ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ท็อปโฟร์เริ่มเลือนลาง ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล บุกเจ๊า ลีดส์

ท็อปโฟร์เริ่มเลือนลาง ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล บุกเจ๊า ลีดส์

Posted 20/04/2021 by siamsport

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสสำคัญในการขึ้นไปรั้งอันดับ 4 หลังจากที่พวกเขาทำได้เพียงแค่บุกไปเสมอ "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามเอลแลนด์ โรด ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
 
หนึ่งคะแนนในแมตช์นี้ถือว่าเสียหายอย่างยิ่งสำหรับแชมป์เก่า เพราะนั่นทำให้โอกาสในการคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของพวกเขายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เนื่องจาก เชลซี มีโปรแกรมดวลกับ ไบรท์ตันฯ วันอังคารนี้ หากพวกเขาชนะจะขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์ทันที พร้อมทำแต้มทิ้ง "หงส์แดง" 4 คะแนนเลยทีเดียว

สำหรับตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ต้องรีบเรียกขวัญกำลังใจ และกระตุ้นลูกทีมอย่างหนัก เพราะถึงแม้ว่าการลุ้นติดหนึ่งในสี่บนตารางลีกอาจจะยากมากขึ้น แต่ทุกอย่างก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นอย่าเพิ่งยอมแพ้

1. เทรนต์ คืนฟอร์มเก่ง

ช่วงนี้ต้องยอมรับว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากขึ้นก็คือผลงานในเกมรับของเขาที่ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ส่วนเรื่องเกมรุกถือเป็นเครื่องหมายการันตีของเจ้าตัวอยู่แล้ว

แมตช์นี้ "เจ้าหนูเทรนต์" ใช้โอกาสในการเติมเกมรุกที่ดุดันเนื่องจากแนวรับของ ลีดส์ มักจะดันขึ้นสูงทำให้มีพื้นที่ว่างบริเวณริมเส้น ซึ่งทำให้ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ฉกฉวยประโยชน์จากตรงนี้เติมเกม และเปิดบอลกดดันเจ้าบ้านได้ตลอดโดยเฉพาะในครึ่งแรก

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพิ่งจะสวมบทฮีโร่จัดการซัดประตูชัยในช่วงทดเจ็บเกมชนะ แอสตัน วิลล่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ในเกมนี้เขาก็เป็นคนแอสซิสต์ให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ซัดประตูให้ "หงส์แดง" ขึ้นนำในครึ่งแรก

สำหรับครึ่งหลัง ฟูลแบ็กเลือดผู้ดี ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นไปกดดันกองหลัง "ยูงทอง" มากนัก เนื่องจากทีมของกุนซือมาร์เซโล่ บิเอลซ่า เปิดเกมบุกใส่อย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องมาเล่นเกมรับ และก็ทำได้ดี แต่น่าเสียดายที่ดันมาโดนตีเสมอจากลูกเตะมุมในช่วงท้ายเกม

แม้ผลการแข่งขันจะไม่น่าอภิรมย์สำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" แต่อย่างน้อยการได้เห็น "เทรนต์" ซึ่งทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ตลอดการเล่น 6 แมตช์ติดต่อกัน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนี่เป็นสิ่งที่เหล่าสเกาเซอร์ไม่ได้เห็นมานานหลายเดือนแล้ว

2. หัวใจนักสู้ของลีดส์

สำหรับ 45 นาทีแรกแน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้เหนือกว่า และสมควรที่จะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 หรืออาจจะได้มากกว่านี้หากพวกเขามีความเฉียบคม แต่ผลงานช่วงครึ่งหลังสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องยกเครดิตให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด

ใครจะไปคิดว่า "เดอะ เร้ดส์" ที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งตลอด จะโดนเจ้าบ้านครองเกมได้กว่า 70 เปอร์เซนต์ในช่วง 45 นาทีหลัง แถมยังสร้างโอกาสได้มากมาย จนทีมเยือนออกอาการเป๋ไปเป๋มาหลายต่อหลายครั้ง

หนึ่งในเหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูนั่นก็เพราะความเหนียวหนึบของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ช่วยเซฟจังหวะสำคัญๆ หลายครั้งโดยเฉพาะจากการยิงของ แจ็ค แฮร์ริสัน กับ ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ ขณะที่ แพทริค แบมฟอร์ด ซัดอย่างเหนือชั้นแต่น่าเสียดายบอลชนคาน

การปรับหมากของ บิเอลซ่า ทำให้ ลีดส์ เล่นได้อย่างน่าเกรงขาม แม้ว่าแนวรับของพวกเขาจะลอยสูง แต่เกมบุกของ ลิเวอร์พูล ดันขาดความเฉียบคมทำให้แมตช์นี้ยังคงสูสี ที่สำคัญนักเตะ "ยูงทอง" ไม่กลัวที่จะเปิดหน้าแรกกับแชมป์เก่า จนกระทั่งมาได้ประตูตีเสมอในช่วงสามนาทีสุดท้าย

ต้องยอมรับว่า ลีดส์ ได้แสดงเห็นถึงการเล่นที่มุ่งมั่นกระตือรือร้น, การเคลื่อนที่หาตำแหน่ง และการพยายามกดดันเพื่อที่จะเอาประตูคืนให้ได้ โดยสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับเกมดวล ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่พวกเขาแสดงให้เห็นมาตลอดในทุกๆ แมตช์ในฤดูกาลนี้

ฉะนั้นการได้ 1 คะแนนจาก ลิเวอร์พูล ถือเป็นแต้มที่สมควรอย่างยิ่งที่พวกเขาได้รับจากความพยายามที่ไม่เคยย่อท้อ และความกล้าที่จะห่ำหั่นกับคู่ต่อสู้แบบไม่เกรงกลัว
 
3. อลีสซง โชว์เซฟสำคัญหลายครั้ง

เกมนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะเขาช่วยเซฟประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันไม่เพอร์เฟกต์ เพราะสุดท้ายทัพ "หงส์แดง" ทำได้เพียงแค่เสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เท่านั้น

นายทวารชาวบราซิเลียน ค่อยๆ กลับมาคืนฟอร์มเหนียวหนึบอย่างต่อเนื่อง โดยในแมตช์นี้เขาโชว์ความสุดยอดด้วยการบล็อกจังหวะยิงของ แบมฟอร์ด ในครึ่งแรก จากนั้นก็ยังเซฟลูกยิงของ ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ และ แจ็ค แฮร์ริสัน

อลีสซง พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหยุด ลีดส์ ไม่ให้ได้ประตู แต่น่าเสียดายที่การเล่นเกมรับที่หละหลวมในจังหวะเตะมุมช่วงท้ายเกมนำไปสู่การโดนตีเสมออย่างน่าเจ็บปวด อย่างไรก็ตามแม้ทีมจะได้แค่ 1 แต้ม แต่นั่นไม่ได้บดบังความยอดเยี่ยมของ โกลทีมชาติบราซิล ที่แสดงให้เห็นในแมตช์นี้

4. สามประสานแนวใหม่ฟอร์มยังไม่สุด

คล็อปป์ เลือกใช้แท็กติก 3 ประสานเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ลองหันมาใช้ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้า ต้องบอกว่าการที่สามคนนี้ลงสนามพร้อมกันช่วยทำให้เกมบุกของ ลิเวอร์พูล มีมิติที่หลากหลาย และสามารถปั่นป่วนเกมรับของเจ้าบ้านได้ตลอดโดยเฉพาะในช่วง 45 นาทีแรก

โชต้า ถูกจับให้ไปยืนเป็นตัวรุกฝั่งซ้าย และเขาก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมเพราะการเคลื่อนที่ของ ดาวเตะชาวโปรตุกีส ทำให้กองหลัง ลีดส์ ต้องเจอกับงานที่ยากลำบากในการหยุดเขา โดยเฉพาะเวลาที่ได้บอลในเขตโทษ โชต้า มีโอกาสที่จะยิงประตูแต่น่าเสียดายที่เขาขาดความเฉียบคมไปหน่อย

สำหรับ มาเน่ กับ ฟีร์มีโน่ ถือว่าทำผลงานได้ตามมาตรฐาน เพราะทั้งคู่ใช้ทักษะส่วนตัวในการจัดการกับแนวรับ "ยูงทอง" ก่อนที่ สตาร์ทีมชาติเซเนกัล จะได้รับบอลถวายพานมาจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และเขาก็จัดการไม่เหลือซาก

ในครึ่งหลัง คล็อปป์ ตัดสินใจถอด มาเน่ ออกและให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมาแทน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถกดดันกองหลังเจ้าบ้านได้เรื่อยๆ แม้ในครึ่งหลัง ลีดส์ จะครองเกมได้เหนือกว่า แต่ทีมเยือนก็มีโอกาสสวนกลับหลายครั้ง น่าเสียดายที่พวกเขาขาดความเฉียบคม ไม่อย่างนั้นผลการแข่งขันอาจไม่ออกมาเป็นแบบนี้ !!

5. เหนื่อยเป็นทวีคูณในการลุ้นท็อปโฟร์

ลองคิดดูหากลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้มในเกมนี้ได้ นั่นจะทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ทันที แต่สุดท้ายความหวังของพวกเขาก็มลายสลายสิ้นจากประตูของ ดีเอโก้ ยอเรนเต้ ในช่วงท้ายเกม ส่งผลให้ "หงส์แดง" ทำแต้มหลุดมือไป 2 คะแนนอย่างน่าเสียดาย

จริงๆ แล้วนี่เป็นโอกาสทองของ "เดอะ เร้ดส์" ในการขึ้นไปรั้งท็อปโฟร์ เพราะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เพิ่งพลาดท่าแพ้ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และยังเป็นการกดดัน เชลซี ที่จะต้องแข่งกับ ไบรท์ตัน ในวันอังคารนี้

ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเหล่าสเกาเซอร์เป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถคว้า 3 คะแนนสำคัญในเกมนี้ เพราะหากจะมองกันตามรูปเกมแม้ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล จะเป็นรองในเรื่องการครองบอลก็ตาม แต่โอกาสที่พวกเขาจะจบสกอร์ก็มีหลายครั้ง แต่ดันไม่เฉียบคมเอง

ผลเสมอในแมตช์นี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ยุติฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในการเก็บชัยชนะในเกมลีก 3 แมตช์ติดต่อกัน ส่วนการลุ้นทำอันดับเพื่อคว้าโควตาไปลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังคงต้องสู้กันต่อไป เพราะอีก 6 เกมต่อจากนี้พวกเขาจะสะดุดไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นก็โบกมือลาท็อปโฟร์ไปได้เลย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • คาบัคยังไม่เนียน,เทรนต์แอสซิสต์สวย!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกเจ๊าลีดส์
    "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เสียประตูช่วงท้ายเกม พร้อมทำสองแต้มหลุดมือ ทำให้พลาดขึ้นอันดับสี่ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย หลังบุกไปเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนาม เอลแลนด์ โร้ด เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่า ช่วงครึ่งหลังฟอร์มดร็อปลงไปมาก เมื่อเทียบกับครึ่งแรก แถมมีข้อผิดพลาดในแผงหลัง และนี่คือผลสอบของลูกทีมกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ละคนในแมตช์นี้ ซึ่งไม่มีใครที่ฟอร์มโดดเด่นแบบมากๆ
  • ลิเวอร์พูลแต้มหล่น! ลีดส์ไล่เจ๊าท้ายเกม ชวดแซงเวสต์แฮมขึ้นท็อปโฟร์
    "หงส์แดง" แม้จะได้ ซาดิโอ มาเน่ ซัดขึ้นนำทว่าช่วงท้ายเกมครึ่งหลังโดน ลีดส์ ยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอ 1-1 ทำให้แบ่งแต้มกันไป ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 53 คะแนน รั้งอันดับ 6 เหมือนเดิม โดยตามอันดับ 4 เวสต์แฮมถึงสองคะแนน ส่วนลีดส์อยู่อันดับ 10 มี 46 คะแนน ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
  • จำได้ไหม?เผยคำพูดคล็อปป์กล่าวถึงซูเปอร์ลีก2ปีก่อน
    หลังจากศึก ซูเปอร์ลีก กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกลูกหนัง ล่าสุด เจมส์ เพียร์ซ นักข่าวสาย ลิเวอร์พูล ก็ไปขุดคำพูดในอดีตของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มา โดยตอนนั้น คล็อปป์ บอกว่าไม่อยากให้เกิดรายการ ซูเปอร์ลีก เลย และบอกว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็มีรูปแบบที่ดีอยู่แล้ว
  • ลิเวอร์พูลไม่ง่าย-ขอขึ้นที่ 4! "ซาลาห์" นำ3หน้าซัดรังลีดส์ที่ฟอร์มกำลังแจ่ม
    "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หวังคว้าชัยเพื่อแซงขึ้นที่ 4 คาดว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า และ ซาดิโอ มาเน่ จะลงประสานคมปิดสกอร์เกมบุกรัง "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่คว้าชัยมาแล้ว 3 เกมรวด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันจันทร์ที่ 19 เม.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD 1 (เวลา : 02.00 น.)

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »