ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เหนื่อยสายตัวแทบขาด! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู เฉือน ไบรท์ตัน

เหนื่อยสายตัวแทบขาด! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู เฉือน ไบรท์ตัน

Posted 05/04/2021 by siamsport

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องใช้พลังเต็มสูบกว่าจะพลิกเอาชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 2-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาทำแต้มไล่ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบห่างๆ อย่างห่วงๆ 14 คะแนน !
    
แฟนผีโปรเจกต์ คงเสียวซ่านสะท้านทรวงเมื่อโดนทีมเยือนซัดประตูนำไปก่อนจาก "มหาเทพ" แดนนี่ เวลเบ็ค ซึ่งใช้โควตายิงประตูทีมเก่า อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์  กลับไปเกมได้เป็นอย่างดี และจัดการยิงสองประตูนำทีมเก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ

ผลงานของทีมในตอนนี้ถือว่าพอใช่ได้ เพราะถึงฟอร์มในเกมล่าสุดจะไม่ได้สวยหรู แต่ยังสามารถเก็บชัยชนะได้ด้วยคุณภาพของผู้เล่นที่มีอยู่ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคงหนีไม่พ้นสภาพความฟิตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ดูเหมือนจะมีอาการเดี้ยงจนต้องถูกเปลี่ยนตัวในครั้งหลัง

1. แรชฟอร์ด ช่วยทีมอีกครั้ง
หลายคนค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสภาพความฟิตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด พอสมควร แต่งานนี้ โซลชา ยืนยันชัดเจนว่านักเตะฟิตสมบูรณ์พร้อมที่จะลงสนามในเกมปะทะกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

"หนูแรช" พลาดช่วยทีมชาติอังกฤษเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ แต่เขากลับโดนจับลงเล่นตัวจริง ซึ่งแน่นอนว่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงรู้สึกใจเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ พอสมควร เนื่องจากหวั่นใจว่าหากนักเตะไม่ฟิตแต่ดันถูกจับลงสนาม อาการบาดเจ็บอาจจะหนักขึ้นเป็นทวีคูณ

อย่างไรก็ตาม แรชฟอร์ด แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาฟิตเต็มร้อย และยังช่วยทีมได้เต็มที ซึ่งนักเตะมักจะซัดประตูสำคัญๆ นับตั้งแต่ที่ โซลชา เข้ามากุมบังเหียน และทำให้ทีมได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ ฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ กุนซือ "เบบี้เฟซ" ไม่สามารถขาดนักเตะรายนี้ได้

หัวหอกเจ้าของเสื้อเบอร์ 10 ซัดประตูตีเสมอสุดสำคัญให้กับทีมในครึ่งหลัง และยังมีบทบาทสำคัญในการปั่นป่วนเกมรับ ไบรท์ตัน ด้วยเหตุนี้ทำให้ โซลชา จำเป็นต้องถอดเขาออกจากเกมในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เพราะต้องการรักษาสภาพความฟิตของนักเตะ เนื่องจาก "ผีแดง" ยังมีโปรแกรมอีกเยอะในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

 2. วางใจมือ 1 ให้กับ เฮนเดอร์สัน
ดีน เฮนเดอร์สัน ได้รับความไว้วางใจจาก โซลชา ให้ทำหน้าที่ผู้รักษาประตูตัวจริงหลายแมตช์ในช่วงระหว่างที่ ดาบิด เด เคอา ไม่ได้ลงสนามในช่วงต้นฤดูกาลนี้ แต่การที่เห็นเขาเป็นมือ 1 ในตอนนี้น่าจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นแล้วว่าอนาคตของ โกลชาวสแปนิช เริ่มมืดมนเต็มที

ผลงานของ เด เคอา ค่อนข้างจะมีปัญหาในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าทีมยังไว้วางใจให้เขาเป็นมือ 1 แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างความไว้วางใจให้กับ โซลชา ได้มากนัก ในขณะที่ เฮนเดอร์สัน นับวันยิ่งทำผลงานได้ดี และเต็มไปด้วยความมั่นใจ

สำหรับตอนนี้ "น้าลูกอม" เลือกใช้งาน เฮนเดอร์สัน อย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันโกลทีมชาติอังกฤษ ได้ลงเล่นตัวจริงให้กับ "ปีศาจแดง" 7 เกมหลังสุดจากการแข่งขันในทุกรายการ นี่คงจะเป็นการบ่งบอกถึงแนวคิดของ โซลชา แล้วว่านายทวารของทีมควรจะเป็นใคร !

หากจะเปรีบเทียบฟอร์มของทั้งสองคนก็ต้องบอกว่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ โซลชา เลือก เฮนเดอร์สัน เฝ้าเสาก็เพราะเขามีความผิดพลาดน้อยกว่า เด เคอา ซึ่งในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีโกลที่เล่นผิดพลาดบ่อยๆ ย่อมส่งผลเสียหายต่อต้นสังกัดอย่างมาก
 
3. ขาดการครองเกมอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงต้นเกมต้องยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว สามารถครองเกมได้อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสในการส่งบอลเข้าไปในพื้นที่เขตโทษของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดยเฉพาะจังหวะที่ เมสัน กรีนวู้ด ซัดไปชนเสา

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ไบรท์ตัน สามารถปรับตัวได้แล้ว พวกเขาเริ่มที่จะกลับมาครองเกมได้เรื่อยๆ และสามารถลำเลียงบอลขึ้นไปกดดันเกมรับของเจ้าบ้านได้ตลอด และเกือบยิงประตูได้จากการบุกครั้งแรกของพวกเขา

สุดท้ายทีมต้องมาเสียประตูจากจังหวะที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ อารอน วาน-บิสซาก้า ต้องร่วมกันรับผิดพลาด เนื่องจากปล่อยให้ผู้เล่นไบรท์ตันได้เปิดบอลจากริมเส้น และเปิดโอกาสให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ได้โหม่งสบายๆ แม้ เฮนเดอร์สัน จะเซฟได้ในจังหวะแรก แต่ก็โดน อดีตแข้ง "ผีแดง" จัดการโหม่งซ้ำไม่เหลือซาก

กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาต้องมีความเฉียบคมมากกว่านี้เมื่อมีโอกาสทำประตู และจำเป็นต้องครองเกมให้ได้ตลอด จะทำให้ทีมได้เปรียบทันที เพราะหากปล่อยให้คู่แข่งได้มีโอกาสครองเกม พวกเขาอาจจะต้องเสียประตูอย่างที่เห็น

4. ผู้เล่นหลายคนฟอร์มหลุด
ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมจากบรรดาขุนพลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผลงานแบบนี้ทำให้แฟนบอล "ผีแดง" หลายคนหวนนึกถึงเกมที่พวกเขาเปิดฤดูกาลแพ้คาบ้านต่อ "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ

เกมนี้ "เร้ด เดวิลส์" มีเวลาในการเตรียมทีมค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนติดชาติ และเมื่อพวกเขากลับมาช่วยต้นสังกัดสภาพร่างกายดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซนต์ ทำให้ผลงานอาจจะดูติดๆ ขัดๆ ไปบ้าง

ปอล ป็อกบา เกมนี้ครองบอลได้ไม่ค่อยดีนัก และยังขาดพลังในการขับเคลื่อน ขณะที่ เอดินสัน คาวานี่ แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลยในแมตช์นี้ แถมยังเล่นได้ขัดหูขัดตามากๆ ขณะที่ แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แม้มาตรฐานของพวกเขาจะดร็อปไปบ้าง แต่ก็ยังมีส่วนสำคัญในการได้ประตูตีเสมอ

เรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงหนีไม่พ้นสภาพร่างกายของ แรชฟอร์ด เพราะเกมนี้เจ้าตัวเล่นได้ไม่เต็มร้อย แถมตอนถูกเปลี่ยนตัวออกยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกออกจากสนามด้วย ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ "ปีศาจแดง" เพราะหากทีมขาด "หนูแรช" ก็เหมือนขาดเครื่องจักรสังหารประตู !

 5.  แชมป์คงยากขอรองแชมป์เอาไว้ก่อน
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบห่างๆ ถึง 14 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่า 1 แมตช์ แม้หากมองตามหลักคณิตศาสตร์ด้วยโปรแกรมที่เหลืออยู่ 8 เกม "ผีแดง" ยังมีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์พลิกแซงคว้าแชมป์ แต่หากมองจากฟอร์มของ "เรือใบสีฟ้า" บอกเลยว่าไม่มีทาง !

สำหรับตอนนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ทุกคนยอมรับเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่การได้ตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะรองแชมป์ถือเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างมาก เพราะมันทำให้ทีมได้สิทธิ์ไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติ

ดังนั้นการโกยแต้มหนี เลสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 3 ถึง 4 คะแนนถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ และหากทีมสามารถการันตีตำแหน่งท็อปโฟร์ได้ในเร็วที่สุด นั่นจะทำให้ พวกเขามีสมาธิกับการลุ้นความสำเร็จในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก

หากทำได้มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในการหวนกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูฯ และยังเป็นแชมป์รายการแรกในยุคโซลชา ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »