ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » อังกฤษพ่ายดวลโทษ! อิตาลีฉลองชัยคว้าแชมป์ยูโรสมัยสองในรอบ53ปี

อังกฤษพ่ายดวลโทษ! อิตาลีฉลองชัยคว้าแชมป์ยูโรสมัยสองในรอบ53ปี

Posted 12/07/2021 by siamsport

"สิงโตคำราม" อังกฤษ ยังต้องรอคอยแชมป์รายการใหญ่ต่อไป เมื่อพวกเขาพ่ายช่วงดวลจุดโทษให้ "อัซซูรี่" อิตาลี 3-2 หลังเสมอในเวลา 90 นาทีกัน 1-1 ส่งแชมป์ยูโรสมัยสองให้ทัพ "อัซซูรี่" ในรอบ 53 ปี นับตั้งแต่หนล่าสุดเมื่อปี 1968 ในการแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, ลอนดอน (อังกฤษ)

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา "สิงโตคำราม" อังกฤษ ทะลุผ่านเข้ารอบชิงได้เป็นหนแรกรายการนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต มุ่งมั่นเป็นอย่างมากเพื่อนำทีมเป็นแชมป์สมัยแรก ใส่เกมรับแน่นหนาถึงห้าคน ทีเด็ดแดนหน้า "เคน-สเตอร์ลิง" ช่วยกันลงลุย "อัซซูรี่" อิตาลี ที่คาดหวังการฉลองโทรฟี่ใบนี้เป็นสมัยที่สอง นับตั้งแต่หนล่าสุดเมื่อปี 1968 โรแบร์โต้ มันชินี่ ขนสตาร์ทั้ง "อิมโมบิเล่-อินซินเญ่" นำทัพชิงความเป้นจ้าวยุโรปหนนี้

เกมเริ่มเพียงสองนาที ลุค ชอว์ ขึ้นเกมมาริมเส้นทางซ้ายแดนหลัง ไหลเข้ากลางให้ แฮร์รี่ เคน เปิดบอลยาวมาที่ คีแรน ทริปเปียร์ ดันสูงมาฝั่งขวา หยอดบอลข้ามย้อนเข้าเขตโทษ 6 หลาก่อนเป็น ฟูลแบ็กแมนยูดอดมายิงยัดตาข่ายทางเสาด้านซ้าย  อังกฤษ นำ 1-0

ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ลองปั่นบอลระยะ 20 หลาหน้ากรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวหนีกำแพงผุ้เล่นสิงโตคำราม แต่สูงเกินข้ามคานออกหลัง ในนาทีที่ 7

ผ่านมาถึงนาทีที่ 35 นิโคโล่ บาเรลล่า ส่งบอลฝากให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า กระชากบอลหนี เดแคลน ไรซ์ กินระยะมาหน้ากรอบเขตโทษ ส่องไกลบอลเรียดออกข้างกรอบประตูด้านขวาแบบมีลุ้น

ช่วงทดเจ็บนาที 45+1 โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ โยนบอลเข้าเขตโทษ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เอี่ยวตัวยิงติดบล็อก จอห์น สโตนส์ บอลไม่ไปไหนมาหา จอร์จินโญ่ จ่ายตั้งไปที่ มาร์โก แวร์รัตติ วางเท้ายิงอีกครั้งแต่บอลไร้น้ำหนักเข้ามือ จอร์แดน พิคฟอร์ด หมดครึ่งแรก อังกฤษ นำก่อน 1-0

ราฮีม สเตอร์ลิง เข้าบอลพลาดเสียฟาวล์ กรรมการให้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษแก่ อิตาลี ทว่า ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ บรรจงยิงไม่ดีพอบอลยังลอยข้ามคานเช่นเดิม ช่วงเริ่มหกนาทีครึ่งหลัง

อัซซูรี่น่าตีคืนนาทีที่ 57 ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ โยกมาทางขวารับบอลแล้วส่งไปฝั่งซ้ายที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ยิงอัดแนวรับผู้ดี บอลกระฉอกเข้าทางมิดฟิลด์นาโปลีที่ตามเก็บบอลหลุดเข้าซัดระยะ 6 หลาทางเสาแรกทว่า จอร์แดน พิคฟอร์ด ยืนปิดมุมทุบทิ้งออกมาทัน

เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากบอลลุยมากลางเขตโทษ หาเหลี่ยมยิงอ้อมกองหลังอังกฤษ บอลเลี้ยวแหวกจะเข้าประตู แต่นายทวารสิงโตคำรามทิ้งตัวปัดได้อย่างสุดยอด นาทีที่ 62

อีกสองนาทีต่อมา คีแรน ทริปเปียร์ ครอสบอลด้านซ้าย จอห์น สโตนส์ เทคตัวโหม่งบอลย้อยน่าจะออกหลัง แต่ว่า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยื่นมือแปะพ้นกรอบออกไปเพื่อความปลอดภัย

อิตาลีเอาจนได้ 1-1 นาที 67 โดมินิโก้ เบร์ราดี้ เปิดบอลเตะมุมทางขวา ไบรอัน คริสตันเต้ โฉบมาโหม่งบอลสะบัดเลยมาหน้าประตู มาร์โก แวร์รัตติ โขกติดมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟบอลชนเสาด้านซ้าย และเป็น เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ซ้ำบอลระยะเผาขนตุงประตู ก่อนจบ 90 นาที ยังเสมอกัน ต้องต่อเวลาอีก 30 นาที

สิงโตได้ลุ้นต่อเวลานาทีที่ 97 คัลวิน ฟิลลิปส์ ยืนพักอกเอาบอลลงหน้ากรอบเขตโทษ เจ้าตัวซัดเต็มแรงบอลผ่านผู้เล่นทั้งสองทีม พุ่งออกหลังไปน่าเสียดาย

อัซซูรี่พลาดจังหวะสำคัญ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ แทงบอลมาที่ เอแมร์ซอน เลี้ยงบอลล็อกหลบแข้งอังกฤษด้านซ้ายในเขตโทษ ก่อนวางบอลหวังให้เพื่อนร่วมทีมเข้าชาร์จ แต่เป็น จอร์แดน พิคฟอร์ด ออกมาเร็วดักตัดบอลได้ นาทีที่ 103

อันเดรีย เบล็อตติ ใช้ตัวบังจน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ต้องเตะทำฟาวล์ เรียกฟรีคิกระยะ 25 หลา เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ซัดบอลเข้าหากรอบ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยืนรับบอลกระฉอกก่อนเจ้าตัวตะครุบทัน นาทีที่ 107 หมดเวลา 120 ผลยังเหมือนเดิมเสมอ 1-1 ต้องตัดสินโดยการดวลจุดโทษ

เข้าช่วงดวลจุดโทษ อิตาลี คนที่ยิงเข้าคือ โดมินิโก้ เบร์ราดี้,เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่,เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ยิงไม่เข้ามี อันเดรีย เบล็อตติ,จอร์จินโญ่ ส่วน อังกฤษ คนที่ยิงเข้าคือ แฮร์รี่ เคน,แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ส่วนยิงพลาดมี มาร์คัส แรซฟอร์ด,เจดอน ซานโช่,บูกาโย่ ซาก้า จบเกม อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 ใน 120 นาทีก่อนชนะช่วงดวลจุดโทษ 3-2 คว้าแชมป์ยูโรสมัยสองในรอบ53ปี

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

อิตาลี (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า,โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่,เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่,จอร์โจ้ คิเอลลินี่,เอแมร์ซอน (อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ น.118),นิโคโล่ บาเรลล่า (ไบรอัน คริสตันเต้ น.54),จอร์จินโญ่,มาร์โก แวร์รัตติ (มานูเอล โลคาเตลลี่ น.96),เฟเดริโก้ เคียซ่า (เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ น.86),ชิโร่ อิมโมบิเล่ (โดมินิโก้ เบร์ราดี้ น.55), ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ (อันเดรีย เบล็อตติ น.91)

อังกฤษ (5-2-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด,คีแรน ทริปเปียร์ (บูกาโย่ ซาก้า น.70),ไคล์ วอล์คเกอร์ (เจดอน ซานโช่ น.120),จอห์น สโตนส์,แฮร์รี่ แม็กไกวร์,ลุค ชอว์,คัลวิน ฟิลลิปส์,เดแคลน ไรซ์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.74-มาร์คัส แรซฟอร์ด น.120),เมสัน เม้าน์ (แจ็ค กรีลิช น.99),แฮร์รี่ เคน,ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • ปอนด์ต่อปอนด์! เปรียบเทียบผลงานคู่ชิง ยูโร 2020
    ในที่สุดศึก ยูโร 2020 ก็มาถึงบทสรุปกันแล้วด้วยการที่ อังกฤษ กับ อิตาลี จะมาชิงชัยกันที่สังเวียน เวมบลีย์ ภายในกรุงลอนดอน วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหลายคนก็มองว่าทั้งคู่มีโอกาสเป็นแชมป์พอๆ กัน เพราะต่างก็ถือเป็นทีมใหญ่ของทวีปยุโรป และมีนักเตะฝีเท้าดีที่เล่นอยู่ในลีกดังๆ หลายราย
  • ดวลจุดโทษของแสลงสิงโต! 5 สถิติควรรู้ก่อนชิงดำยูโร"อิตาลีvsอังกฤษ"
    อิตาลี และ อังกฤษ เป็น 2 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นจ้าวแห่งทวีปยุโรป “อัซซูร์รี่” ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ถือเป็นตัวเต็งของรายการนี้และพวกเขาโชว์ให้เห็นศักยภาพของทั้งเกมรุกและเกมรับที่แข็งแกร่งมาก ขณะเดียวกัน “สิงโตคำราม” ของ แกเร็ธ
  • เคน-สเตอร์ลิงพร้อมยิง,ซานโชนั่งก่อน!คาด 11 ตัวจริงอังกฤษฟัดอิตาลีนัดชิงฯยูโร
    แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เจอเรื่องปวดหัวเล็กน้อย สำหรับการจัดทัพดวลกับ อิตาลี ในศึก ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ คืนวันนี้ เมื่อ ฟิล โฟเด้น มิดฟิลด์ดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีปัญหาบาดเจ็บที่เท้า และอาจฟิตไม่ทันช่วยทีม ทว่านักเตะตัวหลักคนอื่นๆ ต่างอยู่ในสภาพพร้อมลุย และนี่คือไลน์อัพ 11 ผู้เล่น (ระบบ 4-2-3-1) ที่ เซาธ์เกต อาจเลือกใช้ลงสนามเป็นตัวจริงในการไล่ล่าแชมป์ยุโรปสมัยแรก (อ้างอิงข้อมูลจาก thehardtackle.com)

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »