ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ท็อปโฟร์ยังมีหวัง! 5 ประเด็นร้อนหลังลิเวอร์พูลเชือดเซาธ์แฮมป์ตัน

ท็อปโฟร์ยังมีหวัง! 5 ประเด็นร้อนหลังลิเวอร์พูลเชือดเซาธ์แฮมป์ตัน

Posted 09/05/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะสุดสำคัญหลังเปิดบ้านอัด เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ถือเป็นแมตช์ที่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หืดจับไม่น้อยเพราะทีมเยือนตอบโต้ได้อย่างสูสีแต่ความแตกต่างของเกมนี้คือความเฉียบคมของแนวรุกเท่านั้น แน่นอนว่าสามแต้มในเกมนี้ส่งผลให้ หงส์แดง ยังมีความหวังในการลุ้นโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เรามาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้กัน
1.อลีสซงพิสูจน์ความเวิลด์-คลาส

    ลิเวอร์พูล มักจะชอบดันไลน์กองหลังขึ้นสูงเพื่อเดินหน้าเกมรุกเต็มที่ แน่นอนว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีนักเตะที่เอื้อกับแผนการเล่นของ คล็อปป์ ด้วย แต่ปัญหาคือคู่กองหลังอย่าง รีซ วิลเลี่ยมส์ และ แนท ฟิลลิปส์ ไม่ได้มีความเร็วมากนัก ทำให้แนวรับเผยจุดอ่อนอยู่หลายครั้งโดยเฉพาะเมื่อ เซาธ์แฮมป์ตัน ใช้นักเตะที่มีความเร็วเล่นงานแผงแบ็กโฟร์

    อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังมีปราการด่านสุดท้ายอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ซึ่งทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน เขาเซฟไปทั้งหมด 6 ครั้งในเกมนี้ โดยการเซฟที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงนาที 30 ที่ เช อดัมส์ ได้ยิงจ่อๆ แต่ต้องชม อลีสซง ที่ออกมาปิดมุมอย่างรวดเร็วจนต่อมาลิเวอร์พูล สวนกลับและได้ประตูขึ้นนำ

    ครึ่งหลังแม้จะมีจังหวะที่เขาจ่ายบอลพลาดแต่ก็ยังแก้ตัวด้วยการเซฟลูกยิงของ เช อดัมส์ คนเดิม นี่ยังไม่นับรวมการที่ อลีสซง ออกมานอกเส้นเขตโทษเพื่อตัดบอลยาวที่เซาธ์แฮมปืตันพยายามจะเล่นงาน แน่นอนว่าด้วยผลงานเช่นนี้ไม่แปลกใจที่ สกาย สปอร์ตส์ จะมอบรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ให้กับเจ้าตัว

2.ประตูที่ติอาโก้รอคอย

    ติอาโก้ อัลกันตาร่า มีผลงานขึ้นๆลงๆนับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขายังรักษาฟอร์มการเล่นให้สม่ำเสมอไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเจอกับปัญหาเรื่องความฟิตมาตลอดทั้งฤดูกาล มีหลายเกมที่เขาโดนวิจารณ์หนักหน่วงเช่นกัน

    หลังจากลงเล่นมาทั้งหมด 26 นัดรวมทุกรายการ ติอาโก้ มาเปิดซิงยิงประตูแรกในสีเสื้อหงส์แดงได้สำเร็จเมื่อเป็นคนซัดประตูปิดกล่องใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน ช่วยปลดล็อคให้ทีมคลายความกดดันมหาศาลในครึ่งหลัง

    มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนจบเกมนี้ด้วยการผ่านบอลแม่นยำถึง 93 เปอร์เซ็นต์ และมีเพียงแค่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เท่านั้นที่สัมผัสบอลมากกว่าเขา ต้องยอมรับว่าเมื่อมี ฟาบินโญ่ ยืนเป็นกองกลางตัวรับ ติอาโก้ สามารถมีอิสระในการเล่นเกมรุกมากขึ้นซึ่งมีประโยชน์กับทีมเป็นอย่างมาก หวังว่าประตูนี่น่าจะเพิ่มความมั่นใจให้กับเขามากขึ้นและเราต้องรอดูว่าหลังจากนี้ ติอาโก้ จะรักษามาตรฐานแบบนี้ได้ต่อไปหรือไม่

3.ขาดอิงส์เห็นผล

    ความจริงเกมนี้รูปเกม เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ได้เป็นรองหงส์แดงเลย มิหนำซ้ำพวกเขามีโอกาสยิงเกือบจะเท่ากับ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำแต่ขาดความเฉียบคมเท่านั้นเอง อย่างในครึ่งแรกพวกเขาปล่อยโอกาสทองที่จะขึ้นนำจากจังหวะที่ นาธาน เตลล่า ปาดเลียดมาให้ เช อดัมส์ ยิงไปติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ แถม นาธาน เร้ดมอนด์ ที่เก็บบอลได้ก็ซำ้ไปติดตัวของอลีสซงอีกครั้ง

    ครึ่งหลังก็ยังมีโอกาสยิงทั้งจังหวะวอลเลย์ของ อิบราฮิม่า ดิยัลโล่ รวมถึงจังหวะที่ อลีสซง อุตส่าห์จ่ายบอลมาเข้าทาง เช อดัมส์ แล้วแต่ก็ยังฉวยโอกาสไม่ได้ เห็นแบบนี้แล้วเชื่อว่า ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล กุนซือนักบุญคงต้องคิดถึง แดนนี่ อิงส์ ศูนย์หน้าตัวความหวังที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจนพลาดลงสนามใน 2 แมตช์หลังสุด ถ้าหากมีเขาอยู่ในสนามอาจจะเป็นคนสร้างความแตกต่างก็เป็นได้

4.แอนฟิลด์ไร้ผู้ชมครั้งสุดท้าย?

    ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ 6 เกมลีกที่แอนฟิลด์ในฤดูกาลนี้และปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ฟอร์มในบ้านย่ำแย่แบบนี้คงหนีไม่พ้นกองเชียร์อย่างเดอะ ค็อปที่รอคอยวันกลับมาเข้าชมในสนามอย่างใจจดใจจ่อ

    มันคงใช้เป็นข้ออ้างสำหรับผลงานแบบนี้ไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่าแฟนบอลในสนามมีอิทธิพลมากจริงๆ หลายครั้งในฤดูกาลนี้ที่ ลิเวอร์พูล เสียแต้มแบบไม่น่าเสียซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาขาดกำลังใจและแรงกระตุ้นจากกองเชียร์ แต่หลังจากเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน นี่อาจจะเป็นนัดที่แอนฟิลด์ไร้ผู้ชมในสนามเป็นนัดสุดท้ายก็เป็นได้

    ริชาร์ด มาสเตอร์ส ซีอีโอ พรีเมียร์ลีก ยืนยันแล้วว่าเขามีแผนที่จะให้แฟนบอลได้เข้ามาชมเกมในสนามในช่วง 2 เกมสุดท้ายของซีซั่นนี้โดยอาจจะให้เข้าได้ไม่เกิน 500 คน ก่อนหน้านี้เราก็ได้เห็นว่ามีการทดลองให้แฟนบอลกลับเข้าชมเกมในศึก คาราว คัพ นัดชิงชนะเลิศ มาแล้ว ดังนั้นมีโอกาสสูงที่เราจะเห็นบรรยากาศเดิมๆของฟุตบอลกลับมาอีกครั้ง แต่พรีเมียร์ลีกยืนยันแล้วว่าจะไม่อนุญาตให้แฟนบอลทีมเยือนเข้าชมเกม

    หากนัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ยังต้องลุ้นตั๋วยุโรป มันยิ่งเป็นการดีเมื่อเดอะ  ค็อปได้เข้าสนามแอนฟิลด์มาเชียร์ทีมรักของตัวเองและนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มนต้นของป้อมปราการแอนฟิลด์อีกครั้ง

5.ลุ้นท็อปโฟร์เฮือกสุดท้าย


    หลังจาก เลสเตอร์ ซิตี้ สะดุดพ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ชัยชนะเหนือ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ทำให้ ลิเวอร์พูล มีแต้มตามหลังท็อปโฟร์เพียงแค่ 6 คะแนนเท่านั้นแถมยังแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัดด้วย

    ตอนนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ น่าเป็นห่วงมากที่สุดเพราะการพลาด 2 นัดหลังสุดส่งผลกระทบกับตำแหน่งท็อปโฟร์ของพวกเขามากมาย หลังจากนี้ 3 เกมสุดท้ายในมือของพวกเขาจะต้องพบกับทีมบิ๊กซิกซ์ทั้งสิ้น โดยเริ่มจากเกมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด วันอังคารนี้แล้วต่อด้วยการเยือนของแข็งอย่าง เชลซี ก่อนปิดท้ายฤดูกาลนี้ด้วยฟาดแข้งกับ สเปอร์ส นี่ยังไม่นับรวมวันเสาร์หน้าที่ต้องเจอกับ เชลซี ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศอีก ดังนั้น ร็อดเจอร์ส กุนซือจิ้งจอกจำเป็นต้องบริหารนักเตะให้ดีและอย่าพลาดเหมือนกับซีซั่นที่แล้วอีก

    ส่วน ลิเวอร์พูล นั้นจำเป็นต้องเน้นทุกนัดหลังจากนี้ เริ่มตั้งแต่ศึกแดงเดือดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันพฤหัสบดีนี้เลย ถ้าหากเก็บชัยนัดตกค้างได้จะทำให้ตามท็อปโฟร์แค่สามแต้มเท่านั้นพร้อมกับเหลือโปรแกรม 3 เกมสุดท้ายคือการเจอกับ เวสต์บรอมฯ (เยือน), เบิร์นลี่ย์ (เยือน) และ คริสตัล พาเลซ (เหย้า) ซึ่งถ้าด้วยชื่อชั้นแล้ว หงส์แดง เหนือกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นเกมสำคัญกับ “ผีแดง” ต้องมีสามแต้มกลับออกมาจากรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »