หลังจบเรื่องวุ่นๆ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ไปแล้ว ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องกลับมามีสมาธิในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยวันเสาร์ที่ 24 เมษายนนี้พวกเขามีแมตช์สำคัญรับมือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งเป็นเกมที่ต้องการชัยชนะอย่างมาก
          สำหรับแมตช์นี้ "เดอะ เร้ดส์" ได้รับข่าวดีเมื่อ เคอร์ติส โจนส์ ฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ข่าวร้ายก็คือ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ยังมีอาการบาดเจ็บหมดสิทธิ์ลงสนาม ฉะนั้น ฟาบินโญ่ กองกลางชาวบราซิเลียน ต้องลงไปประจำตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กจำเป็นอีกเกม

          ยิ่งไปกว่านั้นเกมนี้มีความหมายอย่างมากเพราะชัยชนะจะถือเป็นการต่อลมหายในการลุ้นท็อปโฟร์ของ ลิเวอร์พูล แต่หากพลาดได้แค่ 1แต้มหรือไม่ได้แต้มเลย งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" อาจจะต้องทำใจ และไปซ้อมนอนดึกวันพฤหัสบดี เพื่อรอชมเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก แทน !!

1. สมาธิหลังจบเรื่องวุ่นซูเปอร์ลีก

          ช่วงสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสรท็อปซิกซ์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตอบตกลงเข้าร่วมการแข่งขันรายการยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก หรือ "อีเอสแอล" โดยในเวลานั้น "หงส์แดง" โดนกระแสโจมตีอย่างหนักจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะสาวก "เดอะ ค็อป" ที่รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

          อย่างไรก็ตามตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" ได้ตัดสินใจถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เช่นเดียวกันอีก 5 สโมสรที่เหลืออยู่เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว ที่สำคัญ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เจ้าของสโมสร ได้อัดวีดิโอเพื่อกล่าวขอโทษแฟนบอลลิเวอร์พูล ทั่วโลก กับการเดินหมากผิดมหันต์ในครั้งนี้

          แม้กระแสความไม่พอใจยังคงมีอยู่ก็ตาม แต่ตอนนี้ คล็อปป์ กับแข้ง "หงส์แดง" สามารถกลับมามีสมาธิในเกมพรีเมียร์ลีก ได้ซะที หลังจากที่ในเกมมันเดย์ไนท์ พวกเขาเล่นได้อย่างน่าผิดหวังโดยเฉพาะในครึ่งหลัง จนเป็นเหตุให้เสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ชวดขึ้นรั้งท็อปโฟร์ไปอย่างน่าเสียดาย

          แน่นอนว่าในเกมรับมือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนต็ด สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องการก็คือชัยชนะ เพราะอย่างน้อยๆ จะเป็นการชดเชยความรู้สึกของแฟนบอลที่ผิดหวังกับเรื่อง "ซูเปอร์ลีก" และเป็นการเรียกศรัทธากลับคืนมาในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น

          ทิ้งท้ายนิดนึง เพราะได้ข่าวแว่วๆ มาว่าสิ่งที่จะทำให้ เฮนรี่ กับ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) ได้รับการอภัยจากสาวก "เดอะ ค็อป" ก็คือการทุ่มเงินซื้อ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ หรือ เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ ถ้าทำได้จริง เรื่องที่ผิดพลาดถือเป็นอันเจ๊ากันไป !!!

2. คาบัค ฟอร์มเด่นแต่หัวใจ "เดอะ ค็อป" นับถือ

          แฟนบอลลิเวอร์พูล เริ่มตกหลุมรัก โอซาน คาบัค เซนเตอร์แบ็กชาวตุรกี หลังจากทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญจิตใจของเขากำลังจะเป็นสเกาเซอร์ หลังจากเจ้าตัวเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่กดดันบอร์ดบริหารให้ถอนตัวจากยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก

          ปราการหลังทีมชาติตุรกี ย้ายจาก ชาลเก้ 04 มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยจะอยู่กับต้นสังกัดชั่วคราวไปจนกระทั่งจบซีซั่น อย่างไรก็ตามในช่วงแรกๆ ของเขากับ "เดอะ เร้ดส์" ต้องล้มลุกคลุกคลานพอสมควร และดูเหมือนอนาคตของเขาจะดับกับทีม

          อย่างไรก็ตามตอนนี้ คาบัค ปรับตัวกับเกมลูกหนังในเมืองผู้ดีได้แล้ว และกลายเป็นตัวหลักของทีม โดยเฉพาะการจับคู่กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่ลงเล่นบ่อยที่สุดของทีมในซีซั่นนี้ กลายเป็นหัวใจหลักในเกมรับช่วงที่ผ่านมา

          ผลงานของ คาบัค พิสูจน์แล้วว่าสามารถเล่นให้ ลิเวอร์พูล ได้ แต่สิ่งที่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ประทับใจมากๆ ก็คือการที่เขาส่งข้อความสำคัญไปยังบอร์ดบริหารเอฟเอสจี จนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจยกเลิกแนวคิดไปลุย "ซูเปอร์ลี"

          ด้วยเหตุนี้ทำให้บรรดาเหล่าสเกาเซอร์ตัดสินใจแต่งเพลงใหม่เพื่อเป็นการเชิดชูให้กับฟอร์มการเล่น และจิตใจที่น่านับถือของ คาบัค น่าเสียดายที่ตอนนี้เกมลูกหนังไม่มีแฟนบอลเข้าสนาม ไม่งั้นคงได้ยินเพลงของ คาบัค ดังสนั่นที่แอนฟิลด์ แน่นอน

          แต่การทำแบบนี้ถือเป็นสัญญาณที่บอร์ดบริหารลิเวอร์พูล น่าจะคิดได้ว่า คาบัค สมควรที่จะถูกเซ็นสัญญามาเล่นในแอนฟิลด์ ถาวรหรือไม่ !!??

