ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เชลซีได้อเวย์โกล! บุกเจ๊าเรอัลมาดริด-เบนซ์ซัดทำสถิติ ตัดเชือกชปล.นัดแรก

เชลซีได้อเวย์โกล! บุกเจ๊าเรอัลมาดริด-เบนซ์ซัดทำสถิติ ตัดเชือกชปล.นัดแรก

Posted 28/04/2021 by siamsport

คริสเตียน พูลิซิช แม้จะซัดให้ "สิงห์บลูส์" บุกมานำก่อน ทว่าคาริม เบนเซม่า วอลเลย์สุดงามให้ เรอัล มาดริด ไล่ตีเสมอ 1-1 แถมยังทำสถิติยิงประตูมากสุดในชปล.เป็นอันดับ 4 ที่ 71 ประตูเท่ากับ ราอูล กอนซาเลซ ตำนานของชุดขาว โดยเกมนัดที่สองต้องไปลุ้นกันอีกทีที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์บ้านของ เชลซี ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

สนาม : เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

    ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา เรอัล มาดริด ผ่าน "หงส์แดง" มาด้วยประตูรวม 3-1 เข้ามาพบกับ เชลซี ที่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายผ่าน ปอร์โต้ เข้ามาด้วยประตูรวม 2-1

    ซีเนอดีน ซีดาน บอสใหญ่ของ "ราชันชุดขาว" แชมป์รายการนี้ 13 สมัย ปรับทัพจากเกมที่เสมอกับ เรอัล เบติส ในลีก 0-0 โดยมาในระบบ 3-5-2 แดนกลางยังเป็น โทนี่ โครส, กาเซมิโร่ และลูก้า โมดริช ขับเคลื่อนเกมให้สองคู่หน้าซึ่งใช้ คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์ ขณะที่  เอแด็น อาซาร์ ได้กลับมาเจอกับอดีตทีมเก่า แต่มีชื่อเป็นแค่สำรองข้างสนาม

    ส่วนทางฝั่ง "สิงห์บลูส์" โธมัส ทูเคิ่ล ผลงานในลีกค่อนข้างดีล่าสุดเฉือนเอาชนะ เวสต์แฮม 1-0 เกมนี้ไม่มีปัญหาอะไรให้รบกวน เลือกใช้ ติโม แวร์เนอร์ ยืนหน้าเป้าโดยมี คริสเตียน พูลิซิช และเมสัน เมาน์ท ที่เกมนี้ลงเล่นครบ 100 นัดทุกรายการให้กับทีมคอยสนับสนุน

    ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 10 นาที "สิงห์บลูส์" ทิ้งโอกาสทองที่จะบุกมาขึ้นนำก่อน หลัง เมสัน เมาน์ท ลากตัดเข้ามาซัดไปติดบล็อคเจ้าถิ่น แต่บอลลอยมาเสาไกล คริสเตียน พูลิซิช โขกตั้งเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์ วิ่งมายิงจ่อๆ โล่งๆ แต่ยังไปติดขา ติโบต์ กูร์กตัวส์ เซฟไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

    อีกนาทีถัดมา เชลซี ได้ลุ้น เบน ชิลเวลล์ ไหลบอลเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้บอลนอกกรอบอีกก่อนจะตะบันด้วยขวาเต็มแรง แต่บอลพุ่งเลียดไปเข้ามือ กูร์กตัวส์ รับไว้ได้ไม่มีปัญหา

    จนแล้วจนรอด นาที 14 "สิงห์บลูส์" มาทะยานออกนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ วางบอลตัดหลังให้ คริสเตียน พูลิซิช หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไป แม้สัมพัสบอลแรกไม่ดีจับยาวไปแต่ตามไปเก็บก่อนลากเข้ามาแล้วหลบ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าไปซัดด้วยขวาส่งบอลเข้าก้นตาข่าย

    นาที 23 โอกาสลุ้นหนแรกของเจ้าถิ่น บอลจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ไหลเข้ากลางให้ คาริม เบนเซม่า พาบอลเข้าไปซัดเต็มแรงบอลพุ่งไปชนเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย

    แม้ฝนจะเทลงมาอย่างหนัก แต่นาที 29 เรอัล มาดริด มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 สำเร็จ บอลเริ่มจากลูกเตะมุมทางซ้าย โทนี่ โครส เล่นสั้นกับ โมดริด ไหลต่อให้ มาร์เชโล่ ตักบอลยาวไปเสาไกลให้ ราฟาแอล วาราน โขกชงมาเสาแรกให้ มิลิเตา เช็ดต่อถึง คาริม เบนเซม่า พักอกแล้วล้มตัววอลเลย์เข้าไป ทำสถิติยิงเยอะสุดดในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เป็นอันดับ 4 ที่ 71 ประตูเท่ากับ ราอูล กอนซาเลซ ตำนานแข้งของเรอัล มาดริด (3.โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 73 ประตู, 2.ลิโอเนล เมสซี่ 119 ประตู และอันดับ 1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 134 ประตู)

    นาที 32 โทนี่ โครส ได้ลองส่องไกลจากนอกกรอบบ้างแต่บอลก็หลุดกรอบ อีก 5 นาทีต่อมาเป็นฝั่ง "สิงห์บลูส์" บ้างคราวนี้ ติอาโก้ ซิลวา ลากเข้าไปซัดเต็มแรงแต่บอลพุ่งไปหัว วาราน ออกหลัง

    นาที 41 ทีมเยือนได้บอลสวนกลับมา คริสเตียน พูลิซิช แทงออกขวาให้ ติโม แวร์เนอร์ ควบบอลเข้าไปในกรอบก่อนซัดมุมแคบบอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายออกไป

    จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด เสมอกับ เชลซี 1-1

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 50 "ชุดขาว" สวนกลับเร็วจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ พาบอลขึ้นมาแล้วให้ คาริม เบนเซม่า ทางซ้ายกระชากตัดเข้าไปซัดด้วยขวาหลุดกรอบออกไป

    นาที 66 ซีดาน เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เอแดน อาซาร์ ลงมาแทน จูเนียร์ วินิซิอุส ส่วนทางฝั่ง "สิงห์บลูส์" ทูเคิ่ล เปลี่ยนทีเดียวสามคนถอดเอา คริสเตียน พูลิซิช, ติโม แวร์เนอร์ และเซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ก่อนจะส่ง ฮาคิม ซิเย็ค, ไค ฮาแวร์ตซ์ และรีซ เจมส์ ลงเล่นแทน

    นาที 78 ไค ฮาแวร์ตซ์ เรียกฟรีคิกได้นอกกรอบ ก่อนจะเป็น ฮาคิม ซิเย็ค วิ่งมาปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายบอลข้ามกำแพงแต่ยังไปเข้ามือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

    เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นในนาทีที่ 88 จากจังหวะที่ โทนี่ โครส เปิดเตะมุมมาให้ ราฟาแอล วาราน พุ่งโขกแต่บอลไปแฉลบ เบน ชิลเวลล์ หลุดเสาออกไป

    ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่สามารถยิงประตูกันเพิ่มได้ จบการแข่งขัน เรอัล มาดริด เสมอกับ เชลซี 1-1 ไปลุ้นนัดที่สองอีกทีที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อหาทีมผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม  

        เรอัล มาดริด (3-5-2) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เอแดร์ มิลิเตา, ราฟาแอล วาราน, นาโช่ เฟร์นานเดซ - ดานี่ การ์บาฆัล (อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า น.77), โทนี่ โครส, กาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช, มาร์เชโล่ (มาร์โก อเซนซิโอ น.77) - คาริม เบนเซม่า (โรดรีโก้ น.90+2), วินิซิอุส จูเนียร์ (เอแดน อาซาร์ น.66)

        เทรนเนอร์ : ซีเนอดีน ซีดาน 

        เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - อันเดรีย คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (รีซ เจมส์ น.67), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, เบน ชิลเวลล์ - เมสัน เม้าน์ท, คริสเตียน พูลิซิช (ฮาคิม ซิเย็ค น.66) - ติโม แวร์เนอร์ (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.66)

        เทรนเนอร์ : โธมัส ทูเคิ่ล

        ผู้ตัดสิน : ดานนี มัคเคลี่ (ฮอลแลนด์)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »