชปล. 1 ครั้ง) พ่ายแพ้ครั้งเดียวนั่นคือเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ นี่ถือเป็นจุดแข็งใหม่ของ คล็อปป์ ไปแล้ว

5.ท็อปโฟร์ลุ้นสนุก

    เนื่องจากความพ่ายแพ้ของอันดับ 4 เชลซี และอันดับ 3 เลสเตอร์ ซิตี้ นี่จึงเป็นโอกาสทองที่ ลิเวอร์พูล จะกลับมาลุ้นท็อปโฟร์แบบเต็มตัวอีกครั้งและพวกเขาก็ไม่พลาดสามแต้มทำให้ลดช่องว่างจากท็อปโฟร์เหลือแค่ 2 คะแนนแล้ว

    และดูเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจเมื่อโปรแกรมที่เหลืออยู่ของพวกเขาถือว่าได้เปรียบคู่แข่งลุ้นท็อปโฟร์เป็นอย่างมากเพราะเหลือเจอทีมจากบิ๊กซิกซ์แค่เกมเดียวนั่นคือศึกแดงเดือดกับ แมนฯ​ ยูไนเต็ด ในเดือนหน้าแล้ว ขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี มีเกมเจอกับบิ๊กซิกซ์อีกทีมละ 3 นัด ส่วน เวสต์แฮม อีกหนึ่งทีมลุ้นฟุคบอลยุโรปก็ต้องมีเจอกับ เลสเตอร์ และ เชลซี ด้วย

    เกมที่เหลืออยู่ของ ลิเวอร์พูล คือการเจอกับ แอสตัน วิลล่า, ลีดส์, นิวคาสเซิ่ล, เซาธ์แฮมป์ตัน, เวสต์บรอมวิช, เบิร์นลี่ย์ และ คริสตัล พาเลซ มารอดูกันว่าหงส์แดงจะจบภายใน 4 อันดับแรกได้หรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »