นายบอริส จอห์นสัน ท่านผู้นำเมืองผู้ดี ประกาศชัดเจนจะยกเลิกกฎข้อบังคับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะช่วงกลางเดือนก.ค.นี้ นั่นหมายความว่าวงการกีฬาจะกลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
    วงการกีฬาในอังกฤษ เตรียมกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจาก บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

    เมืองผู้ดีจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 มานานนับตั้งแต่ที่มีการระบาดอย่างหนักตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการระดมฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ ทำให้ อังกฤษ มีแนวโน้มว่าจะกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้ง

     นายบอริส จอห์นสัน ยืนยันในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า อังกฤษ จะปลดมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการยกเลิกการบังคับใส่หน้ากากในที่ร่ม และการเว้นระยะทางสังคม ซึ่งนั่นหมายความว่าสนามกีฬาจะได้รับอนุญาตให้มีแฟนบอลเข้าไปชมได้เต็มความจุ

    นอกจากนี้คอกีฬาไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดส หรือที่เรียกว่า "พาสปอร์ตวัคซีน" อีกด้วย ยกเว้นกรณีที่สนามกีฬาแต่ละแห่งจะมีมาตรการให้แสดงหลักฐานดังกล่าว หรือเกิดปัญหาการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงอีกครั้ง

    จอห์นสัน เผยว่ารัฐบาลอังกฤษมั่นใจถึงความสำเร็จในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นวงกว้างซึ่งช่วยให้อัตราการติดเชื้อ, การเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจาก โควิด-19 ลดลง "เราจะยกเลิกกฎข้อบังคับต่างๆ และอนุญาตให้ผู้คนทำการตัดสินใจด้วยเหตุผลของตัวเอง"

    "เราจะยกเลิกกฎข้อจำกัดในการพบกันทั้งในที่ร่ม และที่สาธารณะ เราจะยกเลิกข้อจำกัดจำนวนผู้คนที่จะเข้าไปชมคอนเสิร์ต, ภาพยนตร์ และการแข่งขันกีฬาทุกประเภท" นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดี ระบุ

    สำหรับการแข่งขันบริติช กรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ มีการยืนยันแล้วว่าจะใช้สำหรับเป็นเหตุการณ์ในการทดสอบปลดล็อกดาวน์โดยอนุญาตให้ผู้คนสามารถเข้ามาที่สนามซิลเวอร์สโตนได้ถึง 140,000 คนในวันแข่ง

    ขณะที่สโมสรฟุตบอลในทุกระดับรวมทั้ง พรีเมียร์ลีก และ อีเอฟแอล ในฤดูกาล 2021/2022 จะกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในกรณีที่ อังกฤษ คว้าแชมป์ยูโร 2020 การเฉลิมฉลองในที่สาธารณะ หรือการแห่แชมป์ยังคงถูกสั่งห้ามจนกว่าจะวันที่ 19 ก.ค.เท่านั้น