ชีวิตที่น่าสงสาร ลูกครึ่งไทย-ไนจีเรีย "เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเตเรเก้" พ่อถูกฆาตกรรม ต้องกลับไทยวัย 12 ปีเข้าโรงเรียนไม่ได้ไม่มีที่ไหนกล้ารับ อยากเข้าอะคาเดมี่แต่พี่ชายไม่มีเงินจ่าย เพื่อนแนะนำไปเรียนฟรีที่สนามไทยเบฟ "พราม แบงค็อก"ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง

มีให้เห็นเยอะกับนักเตะเยาวชนไทยที่ถือสองสัญชาติที่เตรียมสร้างชื่อในเวทีลูกหนังเยาวชนไทย บางรายได้รับโอกาส บางรายไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ได้เจอคนดีที่เป็นผู้ให้โอกาสนักเตะคนนั้นๆได้พิสูจน์ความฝันของตัวเอง

เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ... "เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเตเรเก้" นักเตะเยาวชนของสโมสร พราม แบงค็อก ภายใต้การบริหารจัดการของ "โค้ชจุ่น"ดร.จตุพร ประมลบาล ประธานสโมสรฯ และ "ดร.แอม"ดร.ฐิติมา ประมลบาล ที่ประกาศคอนเซ็ปต์การทำทีมอย่างชัดเจนว่า พราม แบงค็อก พร้อมให้โอกาสทุกคนที่ไม่มีโอกาส

ทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน ได้รับข้อมูลจาก ดร.ฐิติมา ประมลบาล เกี่ยวกับประวัติของน้องนักเตะลูกครึ่งไทย-ไนจีเรีย รายนี้ชนิดที่ "ดร.แอม" บอกก่อนเลยว่า "ชีวิตน้องเขาน่าสงสารมากๆนะ"

"เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเตเรเก้" เกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2548 ปัจจุบันอายุ 16 ปี เกิดที่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ถือ 2 สัญชาติ ลูกครึ่งไทย-ไนจีเรีย คุณแม่เป็นคนไทย ส่วนคุณพ่อเป็นชาวไนจีเรีย

น้องเอริค เกิดที่ไทย พออายุได้ 2 ขวบ พ่อแม่หอบกลับไปอยู่ที่ไนจีเรีย อยู่ที่นั่นได้ 10 ปี เข้าสู่อายุ 12 ขวบ เกิดเรื่องราวขึ้นในชีวิต คุณแม่ต้องส่งกลับมาอยู่เมืองไทย เพราะพ่อถูกฆาตกรรมที่ไนจีเรีย แต่แม่ไม่ได้กลับมาด้วย เพราะต้องอยู่ค้าขายต่อที่ไนจีเรีย "เอริค"กลับมากับญาติ มาตั้งรกร้างอยู่ที่ไทยอีกครั้ง

กลับมาเมืองไทยก็เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนในไทยไม่ได้ เพราะเทียบวุฒิไม่ได้ ไม่มีโรงเรียนไทยที่ไหนกล้ารับ ไม่มีใครรับ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนหนังสือ

"เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเตเรเก้" อยู่ที่ไทย พักอาศัยอยู่กับพี่ชาย ซึ่งเป็นพี่ชายคนละพ่อ แต่มีแม่เดียวกัน พี่ชายคนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองในปัจจุบัน พี่ชายถามว่า เอริคโตขึ้นอยากเป็นอะไร เอริคตอบว่าอยากเป็นนักฟุตบอล และพี่ชายก็พยายามทำตามฝันที่น้องชายอยากเป็นด้วยการพาตระเวนไปคัดฟุตบอลทันที

มีหลายๆที่ที่รับตัวไว้เรียนฟุตบอล จากการคัดตัวผ่าน เข้าตาโค้ช แต่ก็มาสะดุดเพราะพี่ชายไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนในแต่ละเดือน บางเดือนก็ขอผลัดไปก่อน บางเดือนเงินก็ไม่พอ สุดท้ายก็ต้องออกไปหาที่ฝึกใหม่

มีบางที่ก็ไปฝึกกับเขาเฉยๆ เขาไม่คิดเงิน แต่ก็เป็นแค่การฝึกเฉยๆ ไม่มีการไปแข่งขันหรือไม่มีการต่อยอดการฝึกแต่อย่างใด

หรือว่าความฝันในการอยากเล่นฟุตบอล จะต้องล้มเลิกไป เปลี่ยนแผนไปทำอย่างอื่น

ยังดีที่มีเพื่อนๆแถวดินแดงบอกให้ เอริค ลองไปที่สนามฟุตบอลไทยเบฟฯ แถวๆเหม่งจ๋าย ที่นั่นเขาซ้อมเป็นระบบอาชีพและเป็นการซ้อมฟรี ถ้าเก่งก็จะได้เป็นทีมช้างจูเนียร์ เอริคและไปกับพี่ชายอีกครั้ง ไปลงทะเบียนฝึกที่สนามไทยเบฟอยู่ปีกว่าๆ เริ่มจากการฝึกเป็นผู้รักษาประตู แต่ก็ไม่เข้าตาโค้ชในทีแก

เอริค ตัดสินใจย้ายไปฝึกเป็นผู้เล่น ไปฝึกกับ "โค้ชปู" วจี เกิดสมบุญ , "โค้ชเอ๋" อนุชศรา หมายเจริญ อดีตนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยที่ฝันตัวเองมาเป็นโค้ชฟุตบอลเยาวชนที่ช่วยกันถ่ายทอดศาสตร์ลูกหนังให้ ซึ่ง เอริค ก็ถามโค้ชว่า ถ้าอยากเป็นช้างจูเนียร์ จะต้องทำยังไง "โค้ชปู"เลยบอกว่า ต้องขยันฝึกซ้อม แล้วก็ซ้อมต่อเนื่องและต้องตั้งใจ เดี๋ยวโค้ชก็เห็น

ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ก็ปาเข้าไป 3 ปีที่เอริค แสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเททุกวินาทีในการฝึกซ้อม โดย"ดร.จุ่น"ดร.จตุพร ประมลบาล ประธานสโมสร พราม แบงค็อก ได้เรียกไปสอบถามถึงการชีวิตว่าเป็นอย่างไร และถามว่าอยากเรียนหนังสือไหม อยากเป็นอะไร ซึ่ง เอริค ก็เล่าให้ "ดร.จุ่น" ฟัง

กระทั่ง "ดร.จตุพร" ได้ช่วยแนะนำให้ไปเรียน กศน. เพื่อให้ได้วุฒิ แล้วเดี่ยวหลังจากนั้นจะเอาไปเรียนที่โรงเรียนบางกะปิ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ ดร.จตุพร ดูแลโครงการฟุตบอลเยาวชนให้ที่นี่ ซึ่งระหว่างนี้ก็อยากให้ตั้งใจฝึกซ้อม แล้วตั้งใจเรียนให้ได้วุฒิ แล้วจะให้เล่นยูธลีก กับทีม พราม แบงค็อก รุ่น ยู16ปี ด้วย

"เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเตเรเก้" ให้สัมภาษณ์ผ่านทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน ว่า "ตัวผมเองตั้งใจไว้ว่าโตขึ้นอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศ เพราะผมถือสองสัญชาติ"

"ผมตั้งใจว่าจะต้องทำให้ได้ ก็คิดว่าต้องทำให้ได้ เพราะผมถูกสอนมาว่า ต้องพยายามและต้องทุ่มเท หากมีโอกาสต้องคว้ามาให้ได้ ที่สำคัญผมไม่อยากให้คนที่ดูแลผมเขาต้องผิดหวังในตัวผม"