ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เกมรับพิชิตพลังบุก! เจาะ 5 ประเด็น อิตาลี ชนะ สเปน ทะลุชิงยูโร2020

เกมรับพิชิตพลังบุก! เจาะ 5 ประเด็น อิตาลี ชนะ สเปน ทะลุชิงยูโร2020

Posted 07/07/2021 by siamsport

โรแบร์โต้ มันชินี่ เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี นำลูกทีมกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโร 2020 ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ สเปน ด้วยการดวลจุดโทษ 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 เมื่อวันอังคารที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
    
ทัพ "อัซซูรี่" พยายามเล่นอย่างรัดกุม และมีสมาธิเพื่อรอจังหวะสวนกลับและมาทำสำเร็จจาก เฟเดริโก้ เคียซ่า ในช่วงกลางครึ่งหลัง แต่ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ถูกส่งเป็นตัวสำรอง ช่วย สเปน ตีเสมอในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และหลังจากนั้นต้องต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายไม่มีทีมไหนยิงเพิ่ม เลยต้องไปดวลจุดโทษ และเป็น อิตาลี ที่แม่นยำกว่าคว้าชัยชนะได้สำเร็จ

ตอนนี้ อิตาลี ไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว และรอพบกับผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เดนมาร์ก โดยตอนนี้พวกเขามีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังแดนมะกะโรนี 

1. จอร์จินโญ่ โชว์ผลงานสุดยอด
จอร์จินโญ่ เคยต้องเจอกับฤดูกาลที่แสนย่ำแย่ตอนเล่นให้กับ เชลซี สมัยที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำหน้าที่กุมบังเหียน แต่สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้เขาสร้างผลงานที่สุดยอดเกินห้ามใจในการนำ อิตาลี ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโร 2020

กองกลางจากทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำหน้าที่คุมจังหวะการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม, เชื่อมเกมแดนกลางกับแนวรุก ที่สำคัญยังเล่นเกมรรับได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้แผงมิดฟิลด์สเปน ต้องเจองานหนักไม่สามารถปั้นเกมได้มากนัก

จอร์จินโญ่ ประสานงานกันได้อย่างลงตัวกับ นิโคโล่ บาเรลล่า และ มาร์โก แวร์รัตติ โดยเฉพาะในการเล่นด้วยความอดทนเพื่อรองจังหวะสวนกลับจนกระทั่งทีมได้ประตูขึ้นนำจาก เฟเดริโก้ เคียซ่า ในช่วงกลางครึ่งหลัง

นอกจากนี้เขายังเป็นคนยิงจุดโทษคนสุดท้ายซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่ก็สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้ "อัซซูรี่" มีโอกาสที่จะคว้าโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์ สมัยที่ 2 

2. เคียซ่า เล่นได้เด่นเมื่ออยู่ในเวมบลีย์
หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 วันก่อน เฟเดริโก้ เคียซ่า ถูกส่งลงมาเล่นเป็นตัวสำรอง ก่อนที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ และกลายเป็นแสงสว่างในการกรุยทางทำให้ "อัซซูรี่" ปราบ ออสเตรีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามเวมบลีย์

สำหรับในแมตช์นี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ ตัดสินใจเลือกให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริง และ ดาวเตะวัย 23 ปี ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อทำผลงานได้ดียอดเยี่ยม รวมทั้งยังยิงประตูให้ทีมขึ้นนำที่สนามกีฬาแห่งชาติของอังกฤษอีกครั้ง

หากจำกันได้ เคียซ่า ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ยูเวนตุส เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ผลงานของเขาโดดเด่นกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้  และแน่นอนว่าฟอร์มกับทีมชาติแบบนี้คงทำให้ "ม้าลาย" อยากเก็บเขาเอาไว้ใช้งานอีกต่อไป

เอ็นริโก้ เคียซ่า พ่อของเขาเคยสร้างชื่อด้วยการยิงประตูให้ อิตาลี ที่สนามแอนฟิลด์ ในศึกยูโร 96 สำหรับตอนนี้ เคียซ่าจูเนียร์ ทำผลงานได้เฉิดฉายมากกว่าผู้ให้กำเนิด และอาจจะนำความสำเร็จกลับไปสู่ดินแดนพาสต้าก็ได้
 
3. ฟาดฟันด้วยสไตล์ที่แต่ละทีมถนัด
นี่คือหนึ่งในเกมฟุตบอลที่ทุกๆ คนคงได้เห็นเต็มสองตาว่ามันคือการวางแท็กติกแบบดั่งเดิมของ อิตาลี กับ สเปน โดยทีมหนึ่งเน้นตั้งรับเหนียวแน่น ส่วนอีกทีมพยายามครองบอลและเปิดเกมรุกเข้าใส่

สเปน พยายามครองบอลและควบคุมสถานการณ์ในแมตช์นี้ พวกเขาค่อยๆ สร้างเกมแบบช้าๆ ต่อบอลกันไปเรื่อยๆ และผ่านบอลตามช่องเพื่อหวังเจาะแนวรับของ อิตาลี ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเกือบทำสำเร็จหลายครั้ง

ขณะที่ อิตาลี แม้ในยุคของ "มันโช่" จะเน้นเกมบุกมากขึ้นแต่เมื่อเจอกับทัพ "กระทิงดุ" ที่มีสไตล์ที่ดุดันมากกว่า เขาก็ต้องเลือกวางแท็กติกที่ถนัดนั่นก็คือตั้งรับและรอสวนกลับ โดยงานนี้แผงแนวรับของ "อัซซูรี่" เล่นได้เหนียวแน่นตามแผนที่วางเอาไว้จริงๆ

จังหวะที่ทีมได้ประตูถือเป็นสูตรสำเร็จของ อิตาลี มาช้านาน โดยเป็นการเริ่มต้นสวนกลับตั้งแต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่ส่งบอลเร็วจากหน้าประตูก่อนจะต่อบอลอย่างแม่นยำ และจบที่ เคียซ่า ซัดเข้าไปอย่างงดงาม

แม้ว่าในช่วง 10 นาทีสุดท้าย สเปน จะไล่ตีเสมอได้สำเร็จจาก อัลบาโร่ โมราต้า ก็ตาม แต่หลังจากนั้น อิตาลี ก็เล่นสไตล์ตั้งรับแบบไม่มีเสียรูปกระบวน และหวังไปลุ้นในการดวลจุดโทษ สุดท้าย อิตาลี ก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

จะเห็นได้ชัดว่า มันชินี่ อาจจะใช้แท็กติกที่แตกต่างเมื่อพบกับทีมที่แข็งแกร่ง แต่ชัยชนะคือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุด 
 
4. โมราต้า กับทัวร์นาเมนต์ที่ยากลืม
โมราต้า ไม่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าระดับโลก แม้ว่าเขาจะยิงระตูสำคัญๆ ในอาชีพพ่อค้าแข้งก็ตาม โดยเหตุผลสำคัญก็คือเขามักจะทำผลพลาดบ่อยๆ ในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับชาติ

ลองเปรียบเทียบความเฉียบคมของ โมราต้า กับดาวยิงจอมถล่มประตูอย่าง ดาบิด บีย่า หรือ เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ในช่วงรุ่งๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่าเขายังห่างชั้นในเรื่องการจบสกอร์ที่เฉียบคม

ในทัวร์นาเมนต์นี้ โมราต้า โดนวิจารณ์เยอะมากเนื่องจาก สเปน เป็นทีมที่สร้างโอกาสได้มากมาย แต่เขากลับทำพลาดหลายครั้งหลายหน แต่สำหรับในรอบรองฯ ที่ต้องพบกับ อิตาลี ดูเหมือน หลุยส์ เอ็นรีเก้ จำเป็นต้องปรับแท็กติก

เนื่องจากกองหลังคู่แข่งอย่างเลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ คุ้นเคยกับแนวทางการเล่นของ โมราต้า เป็นอย่างดี และน่าจะรู้ว่านักเตะมีจุดอ่อนตรงไหน แต่สุดท้ายในสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตูทำให้ เอ็นรีเก้ ต้องเลือกส่ง โมราต้า ลงมากู้วิกฤติและก็ทำได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามหากมองจากภาพรวมแล้วต้องบอกเลยว่า โมราต้า ทำผลงานได้น่าผิดหวังในทัวร์นาเมนต์นี้จริงๆ

5. อิตาลี รักษาสถิติไม่แพ้ทีมใดต่อไป
อิตาลี ยังคงสร้างสถิติที่สุดยอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาโดยพวกเขาเพิ่มสถิติไร้พ่ายยาวนานเป็น 33 นัดในทุกรายการ และยังเพิ่มสถิติด้วยการไม่แพ้ในศึกยูโร ยาวนานถึง 16 นัด (นับรวมรอบคัดเลือก)

มันชินี่ สร้าง อิตาลี ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และต้องบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในทีมที่แกร่งที่สุดในยุโรป ที่สำคัญฟอร์มของพวกเขาในเวลานี้มีโอกาสดีเยี่ยมที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2020 เลยทีเดียว

อิตาลี สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก/ยูโร) ได้ถึง 10 ครั้ง โดยมีเพียงแค่ เยอรมนี (14 ครั้ง) ที่มีสถิติในการทะลุเข้าไปในรอบชิงมากกว่าพวกเขา

สำหรับ อิตาลีชุดนี้ ทำลายสถิติไร้พ่ายของ อิตาลีชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1930 แต่ มันชินี่ เคยกล่าวเอาไว้ว่าสถิติเหล่านี้จะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าหากสุดท้ายแล้วพวกเขาไม่สามารถนำโทรฟี่แชมป์กลับสู่มาตุภูมิได้ !!
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »