เดนมาร์ก เค้นฟอร์มสุดยอดเกมสุดท้าย ไล่อัด รัสเซีย สกอร์ยับ 4-1 พลิกคว้าอันดับสอง เนื่องจากวัดเฮดทูเฮด เป็นงูกินหางระหว่างสามทีม และเป็นพวกเขาที่มีประตูได้เสียดีที่สุดในบรรดาทีมที่มีสามคะแนน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เจอ เวลส์ ขณะที่ทัพ "หมีขาว" ร่วงมารั้งบ๊วยกลุ่มตกรอบด้วยประตูได้เสียที่ติดลบมากถึง 5 ลูก ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดสุดท้าย คืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

สนาม : พาร์เก้น สเตเดี้ยม , โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) 

     ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดสุดท้าย คืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา "โคนม" เดนมาร์ก แพ้มาสองเกมติด นัดนี้พวกเขาบังคับต้องชนะสถานเดียวหากอยากเข้ารอบ แคสเปอร์ ฮูลมานด์ ขนทัพใหญ่นำโดย "เบรธเวท-โพลเซ่น" พร้อมฉะ "หมีขาว" รัสเซีย ยังจำเป็นคว้าชัยไว้ก่อนเพื่อการันตีรอบ 16 ทีม สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ จัดแนวรุกทั้ง "โกโลวิน-ซูบา" ชิงสามแต้มสำคัญ

 ครึ่งแรกผ่านถึงนาทีที่ 18 หมีขาวบุก อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน กระชากบอลลุยมากลางสนาม ลากหลบแนวรับโคนมเข้าเขตโทษ ก่อนหาเหลี่ยมซัดไปติดเท้า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่ช่วยเซฟไว้ได้    

     เดนมาร์กเกือบเฮนาทีที่ 29 ดาเนี่ยล วาส ไหลบอลทางขวาเข้ากลางระยะ 25 หลา ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก วางเท้าส่องไกลบอลพุ่งเฉี่ยวเสาด้านซ้ายบบน่าได้ประตู

     อาร์เต็ม ซูบา ยืนรอโหท่งบอลตั้งออกมานอกกรอบ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ปรี่มาซัดทันทีแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล นาทีที่ 34

 โคนมออกนำนาทีที่ 38 ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก จ่ายบอลมาให้ มิคเกล ดามส์การ์ด จับบอลก่อนปั่นโค้งระยะ 20 หลา หน้ากรอบเขตโทษ บอลลอยหนีตัว มัตเวย์ ซาโฟนอฟ นายด่านหมีขาวฮุบเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นประตูแรกของเจ้าตัวศึกยูโรหนนี้ด้วย หมด 45 นาทีแรก เดนมาร์ก ได้เปรียบ 1-0

     เข้าสู่ครึ่งหลังนาทีที่ 59 เดนมาร์ก หนีเป็น 2-0 โรมัน ซ็อบนิน มิดฟิลด์รัสเซีย หันกลับมาตวัดบอลคืนหลังไปที่นายด่านเพื่อนร่วมทีม ทว่าดันจ่ายพลาดบอลเลยมาเข้าทาง ยุสซุฟ โพลเซ่น ที่วิ่งมาดักซัดบอลเข้าตาข่ายอย่างง่ายดาย

     เกมดำเนินถึงช่วง 20 นาทีท้าย อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ส่งบอลเข้าเขตโทษทางซ้าย อาร์เต็ม ซูบา ดีดเร็วบอลมาถึง อเล็กซานเดร์ โซโบเลฟ จนถูก ยานนิค เวสเตอร์การ์ด รวบด้านหลังล้ม กรรมการชี้จุดโทษ และเป็น อาร์เต็ม ซูบา สังหารหมีขาวไล่มา 1-2 

     โคนมบวกสกอร์เป็น 3-1 นาที 80 อันเดรียส คริสเตนเซ่น ดันสูงมาหวดบอลเคลียร์สกัดของผู้เล่นหมีขาว ระยะ 22 หลาสวนกลับดิ่งหาประตู ชนิดที่ มัตเวย์ ซาโฟนอฟ นายทวารรัสเซียเหินตัวปัดยังไม่ทัน

  แถมอีกสองนาทีถัดมา ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก แย่งบอลได้ตรงกลาง ก่อนไหลออกมาทางขวาให้ โยอาคิม เมห์เล่ เลี้ยงลุยเข้าเขตโทษ แล้วยัดหักข้อมาทางเสาแรกส่งบอลกองก้นตาข่ายอีกเม็ด ก่อนจบเกม เดนมาร์ก ถล่ม รัสเซีย 4-1 พลิกคว้าอันดับสอง เนื่องจากวัดเฮดทูเฮด เป็นงูกินหางระหว่างสามทีม และเป็นพวกเขาที่มีประตูได้เสียดีที่สุดในบรรดาทีมที่มีสามคะแนน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เจอ เวลส์

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

รัสเซีย (3-4-2-1): มัตเวย์ ซาโฟนอฟ,อีกอร์ ดีเวเยฟ,จอร์จี้ ชิคิย่า,ฟีดอร์ คุดเรียชอฟ (วียาเชสลาฟ คาราวาเยฟ น.67),มาริโอ เฟอร์นันเดซ,มาโกเม็ด ออซโดเยฟ (รีฟัต จีมาเลตดีนอฟ น.61),โรมัน ซ็อบนิน,ดาเลียร์ คูซยาเยฟ (มัคซิม มูฮิน น.67),อเล็กเซย์ มิรานชุค,อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน,อาร์เต็ม ซูบา

เดนมาร์ก (3-4-3): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล,อันเดรียส คริสเตนเซ่น,ซิม่อน เคียร์,ยานนิค เวสเตอร์การ์ด,ดาเนี่ยล วาส (เยนส์ ลาร์เซ่น น.60),ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก,โธมัส เดลานี่ย์ (มาทิอัส เยนเซน น.86),โยอาคิม เมห์เล่,มาร์ติน เบรธเวท (อันเดรียส คอร์เนลิอุส น.85),ยุสซุฟ โพลเซ่น (แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก น.60),มิคเกล ดามส์การ์ด (คริสเตียน นอร์การ์ด น.72)