หลังจากที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอคอยกันมาอย่างเนิ่นนาน ในที่สุด "ปีศาจแดง" ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้ตัว เจดอน ซานโช่ ปีกชาวอังกฤษมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นที่เชื่อกันว่าค่าตัวของเขาอยู่ที่ 73 ล้านปอนด์ด้วยกัน
   
ไม่นานหลังจากประกาศเปิดตัว ซานโช่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดเผยว่าดาวเตะชาวอังกฤษจะได้สวมเสื้อเบอร์ 25 ซึ่งถือว่าขัดกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่มีทั้งการบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะยกเบอร์ 7 ที่ปัจจุบันเป็นของ เอดินสัน คาวานี่ ให้กับ ซานโช่ ไปเลย กับรายงานที่บอกว่าเจ้าตัวจะได้สวมเสื้อเบอร์ 16

แน่นอน แทบทุกคนเห็นตรงกันว่าเบอร์ 25 เป็นเพียงเบอร์ที่ ซานโช่ จะใช้แก้ขัดเพื่อรอให้เบอร์ 7 ว่างลงเท่านั้น และที่จริงเลข 2 กับ 5 ก็บวกกันได้ 7 พอดีด้วย จนทำให้พอจะเป็นเบอร์ที่สื่อถึงเลข 7 ได้ในทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักเตะฝีเท้าดีได้เป็นเจ้าของเสื้อเบอร์ 25 และวันนี้เราจะมายกตัวอย่างถึงคนในกลุ่มนั้นกัน

- โธมัส มุลเลอร์
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดกับเรื่องนี้ มุลเลอร์ ได้เป็นเจ้าของเบอร์ 25 นับตั้งแต่ที่ก้าวขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น ในฤดูกาล 2008-09 และเขาก็ครองเบอร์นั้นมาโดยตลอด พร้อมกับทำผลงานได้อย่างสุดยอดจนประสบความสำเร็จกับ "เสือใต้" อย่างล้นหลาม

เบอร์ 25 ของ มุลเลอร์ กลายเป็นภาพลักษณ์ติดตัวเขาจนถึงขนาดที่ในการกลับมาเล่นให้ทีมชาติเยอรมนีนั้น เขายังได้รับเสื้อเบอร์ 25 ด้วย ทั้งที่หลายปีก่อนหน้านี้ที่เล่นให้กับ "อินทรีเหล็ก" นั้น เขาสวมเสื้อเบอร์ 13 มาโดยตลอด

- เอ็นวานโก้ คานู
43 ประตูจากการลงเล่น 197 นัดในทุกรายการ อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่น่าประทับใจอะไรมากนักสำหรับนักเตะในตำแหน่งกองหน้า แต่สำหรับกองเชียร์ อาร์เซน่อล บางคนแล้วนั้น คานู ถือเป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจของพวกเขา โดยเฉพาะในช่วง 2 ฤดูกาลแรกกับทีมที่เขาทำไป 6 ประตูจากการลงเล่นในลีก 12 นัด และ 12 ประตูจากการลงเล่น 31 เกมใน พรีเมียร์ลีก

ทั้งนี้ คาร์ล เจนกินสัน อดีตแบ็กขวา อาร์เซน่อล ยังเคยบอกเลยว่าที่เขาเลือกสวมเบอร์ 25 กับ "ไอ้ปืนใหญ่"  เป็นเพราะเขาชื่นชอบ คานู มากๆ ในตอนที่เจ้าตัวยังเป็นเด็ก น่าเสียดายที่ เจนกินสัน ไปไม่รุ่งเท่าไหร่นักจนโดนปล่อยออกจากทีมเมื่อปี 2019

- แฟร์นันดินโญ่
ตอนที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายเงิน 34 ล้านปอนด์เพื่อเอา แฟร์นันดินโญ่ มาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค นั้น หลายคนก็ยังไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นแกนหลักให้ทีมได้มากมายอะไรนัก เพราะดาวเตะชาวบราซิเลียนไม่เคยผ่านการเล่นให้กับทีมใหญ่ๆ มาก่อนเลย โดยก่อนที่จะมาอยู่กับ ชัคตาร์ เขาก็เคยเล่นให้แค่ แอตเลติโก พาราเนนเซ่ แค่ทีมเดียว

อย่างไรก็ตาม แฟร์นันดินโญ่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นนักเตะชั้นยอดคนหนึ่ง หลังจากเป็นแกนหลักในแผงกลางให้กับ แมนฯ ซิตี้ มาแทบจะตลอดจนประสบความสำเร็จร่วมกับทีมหลายรายการ แถมปัจจุบันแข้งวัย 36 ปีก็เป็นกัปตันทีมของ "เรือใบสีฟ้า" ไปแล้วด้วย

- วอลเตอร์ ซามูเอล
แม้จะไม่ได้ถึงขั้นเป็นสตาร์ดังของทีม แต่ตลอดช่วง 9 ฤดูกาลที่เล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน นั้น ซามูเอล ก็ทำผลงานได้โดดเด่นในระดับหนึ่ง และอยู่กับทีมในช่วงที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นการได้แชมป์ลีก 5 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 3 ครั้ง, อิตาเลียน ซูเปอร์คัพ 4 หน และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง

- ชุนซูเกะ นากามูระ
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมามีนักเตะจากชาติในทวีปเอเชียบางคนที่สามารถสร้างชื่อในวงการฟุตบอลยุโรปได้ ซึ่ง นากามูระ ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะหลังย้ายจาก เรจจิน่า ไปอยู่กับ เซลติก ในปี 2005 แล้วนั้น เขาก็ทำผลงานได้สุดยอดในการเป็นกองกลางให้กับที่นั่น โดยเฉพาะการยิงลูกฟรีคิกที่อันตรายสุดๆ ชนิดที่ว่าการเสียฟรีคิกให้กับ เซลติก ในช่วงนั้นก็เหมือนกับการเสียลูกจุดโทษก็มิปาน

ทั้งนี้ เบอร์ 25 ยังกลายเป็นเบอร์โปรดของ นากามูระ ในระดับหนึ่งจนถึงขั้นที่เขาเลือกจะใส่เบอร์นั้นตอนกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส ในช่วงแรกๆ ด้วย ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนไปใส่เบอร์ 10 ในฤดูกาล 2013-14

- จานฟรังโก้ โซล่า
หากจะบอกว่า โซล่า คือหนึ่งในตัวแบกของ เชลซี ในช่วงที่เขาอยู่กับทีมมันก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินเลยอะไรนัก ดาวเตะชาวอิตาเลียนถือเป็นแกนหลักของทีมตลอดช่วงที่เล่นให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ก่อนที่จะปิดฉากกับทีมด้วยการย้ายไปอยู่กับ กายารี่ ในปี 2003 พร้อมกับทิ้งผลงานเอาไว้ที่การทำได้ 80 ประตูจากการลงเล่น 311 นัดในทุกรายการกับ เชลซี

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า เชลซี จะไม่ได้ประกาศรีไทร์เบอร์ 25 ของทีมอย่างเป็นทางการ ทว่านับตั้งแต่ที่ โซล่า บอกลาทีมไปในปี 2003 นั้น มันก็ไม่เคยมีนักเตะคนไหนของพวกเขาที่ได้รับสืบทอดเบอร์ดังกล่าวเลย