คุณไม่มีทางผ่าน "สปีดวอลล์" (Speed Wall) กำแพงเหล็กที่ทั้งแกร่งทั้งเร็วไปได้ ! นี่คือคำนิยามและสมญานามที่แฟนบอล สปอร์ติ้ง ลิสบอน มอบให้กับ เอดูอาร์โด้ กวาเรสม่า เซนเตอร์แบ็กพรสวรรค์สูง ที่กำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในเวลานี้
    
เจ้าหนูวัย 19 ปีเป็นญาติห่างๆ กับ ซิโก้ ตำนานจอมทัพทีมชาติบราซิล เจ้าของฉายา "เปเล่ขาว" ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับพรสวรรค์ด้านเกมลูกหนังมาจากพระเจ้า และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีหลายสโมสรชั้นนำในยุโรปสนใจอยากได้ตัวไปร่วมทีม โดยหนึ่งในนั่นก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด !

ผลงานของ กวาเรสม่า ที่แสดงออกมาให้เห็นนับตั้งแต่ได้รับโอกาสลงสนามเปิดตัวกับต้นสังกัดในปี 2020 สร้างความประทับใจให้กับทุกๆ คนอย่างมาก ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยักษ์ใหญ่หลายทีมต้องการนำเขาออกมาพบกับโลกลูกหนังใหม่นอกประเทศโปรตุเกส

ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ แอตเลติโก มาดริด ทั้งหมดนี้มีข่าวแสดงความสนใจอยากได้ตัว กวาเรสม่า ไปเสริมทัพ แต่จริงๆ แล้วนักเตะเคยเกือบได้ย้ายไปเล่นให้ เอซี มิลาน เมื่อปีที่ผ่านมา โดย "รอสโซเนรี่" เสนอเงิน 5 ล้านปอนด์ (ราว 190 ล้านบาท)พร้อมดีเอโก้ ลาซัลท์   แบ็กซ้ายชาวอุรุกวัย แต่ไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตามบรรดาสโมสรทั้งหลายที่อยากได้ กวาเรสม่า ไปร่วมทีม คงจะต้องจ่ายเงินมากกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะตอนนี้นักเตะขยายสัญญาใหมกับ สปอร์ติ้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีค่าฉีกสัญญาประมาณ 41 ล้านปอนด์ (ราว 1,558 ล้านบาท)

เริ่มเจิดจรัสในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรง
กวาเรสม่า เกิดในประเทศโปรตุเกส โดยเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุสามขวบกับสโมสร จี.ดี. ฟาบริล ทีมนอกลีก จากนั้นพออายุ 6 ขวบ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้ไปเจอนักเตะเข้า และจากนั้นก็เฝ้าติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็คว้าตัวมาปลุกปั้น โดยนักเตะรายนี้ได้รับคำชื่นชมจากโค้ชจำนวนมากในเรื่องคุณภาพความเป็นผู้นำ

ผลงานในระดับเยาวชน กวาเรสม่า ได้เป็นกัปตันทีมให้กับ สปอร์ติ้ง และโปรตุกีส จนกระทั่งเขาได้ถูกเรียกตัวให้ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในปี 2019 โดยในช่วงระหว่างปรีซีซั่นฤดูกาล 2019/20 ดาวเตะวัยละอ่อน ได้เริ่มฉายแสงความเป็นยอดนักเตะอย่างต่อเนื่อง

ฟอร์มของเขาทำให้ได้รับการเลื่อนขึ้นไปเล่นให้กับทีมในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยเซนเตอร์แบ็กเจ้าของความสูง 6 ฟุต 1นิ้ว หรือประมาณ 185 เซนติเมตร ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกมระดับเยาวชนต้องหยุดแข่งไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตามโค้ชทีมชุดใหญ่ค่อนข้างที่จะเชื่อมั่นในฝีเท้าของ กวาเรสม่า อย่างมาก ทำให้พวกเขาพร้อมให้นักเตะได้ลงสนามกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

ยุคใหม่ยุคของคนรุ่นใหม่
การมาของ รูเบน อโมริม กุนซือคนหนุ่มไฟแรงวัย 36 ปี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้อนาคตของ กวาเรสม่า เริ่มสดใสมากยิ่งขึ้น เพราะเทรนเนอร์คนนี้ต้องการให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่มีฝีเท้าจัดจ้านได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่

สปอร์ติ้ง ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ปลุกปั้นในนักเตะระดับโลกขึ้นมาประดับวงการลูกหนังมากมายอย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, หลุยส์ ฟิโก้, ชูเอา มูตินโญ่, นานี่ และ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (ไม่ใช่ญาติกัน) ฉะนั้นที่นี่จึงเป็นทีมที่พร้อมให้ดาวรุ่งได้แจ้งเกิดหากพวกเขามีศักยภาพจริงๆ

นอกจาก กวาเรสม่า แล้วยังมีบรรดานักเตะในอะคาเดมี่ที่ได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเช่น นูโน่ เมนเดส วัย 18 ปี, โจแอลสัน แฟร์นันด์ส วัย 17 ปี และ ติอาโก้ โทมาส วัย 18 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ

สำหรับ กวาเรสม่า นั้นเขาได้ลงสนามเปิดตัวในเกมเสมอ วิคตอเรีย เอส.ซี 2-2 ที่น่าเหลือเชื่อก็คือจากนักเตะที่ไม่เคยมีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวจริงในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และลงเล่นตำแหน่งแบ็กขวาเนื่องจากทีมเล่นระบบกองหลัง 3 ตัว
 
คุณสมบัติที่แสนโดดเด่น
คุณสมบัติที่ต้องบอกว่าเลยว่าโดดเด่นท่สุด และสร้างชื่อให้กับเขานั่นก็คือความรวดเร็ว แม้ว่า กวาเรสม่า จะมีส่วนสูง 185 เซนติเมตร ซึ่งด้วยวัยของเขายังสามารถสูงได้อีกหลายเซนติเมตร แต่สภาพร่างกายค่อนข้างผอมบางนั่นหมายความว่าเขาคงต้องเจองานหนักในการประกับนักเตะที่มีรูปร่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม กวาเรสม่า มีสิ่งที่เข้ามาทดแทนนั่นก็คือความเร็ว ไม่ใช่แค่การวิ่งสปรินท์ว่องไวราวกับหนุมานเท่านั้น แต่นักเตะยังมีทักษะในการอ่านเกมได้อย่างชาญฉลาด และสามารถดักจังหวะอันตรายก่อนที่มันจะเกิดขึ้นได้

ด้วยมาตรฐานของเซนเตอร์แบ็กในปัจจุบันที่ไม่ใช่แค่เล่นเกมรับอย่างเดียว แต่เกมรุกต้องโดดเด่นด้วย ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะ กวาเรสม่า เป็นกองหลังที่สามารถครองบอลได้ดี และยังพาบอลจากแนวรับขึ้นไปเล่นเกมรุกได้สบายๆ

ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คาดหวังเอาไว้สูงว่าจะเก็บ กวาเรสม่า ให้อยู่กับทีมให้นานที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเงินสามารถง้างได้ทุกสิ่ง ด้วยเหตุนี้ไม่ช้าก็เร็วเมื่อสิงโตหนุ่มเติบโตเต็มวัย ก็คงถึงเวลาที่จะต้องไปผงาดเป็นเจ้าป่าในทุ่งหญ้าที่ยิ่งใหญ่กว่านี้