 
3. ฟาบินโญ่ ยืนหลังอีกแล้ว, สามประสานหน้าเดิม

          สิ่งที่เซ็งที่สุดของแฟนบอลลิเวอร์พูล ก็คือข่าวที่ แนท ฟิลลิปส์ ยังคงมีปัญหาบาดเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อหลังหัวเข่า และหมดสิทธิ์ลงสนามแน่นอนในแมตช์รับมือ "สาลิกาดง" นั่นหมายความว่า ฟาบินโญ่ จะต้องลงไปเยือนเซนเตอร์แบ็กอีกครั้ง

          ส่วนข่าวดีก็คงเป็นเรื่องที่ เคอร์ติส โจนส์ หายเจ็บกลับมาลงซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้ว  แต่คงเป็นได้เพียงยางอะไหล่เพราะแมตช์นี้ คล็อปป์ คงตัดสินใจใช้งาม ติอาโก้ อัลกันทาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม และ เจมส์ มิลเลอร์ ทำหน้าที่คุมแผงมิดฟิลด์

          ขณะที่เกมรุกแน่นอนว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน ยังคงใช้ระบบกองหน้า 3 ตัวตามเดิม แต่เกมนี้ทุกคนคงได้เห็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมาเล่นตัวจริงอีกครั้งหลังเกมกับ ลีดส์ โดนดร็อปเป็นตัวสำรอง ส่วนคู่หูก็คือ ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่า สำหรับ ดีโอโก้ โชต้า ต้องรอโอกาสของเขาอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง

          ในกรณีของ "บังโม" เขาต้องการอีกแค่ 1 ประตูก็จะกลายเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถยิงได้ 20 ประตูในการเล่นเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีให้กับ ลิเวอร์พูล ในสามฤดูกาล นับตั้งแต่ที่ "เพชฌฆาตหน้าติดหนวด" เอียน รัช เคยทำเอาไว้ 4 ครั้งในช่วงยุค 80 
 
4. โรเบิร์ตสันต้องรีดฟอร์มเก่งกลับคืนมา

 แม้ว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จะได้รับคำชมอย่างมากจากฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างคงเส้นคงวา ในเรื่องเกมรับเจ้าตัวไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ขาดหายไปก็คือเกมรุกที่ดุดัน โดยเฉพาะลูกเปิดจากริมเส้นที่ตอนนี้ขาดประสิทธิภาพอย่างแรง

 ผลงานช่วงที่ผ่านมาของ สตาร์ดังชาวสกอตติช ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ แต่สำหรับในฤดูกาลนี้ แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องยอมรับว่า โรเบิร์ตสัน เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เขาสร้างเอาไว้อย่างมาก และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ฟอร์มของสโมสรก็ย่ำแย่ไปด้วย

 สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือสถิติในการเล่นเกมรุกของเจ้าตัวที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์มากนัก โดยแบ็กซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์ ยังไม่สามารถทำแอสซิสต์ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลยนับตั้งแต่ที่เข้าสู่ปี 2021 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยครั้งล่าสุดที่เขาแอสซิสต์ได้ก็คือในเกมพบ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่ผ่านมา จากการครอสบอลสุดงามให้ ฟีร์มีโน่ ทำประตู

 ฟูลแบ็กวัย 27 ปีเคยทำ 11 และ 12 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2018/19 และ 2019/20 ตามลำดับ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรีดฟอร์มเก่งกลับมาให้เร็วที่สุดในช่วงโค้งสุดท้าของซีซั่น เพราะหากพลังเกมรุกทางฝั่งซ้ายเงียบเหงาแบบนี้ อาจจะทำให้ทีมพลาดเป้าหมายติดท็อปโฟร์ได้

 
5. เส้นทางท็อปโฟร์ต้อง 3 แต้มเท่านั้น

          สถานการณ์ในตารางลีกตอนนี้ ลิเวอร์พูล รั้งอันดับ 7 มี 53 คะแนน ห่างจาก เชลซี ทีมอันดับ 4 เพียง 2 แต้มเท่านั้น ฉะนั้นนี่คือภารกิจสำคัญในการดวลกับ นิวคาสเซิ่ล ที่ คล็อปป์ แอนด์โค. จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าสามแต้มให้ได้

          หาก "เดอะ เร้ดส์" สามารถไล่อัดผู้มาเยือนได้สำเร็จในถิ่นแอนฟิลด์ จะทำให้พวกเขาแซง "สิงโตน้ำเงินคราม" ขึ้นไปยึดท็อปโฟร์ทันที ขณะเดียวกัน เชลซี กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องตัดแต้มกันเองเนื่องจากพวกเขาต้องฟาดฟันกันในคู่ดึก

          แน่นอนว่าหาก ลิเวอร์พูล ชนะในเกมนี้ จะเป็นการกดดันทั้ง "สิงห์บลูส์" และ "ขุนค้อน" ที่มี 55 แต้มเท่านั้น แต่หากแชมป์เก่าไม่สามารถเก็บสามคะแนนเต็มได้ นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะคว้าโควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คงจะเลือนลางเต็มที่

          ฉะนั้นหากไร้ชัยชนะ บรรดาแฟนบอล "หงส์แดง" คงจะไม่ชินกับการนอนดึกในวันพฤหัสบดี เพราะเกมยูโรปา ลีก แข่งในช่วงวันนั้นพอดี !!!