ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ดับฝัน4แชมป์! 5 ประเด็นร้อนหลังเชลซีกำราบแมนซิตี้ศึกเอฟเอคัพ

ดับฝัน4แชมป์! 5 ประเด็นร้อนหลังเชลซีกำราบแมนซิตี้ศึกเอฟเอคัพ

Posted 18/04/2021 by siamsport

เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล เป็นฝ่ายกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ​ เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้หลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการปราบจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนฯ​ซิตี้ ได้สำเร็จ ด้วยประตูชัยของ ฮาคิม ซีเย็ค ในครึ่งเวลาหลัง เกมนี้มีหลายประเด็นให้พูดถึงไม่ว่าจะเป็นผลงานของผู้ทำประตูชัย, อาการบาดเจ็บของนักเตะคนสำคัญ​รวมไปถึงการดับฝันลุ้น 4 แชมป์ของ "เรือใบ" ด้วย เรามาเจาะลึกประเด็นเด็ดกันทีละข้อ
1.วันของซีเย็ค

    ฤดูกาลแรกของ ฮาคิม ซีเย็ค กับ เชลซี ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหลังย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์ เขาเจออาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้งจนพลาดลงเล่นไปหลายนัด กว่าจะฟิตเต็มถึงก็ใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง แถมผลงานในสนามยังไม่มีความสม่ำเสมอจึงทำให้เขาเข้าๆออกๆการเป็นตัวจริงอยู่ตลอด โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลุดไปเป็นตัวสำรองหลายเกมภายหลังการเข้ามาคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ถึงขนาดมีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตามเกมนี้ ซีเย็ค พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสำคัญกับเชลซีมากขนาดไหน สื่อหลายสำนักถึงกับยกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เขาเริ่มต้นเกมนี้ด้วยการส่งบอลซุกก้นตาข่ายแต่ทว่าจังหวะก่อนหน้านี้มีการล้ำหน้าเสียก่อนเลยไม่เป็นประตู กองกลางวัย 28 ปียังผ่านบอลทะลุไลน์กองหลัง แมนฯ ซิตี้ สวยๆหลายครั้งซึ่งมีครั้งหนึ่งที่ถึง รีซ เจมส์ แล้วได้ครอสบอลต่อให้ ชิลเวลล์ วอลเลย์

    ครึ่งหลัง ซีเย็ค สร้างอันตรายอยู่หลายครั้งจนกระทั่งมาเป็นผู้ยิงประตูจากการทำเกมสวนกลับสุดสวยของ เชลซี ก่อนเจ้าตัวได้ซัดหน้าปากประตูโล่งๆ ต่อมาเขาก็มีโอกาสทองที่จะยิงประตูที่สองด้วยหลังได้หลุดเดี่ยวแต่น่าเสียดายที่ยิงไปติดเซฟ นี่ถือเป็นฟอร์มที่คู่ควรสำหรับการเป็นตัวจริงให้ เชลซี เขาฉวยโอกาสได้ดีหลังจากที่ คริสเตียน พูลิซิช ฟอร์มดร็อปลงไป หลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่าเขาจะรักษามาตรฐานแบบนี้ได้จนจบฤดูกาลหรือไม่

2.ทั้งสองทีมยังต้องการกองหน้า


    ช่วง 45 นาทีแรกเป็นเกมที่สูสีสำหรับทั้งสองทีมแต่เมื่อดูจากประสิทธิภาพการทำเกมรุกแล้วก็ต้องบอกว่าทั้งสองฝ่ายยังสร้างโอกาสได้น้อยมาก ทัพ “เรือใบสีฟ้า” มีโอกาสยิงแค่ 3 ครั้งเท่านั้นในครึ่งแรกซึ่งจากสถิติมีเพียงแค่เกมกับ เวสต์แฮม และ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ที่พวกเขามีโอกาสยิงน้อยกว่า

    ขณะที่ฝั่ง เชลซี ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะพวกเขามีโอกาสยิงแค่ 2 ครั้งและเมื่อเทียบสถิติแล้วก็เหมือนกับ แมนฯ​ซิตี้ เลยเนื่องจากมีสองเกมที่พวกเขามีโอกาสยิงน้อยกว่าเกมนัดนี้ได้แก่การเจอกับ ลิเวอร์พูล และ ปอร์โต้

    มาดูผลงานที่กองหน้าทั้งสองฝั่ง ติโม แวร์เนอร์ โชว์ฟอร์มดีทีเดียวทั้งการเคลื่อนที่และการช่วยต่อบอล แต่เจ้าตัวก็ยังขาดความมั่นใจในการจบสกอร์ โดยมีอยู่จังหวะหนึ่งที่เขากระชากหลบกองหลังคู่แข่งแต่ก็ยิงเบาหวิว ทว่าฝั่ง กาเบรียล เชซุส น่าผิดหวังมากกว่า มีโอกาสง้างยิงแค่ครั้งเดียวตลอดเกมนั่นคือการยิงไกลเข้ามือของเกปา

    อย่างไรก็ตามลองนึกภาพว่าถ้าทั้งสองทีมมีกองหน้าที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ น่าจะช่วยยกระดับทีมขึ้นมามากทีเดียว ศึกเอฟเอ รอบรองชนะเลิศนี้เป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันประเด็นเรื่องศูนย์หน้าให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่แปลกใจที่ เชลซี และ แมนฯ​ ซิตี้ จะทำศึกนอกสังเวียนเพื่อแย่งชิงว่าที่ศูนย์หน้าระดับโลกอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาจาก ดอร์ทมุนด์

3.เดอบรอยน์เจ็บส่งผล?


    จอมทัพของ “เรือใบ” อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ เจอเกมที่ยากลำบากทีเดียวเมื่อโดน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ วิ่งตามเข้าประกบอยู่ตลอด แม้กองกลางเบลเยี่ยมจะได้ครอบครองบอลอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ยังสร้างสรรค์เกมได้น้อยมาก ส่วนนี้ต้องชมแผนเกมรับของ โธมัส ทูเคิ่ล ด้วย

    จนกระทั่งครึ่งหลังเริ่มเล่นมาแค่ 3 นาที เดอ บรอยน์ โชคร้ายเมื่อได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหลังจากที่เข้าดวลกับ ก็องเต้ แล้วเจ้าตัวพยายามฝืนเกี่ยวบอลเล่นต่อ ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาถูกเปลี่ยนตัวออกและนำ ฟิล โฟเด้น ลงมาแทน

    ไม่รู้ว่า เดอ บรอยน์ เจอกับบาดเจ็บรุนแรงแค่ไหน ถ้าหากเขาจำเป็นต้องพักหลายนัดก็ถือว่าทีมเสียหายหนักมากเพราะว่า แมนฯ ซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการลุ้นแชมป์หลายรายการไม่ว่าจะเป็น ชปล. รอบรองชนะเลิศกับ เปแอสเช หรือจะเป็น คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศกับ สเปอร์ส ยังไม่นับรวมในลีกที่ แมนฯ​ ยูไนเต็ด มีโอกาสลดช่องว่างในช่วงโค้งสุดท้าย แฟนเรือใบคงต้องส่งกำลังใจให้ เดอ บรอยน์ กันแล้ว

4.สเตอร์ลิงน่าห่วง-เมาน์ทการันตีทีมชาติ


    เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือ “สิงโตคำราม” เข้ามาชมฟอร์มนักเตะที่อัฒจันทร์สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ด้วยซึ่งทั้งสองทีมมีแข้งเลือดผู้ดีอยู่หลายคนที่เป็นแคนดิเดตในการติดทัพลุยฟุตบอล ยูโร ซัมเมอร์นี้

    ฝั่ง แมนฯ ซิตี้ มี จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์คเกอร์, ฟิล โฟเด้น และ ราฮีม สเตอร์ลิง โดยสองคนแรกนั้นไม่ได้ลงเล่นนัดนี้ ส่วนในรายของ ฟิล โฟเด้น ลงมาในช่วงครึ่งหลัง ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่น่าจะได้โควต้าติดทีมชาติแน่นอน แต่ด้วยฟอร์มจากเกมนี้แล้วมันอาจส่งผลต่อการเป็นตัวจริงในทีมของ เซาธ์เกต ก็เป็นได้

    สเตอร์ลิง ผ่านบอลเสียหลายครั้งและยังเสียบอลง่ายให้กับผู้เล่นเชลซี ความมั่นใจของเขาหดหายไปอย่างชัดเจนส่งผลงถึงฟอร์มการเล่นในสนาม ความจริงเราได้เห็นเขาโชว์ผลงานย่ำแย่ตั้งแต่เกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อนัดก่อนแล้ว หากมองในตัวเลือกริมเส้นไม่ว่าจะเป็น แจ็ค กรีลิช, มาร์คัส แรชฟอร์ด ,เจดอน ซานโช่ รวมถึง ฟิล โฟเด้น ก็ถือว่าน่าเป็นห่วงสำหรับ สเตอร์ลิง ดังนั้นโค้งสุดท้ายนี้เขาคงต้องเรียกฟอร์มกลับโดยเร็วที่สุด

    ส่วน เชลซี นั้นมีนักเตะอังกฤษอย่าง รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ ซึ่งมีผลงานโดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ แต่ทว่าคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เมสัน เมาน์ท ที่แม้ว่าจะโดนหยุดโดนทำฟาวล์โดย แฟร์นันดินโญ่ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเฉิดฉายในการเชื่อมเกมรุกให้กับทีม เขาเป็นคนจ่ายบอลทะลุอย่างสวยงามให้ แวร์เนอร์ ก่อนทีมได้ประตู หากวันไหนเชลซีไม่มี เมาน์ท เกมรุกจะดร็อปลงอย่างชัดเจน ด้วยฟอร์มแบบนี้มันคงการันตีได้แล้วว่าเขาจะเป็นตัวจริงในทีมชาติอังกฤษอย่างแน่นอน

5.เป๊ปอด4แชมป์-ทูเคิ่ลของจริง


    นี่เป็นความพ่ายแพ้ 2 จาก 3 นัดหลังสุดรวมทุกรายการของ แมนฯ​ ซิตี้ ซึ่งน่าจะทำให้ความมั่นใจของทีมลดถอยลงไปมาก แต่หลังจากนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงต้องเรียกฟอร์มของทีมกลับมาให้ได้โดยเร็วเพราะมีโปรแกรมสำคัญรออยู่ในอีกสามถ้วยที่เหลือให้ลุ้นตอนนี้ เริ่มจากพรีเมียร์ลีกซึ่งมีคิวต้องบุกเยือน แอสตัน วิลล่า วันพุธนี้ แล้วต่อด้วยการชิงถ้วยใบแรกของฤดูกาลกับ สเปอร์ส ในศึกคาราบาว คัพ ก่อนต้องบุกเยือนยักษ์ใหญ่ เปแอสเช ในวันพุธหน้า ดูจากโปรแกรมแล้วถือเป็นโค้งสำคัญของทีมเลยทีเดียว รอดูกันต่อไปว่า "ทริปเปิ้ลแชมป์" จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

    ส่วนทางฝั่งเชลซีนั้นคงไม่ต้องชมอะไรให้มากเพราะผลงานของ โธมัส ทูเคิ่ล ดีต่อเนื่องมานานและนี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเขาคือของจริง เขาพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ, เข้ารอบรองชนะเลิศ​ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงมีแต้มห่างจากโซนท็อปโฟร์แต้มเดียว คำว่ายอดเยี่ยมคงน้อยเกินไปยิ่งเมื่อพิจารณจากการที่เขาเข้ามารับเผือกร้อนกลางฤดูกาล คงต้องรอดูว่าจบฤดูกาลจะมีแชมป์ติดไม้ติดมือมากี่ถ้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »