ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เรอัลมาดริดย้ำแค้นลิเวอร์พูล-ซาลาห์กดอเวย์โกลลุ้นนัด2ที่แอนฟิลด์ ชปล.8ทีม

เรอัลมาดริดย้ำแค้นลิเวอร์พูล-ซาลาห์กดอเวย์โกลลุ้นนัด2ที่แอนฟิลด์ ชปล.8ทีม

Posted 07/04/2021 by siamsport

วินิซิอุส จูเนียร์ส โชว์ฟอร์มเฉียบตะบันสองเม็ดพา เรอัล มาดริด เปิดรังไล่อัด ลิเวอร์พูล ไปก่อนในยกแรก 3-1 แม้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยิงประตูทีมเยือน แต่เป็นงานหนักของ "หงส์แดง" ในนัดสองที่แอนฟิลด์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ8ทีม นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

    ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ที่สนาม อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เจ้าบ้าน เรอัล มาดริด ผ่านอตาลันต้าด้วยสกอร์รวม 4-1 เข้ามาพบ ลิเวอร์พูล ที่ปราบ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยประตูรวม 4-0 โดยคู่นี้เคยเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อรอบชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปี 2018 ซึ่งเป็น "ราชันชุดขาว" ที่ไล่อัด "หงส์แดง" 3-1

    ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ของแชมป์ยุโรป 13 สมัย ต้องเจอข่าวร้ายก่อนเกมเมื่อ ราฟาแอล วาราน มาติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เกมนี้ต้องปรับมาใช้ เอแดร์ มิลิเตา ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นาโช่ เฟร์นานเดซ ส่วนสามแนวรุกเป็น มาร์โค อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์

    ส่วนทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของ "หงส์แดง" ปรับทัพดร็อปทั้ง ติอาโก้ อัลกานตาร่า และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นสำรองแล้วส่ง นาบี เกอิต้า คุมกลางส่วนแนวรุกวาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่

    เปิดฉากมาแค่ 2 นาทีแรก เจ้าถิ่นชุดขาวได้โอกาสทักทายก่อนเลยหลัง กาเซมิโร่ โขกต่อให้ คาริม เบนเซม่า อัดด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลยังพุ่งไปเข้ามือ อลีสซง รับไว้ได้

    นาที 13 แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ล็อคบอลผ่าน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนครอสเสาแรกไปให้ วินิซิอุส จูเนียร์ โขกเล่นทางหลุดเสาไกลออกไป

    นาที 25 คาริม เบนเซม่า หลุดเข้าไปในกรอบก่อนจะซัดด้วยซ้ายไปติดบล็อค โอซาน คาบัค ที่ตามมาบล็อคไว้ได้ทัน

    กระนั้นนาที 27 เรอัล มาดริด หลังโหมบุกอย่างหนักมาได้ประตูขึ้นนำหงส์แดง 1-0 จนได้ จากความยอดเยี่ยมของ โทนี่ โครส ที่วางบอลจากแดนหลังข้ามหัว นาธาเนียล ฟิลลิปส์ แนวรับหงส์ให้ วินิซิอุส จูเนียร์ วิ่งเข้าไปพักอกลงก่อนซัดด้วยขวาผ่าน อลีสซง เสียบมุมเข้าไป

    กลายเป็นลิเวอร์พูลทำเสียบอลกันง่าย และนาที 32 เกือบโดนลงโทษอีกหลัง คาริม เบนเซม่า หลุดมาทางขวาก่อนหักเข้ากลางให้ วินิซิอุส ซัดไปแฉลบ แนท ฟิลลิปส์ ออกหลัง

    นาที 36 แนวรับหงส์แดงมาพลาดอีก และคราวนี้เสียเม็ดที่สองให้ "ราชันชุดขาว" นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ โทนี่ โครส ตักบอลจากแดนตัวเองจะให้ เมนดี้ แต่โดน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พยายามโหม่งบอลคืนหลัง ทว่าน้ำหนักบอลเบาไปกลายเป็นโดน มาร์โก อาเซนซิโอ  ฉกบอลเข้ากระดกข้ามหัว อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ปัดไม่พ้นก่อนที่ อาเซนซิโอ จะตามไปซ้ำด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ

    หงส์แดงโดนเจาะอยู่ฝ่ายเดียวชนิดยังไม่มีโอกาสยิงเลยสักครั้ง และนาที 42 คล็อปป์ ต้องแก้เกมด้วยการถอด นาบี เกอิต้า ออกแล้วส่ง ติอาโก้ อัลกานตาร่า ลงเล่นแทน

    นาที 43 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นเม็ดที่สามหลัง มาร์โค อาเซนซิโอ หลุดขึ้นมาทางขวาก่อนซัดไปติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์

    จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 2-0

    ครึ่งหลัง นาที 51 ลิเวอร์พูล มาตีไข่แตกไล่เจ้าถิ่นมาเป็น 1-2 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ มาเน่ ลากจากครึ่งสนามเข้ามาให้ โชต้า ล็อคเข้าขวาซัดไปติดบล็อค โมดริด แต่บอลมาเข้าทาง ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายเข้าไป วีเออาร์ เช็กไม่เป็นจังหวะล้ำหน้าของ ซาลาห์ ยืนยันให้ประตู

    นาที 65 เรอัล มาดริด มาได้เม็ดที่สามนำห่าง จากจังหวะที่ ลูกัส บาซเกซ ทุ่มให้ เบนเซม่า ไหลย้อนหลังให้ โมดริด พาบอลเข้าไปในกรอบแล้วจ่ายต่อให้ วินิซิอุส กดด้วยขวาลอดขา แนท ฟิลลิปส์ ผ่านมืออลีสซงเข้าไปให้ "ราชันชุดขาว" นำห่าง 3-1

    เกมรุกของชุดขาวยังน่ากลัว นาที 71 เกือบได้ลุ้นเม็ดที่สี่ วินิซิอุส จูเนียร์ส ไหลออกขวาให้ คาริม เบนเซม่า อัดด้วยขวาเสาแรกไปเข้ามืออลีสซง
   
     จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปก่อนในเกมแรก 3-1 นัดที่สองจะกลับไปเล่นที่ แอนฟิลด์ วันพุธที่ 14 เมษายน นี้

       รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ลูกัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ - ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่, โทนี่ โครส - มาร์โค อาเซนซิโอ (เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ น.70), คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์ (โรดรีโก้ น.85)
    
         ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.81), แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - นาบี เกอิต้า (ติอาโก้ อัลกานตาร่า น.42), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.81), ซาดิโอ มาเน่

        ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »