สุดสัปดาห์นี้ เราคัดคู่ที่น่าสนใจมาให้ดูประเด็นร้อนๆ ก่อนเกม 7 คู่ โดยมีบิ๊กแมตช์ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม และการชิงชัยท็อปโฟร์ ระหว่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ เลสเตอร์ ซิตี้
    "แมนฯ ซิตี้-ลีดส์ ยูไนเต็ด"

     แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในบ้านตัวเองแค่ครั้งเดียวจากการเจอกัน 7 นัดบนศึก พรีเมียร์ลีก (ชนะ 2 เสมอ 4) ซึ่งก็ต้องย้อนไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2001 เลยทีเดียว

    "เรือใบสีฟ้า" ไม่แพ้ต่อทีมน้องใหม่ 41 นัดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม(ชนะ 36 เสมอ 5) โดยครั้งสุดท้ายที่แพ้คือการพ่ายต่อ เรดดิ้ง 0-2 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007 ภายใต้การคุมทีมของ สจ๊วร์ต เพียร์ซ

    การเจอกันของทั้งคู่ครั้งล่าสุด ลีดส์ ยูไนเต็ด ครองบอลได้ถึง 52% ในเกมที่ลงเอยด้วยการแบ่งแต้ม 1-1 ซึ่งตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมมาไม่เคยมีทีมไหนเลยบนลีกสูงสุดที่จะมีตัวเลขการครอบครองบอลเหนือกว่าทีมของเขาได้ทั้งสองนัด เหย้า-เยือน

    "ยูงทอง" เก็บคะแนนได้ 42 แต้มจาก 30 เกมก่อนหน้านี้ นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองในศึก พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2001/02 (52 คะแนน) ที่พวกเขาจบอันดับที่ 5

    "ลิเวอร์พูล-แอสตัน วิลล่า"

    แม้ฟอร์มในลีกช่วงหลังจะกระเตื้องขึ้น แต่ ลิเวอร์พูล ยังต้องหลีกเลี่ยงการปราชัยในถิ่น แอนฟิลด์ 7 นัดติดต่อกัน โดยที่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ คือทีมสุดท้ายที่เจอสถิติย่ำแย่แบบนั้น หลังจากเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019

    ที่สำคัญกว่านั้น ทีมที่จบอันดับสูงสุดในขณะที่ตัวเองมีสถิติแพ้ในบ้าน  6 นัดติดต่อกันหรือมากกว่านั้น คือ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อฤดูกาล 1946/47 โดยที่ "แบล็ค แคท" จบอันดับที่ 9 ของตาราง

    ดีโอโก้ โชต้า ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ในฐานะตัวสำรองซีซั่นนี้ไปแล้ว 4 ลูก ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเหนือกว่าใครๆ

    แอสตัน วิลล่า สอยตาข่าย ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 7 ลูก จากเกมแรกที่เอาชนะมาได้ 7-2 ซึ่งมีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูใส่ "หงส์แดง" ในหนึ่งฤดูกาลมากกว่าพวกเขา (8 ประตู ฤดูกาล 2017/18)

    ไม่มีทีมใดเก็บคลีนชีตยามเล่นเกมเยือนฤดูกาลนี้ได้มากกว่า วิลล่า อีกแล้ว(8 ครั้ง) และขออีก 1 นัดเท่านั้นพวกเขาก็จะบันทึกสถิติใหม่ของสโมสรในการเก็บคลีนชีตเกมเยือนบนลีกสูงสุด

    "คริสตัล พาเลซ-เชลซี"

    คริสตัล พาเลซ ตั้งเป้าเก็บคลีนชีตในบ้านตัวเองให้ได้ 4 นัดติดในศึก พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก

    10 เกมหลังสุดในการเจอกับ เชลซี บนเวที พรีเมียร์ลีก คริสติย็อง เบนเตเก้ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงไปแล้วถึง 8 ลูก โดยแบ่งเป็น 6 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์

    เชลซี เอาชนะ พาเลซ ได้ตลอด 6 เกมหลังที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพวกเขาในการเจอกับทีมใดทีมหนึ่งในฟุตบอลลีก

    โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือของ "สิงห์บลูส์" มีสิทธิ์เป็นผู้จัดการทีมคนที่สองของทีมที่พา เชลซี ไม่แพ้เกมนอกบ้าน 6 นัดแรก ต่อจาก ลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่

    "เวสต์แฮม-เลสเตอร์"

    ก่อนเกมสุดสัปดาห์นี้จะเริ่มขึ้น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คือทีมอันดับ 2 ที่มีผลงานในบ้านดีที่สุด โดยเก็บได้ 28 แต้ม ขณะที่ฝั่ง เลสเตอร์ ซิตี้ คือทีมเบอร์ 2 ที่ผลงานดีสุดในยามเล่นเกมเยือน (34 คะแนน)

    หาก "เดอะ แฮมเมอร์ส" ทำ 3 ประตูได้ในช่วงครึ่งแรก จะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่สองต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถพังตาข่ายคู่แข่งได้ในช่วงครึ่งแรก 3 ประตู 3 นัดติดต่อกัน โดย "ปีศาจแดง" เคยทำไว้เมื่อเดือนกันยายน ปี 2011

    "เดอะ ฟ็อกซ์" เป็นหนึ่งใน 6 ทีมที่ยังไม่แพ้ใครที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม (ชนะ 2 เสมอ 2) โดยมีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เท่านั้นที่ลงเล่นที่นี่มากกว่าแล้วปราศจากความพ่ายแพ้ (5 นัด)

    อาโยเซ่ เปเรซ แข้งสแปนิชของ เลสเตอร์ มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงไปแล้ว 6 ลูกจาก 7 นัดที่ลงสนามเจอกับ เวสต์แฮม โดยทำได้ 3 ประตู และ 3 แอสซิสต์

    "สเปอร์ส-แมนยู"

    ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มีโอกาสเป็นทีมแรกของ พรีเมียร์ลีก ที่สามารถเอาชนะ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ภายใต้การคุม แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเหย้า-เยือนได้ หากเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ อีกทั้งยังจะเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่จะสามารถเอาชนะ แมนยู ไป-กลับได้อีกต่างหาก

    แฮร์รี่ เคน ต้องการอีกแค่ประตูเดียวก็จะทำให้เขายิงได้แตะหลัก 20 ลูกเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกัน และจะทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ที่ทำได้หลังจากก่อนหน้านี้มี อลัน เชียร์เรอร์ (7 ครั้ง), เซร์คิโอ อเกวโร่ (6 ครั้ง) และ เธียร์รี่ อองรี (5 ครั้ง) ที่เคยทำได้

    "ปีศาจแดง" ไม่แพ้เกมเยือนในลีกมาแล้ว 22 เกมติดต่อกัน(ชนะ 14 เสมอ 8) มีแค่ อาร์เซน่อล  เท่านั้นที่ทำสถิติได้ยาวนานกว่า โดย "ปืนใหญ่" ทำได้ 23 นัดช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2001 ถึงเดือนกันยายน ปี 2002 และ 27 นัดติดต่อกันในช่วงระหว่างเดือนเมษายน ปี 2003 ถึงเดือนกันยายน ปี 2004

    เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าดาวรุ่งของ แมนยู มองหาการทำประตู 2 นัดติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 ขณะเดียวกันมีแค่ เวย์น รูนี่ย์ (15 ประตู) และ มาร์คัส แรชฟอร์ด (13 ประตู) เท่านั้นที่เป็นแข้งวัยทีนเอจของ "ปีศาจแดง" ที่ทำประตูได้มากกว่าเขา (12 ประตู)

    "เชฟฯ ยูไนเต็ด-อาร์เซน่อล"

    เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ในบ้านตัวเองต่อ อาร์เซน่อล ทั้ง 4 ครั้งที่เจอกันในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก(ชนะ 2 เสมอ 2) โดยเอาชนะด้วยสกอร์ 1-0 สองครั้งเมื่อฤดูกาล 2006/07 และ 2019/20

    ความพ่ายแพ้ของ "เดอะ เบลด" 15 จาก 24 นัดเป็นการแพ้ด้วยผลต่างประตูลูกเดียว ซึ่งไม่มีทีมไหนเคยแพ้ด้วยผลต่างสกอร์เดียวมากกว่าพวกเขาอีกแล้วในหนึ่งฤดูกาล

    อาร์เซน่อล ไม่สามารถรักษาคลีนชีตได้เลยในเกมลีก 9 นัดหลังสุด โดยมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้นที่พวกเขาไม่รักษาคลีนชีตได้นานกว่านี้ คือ 11 นัด เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2018 และ เดือนกุมภาพันธ์ ปี2002

    8 จาก 11 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ของ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ เกิดจากเกมที่เล่นนอกบ้าน

    "ไบรท์ตัน-เอฟเวอร์ตัน"

    ไบรท์ตัน ยังไม่แพ้ในบ้านต่อ เอฟเวอร์ตัน เลยในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก (ชนะ 2 เสมอ 1)

    แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้าทีมเจ้าถิ่นมีส่วนร่วมกับประตู 8 ลูกยามเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ( 4 ประตู 4 แอสซิสต์) โดย 4 ประตูดังกล่าวมาจากการลงเล่นกับ 3 สโมสรที่ต่างกัน ซันเดอร์แลนด์, แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล

    เอฟเวอร์ตัน เป็นทีมที่ทำประตูด้วยลูกโหม่งมากที่สุดในลีก (12 ประตู) ขณะที่ ไบรท์ตัน เป็นทีมที่มีอัตราการเสียประตูจากลูกโหม่งแย่ที่สุดในลีกคิดเป็น 24 % จากประตูที่ตัวเองเสียทั้งหมด(9 จาก 38 ลูก)

    มีแค่ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน(14 ประตู) เท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับประตูให้กับ เอฟเวอร์ตัน มากกว่า ฮาเมส โรดริเกซ โดยฝ่ายหลังมีตัวเลขทั้งสิ้น 10 ครั้งจาก 6 ประตู และ 4 แอสซิสต์