ไค ฮาแวร์ตซ์ และ แทมมี่ อับราฮัม เป็นผู้ทำประตูให้ เชลซี บุกมาคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล 2-1 ในเกมกระชับมิตรปรีซีซั่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องแต่บรรยากาศแฟนบอลในสนามและศักดิ์ศรีลอนดอนดาร์บี้แมตช์ทำให้รูปเกมสนุกสนานมากทีเดียว ทั้งสองทีมได้เรียนรู้มากมายจากเกมนี้โดยเฉพาะฝั่งเจ้าบ้านที่ยังมีจุดอ่อนให้เห็นอยู่ เรามาสรุปประเด็นที่น่าสนใจกัน

1.คนหนึ่งประเดิม-คนหนึ่งส่งท้าย?

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นวันสำคัญของกองหลังปืนใหญ่คนใหม่อย่าง เบน ไวท์ และกองหน้าเชลซีอย่าง แทมมี่ อับราฮัม โดยรายแรกนั้นเป็นการลงประเดิมสวมเสื้ออาร์เซน่อลครั้งแรกหลังจากย้ายมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ขณะที่รายหลังอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะสร้างความประทับใจให้กับกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล แล้ว   

ไวท์ อาจต้องลงเล่นอีกหลายนัดเพื่อปรับตัวกับ อาร์เซน่อล แม้ว่าจะยังไม่ได้เจองานหนักมากแต่เกมนี้เขาโชว์ให้เห็นความนิ่งในการครองบอลโดยเฉพาะเมื่อเจอคู่แข่งบีบพื้นที่ซึ่งเป็นสิ่งที่กองหลังอาร์เซน่อลไม่มีเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังโชว์การวิ่งมาบล็อกลูกยิงจ่อๆของ ซีเย็ค ที่แตะหลบ เลโน่ มาแล้ว มารอดูกันว่า ไวท์ จะช่วยยกระดับแผงหลังอาร์เซน่อลในฤดูกาลใหม่ได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน อับราฮัม เป็นผู้ทำประตูชัยให้ เชลซี ชนะเกมนี้หลังจากที่ฉกฉวยโอกาสจากการส่งบอลพลาดของ เบเยริน แม้ฟอร์มโดยรวมอาจจะยังไม่ได้น่าประทับใจนักแต่ประตูนี้น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น และนี่อาจจะเป็นการอัพค่าตัวและค่าเหนื่อยตัวหลังจากมีข่าวลือหนาหูเรื่องย้ายทีมมาตลอดซัมเมอร์นี้

2.ฮาแวร์ตซ์ สานต่อฟอร์ม

ทุกอย่างจับจ้องมาที่คู่หูเยอรมันอย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ติโม แวร์เนอร์ หลังจากที่พวกเขาย้ายมาร่วมทัพ เชลซี เมื่อปีที่แล้วด้วยค่าตัว 70 ล้านปอนด์ และ 50 ล้านปอนด์ ตามลำดับ ทั้งสองใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก โดยตอนแรก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่อาจเค้นฟอร์มคู่หูเยอรมันนี้ได้สำเร็จ จนกระทั่งการเข้ามาของ โธมัส ทูเคิ่ล ปลดล็อคให้ทั้งสองโชว์ฟอร์มแกร่งขึ้นมาได้

ในรายของ แวร์เนอร์ อาจจะยังโดนตั้งคำถามเรื่องการจบสกอร์ แต่สำหรับ ฮาแวร์ตซ์ นั้นกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฟอร์มดีที่สุดช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เขาทำประตูชัยให้ เชลซี คว้าแชมป์ ชปล. เมื่อซีซั่นที่แล้ว และเขาก็สานต่อฟอร์มที่ดีมายังปรีซีซั่น โดยเกมกับ อาร์เซน่อล นี้ ฮาแวร์ตซ์ เป็นคนยิงประตูสุดคมกริบให้ทีมขึ้นนำ ด้วยวัยเพียง 22 ปีเราน่าจะได้เห็นศักยภาพของเขาอีกมากหลังจากนี้

3.สิงห์จำเป็นถึงขนาดต้องเสริมเซนเตอร์?

ณ ตอนนี้ เชลซี มีเซนเตอร์แบ็กให้ใช้งานถึง 5 คนได้แก่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ คูร์ท ซูม่า แต่รายหลังสุดนั้นมีข่าวว่าอาจโดนขายทิ้งซัมเมอร์นี้ หรืออาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของดีลสลับตัวกับ ฌูลส์ กุนเด้ เซนเตอร์แบ็กเซบีย่าที่ “สิงห์บลูส์” กำลังดำเนินการเจรจาคว้าตัวอยู่

อย่างไรก็ตาม มันมีคำถามเกิดขึ้นว่า “เดอะ บลูส์” จำเป็นถึงขนาดต้องทุ่มเงินเพื่อซื้อตัวเซนเตอร์แบ็กคนใหม่เลยหรือ? ซูม่า อาจตกเป็นตัวสำรองในช่วงหลังแต่เขาก็มีฤดูกาลที่น่าจดจำหลังยิงถึง 5 ประตูในพรีเมียร์ลีก เชื่อว่าเจ้าตัวน่าจะอยากอยู่สู้แย่งชิงตำแหน่งที่ เชลซี มากกว่า และข่าวช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีรายงานว่า ซูม่า ไม่อยากเป็นแค่ตัวแถมในดีลของกุนเด้

นอกจากนี้ดาวรุ่งอย่าง ดูยอน สเตอร์ลิง และ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ก็ยังทำผลงานน่าประทับใจในช่วงปรีซีซั่นอีกด้วย แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่นักเตะบิ๊กเนมแต่พวกเขาก็มีศักยภาพพอที่จะขยับขึ้นมาเป็นตัวเลือกในทีมชุดใหญ่ โดยในเกมกับ อาร์เซน่อล สเตอร์ลิง และ ชาโลบาห์ โชว์ให้เห็นว่าพวกเขามีความนิ่งเกินอายุและยังสามารถไว้ใจได้เมื่อถูกเรียกตัวลงสนาม มันอาจจะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงกับการไว้วางใจดาวรุ่งแต่ด้วยผลงานของพวกเขาช่วงปรีซีซั่น ทูเคิ่ล ก็น่าลองให้โอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้บ้าง

4.ชาคายังสำคัญ

กรานิต ชาคา มีข่าวมาตลอดว่าจะย้ายออกจากในช่วงซัมเมอร์นี้และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โรม่า ก็เกือบคว้าตัวเขามาได้แล้วแต่เป็นทาง อาร์เซน่อล ที่ปฏิเสธการย้ายทีมในท้ายที่สุดซึ่งรายงานระบุว่า “ปืนใหญ่” ไม่แฮปปี้กับข้อเสนอที่ได้มา

ชาคา ไม่ได้เป็นที่รักของบรรา “เดอะ กันเนอร์ส” นับตั้งแต่มีประเด็นดราม่าพูดคำหยาบใส่แฟนบอลปืนใหญ่พร้อมกับเขวี้ยงชุดแข่งทิ้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยผลของการกระทำนี้ทำให้ ชาคา ถูกปลดออกจากการเป็นกัปตันทีม

อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์นั้น ชาคา ก็ค่อยๆเริ่มกู้ฟอร์มของตัวเองกลับมาได้และกลายเป็นแข้งคนสำคัญของ อาร์เซน่อล อีกครั้ง และความมั่นใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อทำผลงานดีกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา ซึ่งประตูที่เขาโขกตีเสมอในเกมกับ เชลซี นี้ตอกย้ำว่าทีมยังต้องการเขาอยู่

อาร์เตต้า ยืนยันหลังเกมนี้แล้วว่า ชาคา จะอยู่กับ อาร์เซน่อล ต่อไปและเขาถือเป็นคีย์แมนของทีมชุดปัจจุบัน โดย ปืนใหญ่ ก็เตรียมเสนอสัญญาฉบับใหม่เป็นระยะเวลาถึงเดือนมิถุนายนปี 2015 พร้อมกับมั่นใจว่านักเตะจะจรดปากกาขยายสัญญาแน่นอน

5.สมิธโรว์ยกระดับ-เบเยรินโรยรา

มิเกล อาร์เตต้า จำใจยอมขาดผู้เล่นเบอร์ 10 หลังจากที่แยกทางกับ เมซุต โอซิล เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยปืนใหญ่ก็เร่งรีบยืมตัว มาร์ติน โอเดการ์ด จาก เรอัล มาดริด เพื่อเข้ามาแทนที่ ถึงมิดฟิลด์ชาวนอร์เวย์จะโชว์ให้เห็นว่าเขามีของแต่บางทีมันอาจไม่เพียงพอที่จะยกระดับอาร์เซน่อลขึ้นมาได้และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าตั๋วฟุตบอลยุโรปได้

ซัมเมอร์นี้ “เดอะ กันเนอร์ส” มีข่าวเชื่อมโยงกับมิดฟิลด์ตัวทำเกมหลายคนซึ่งรวมถึง เจมส์ แมดดิสัน ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย แต่ถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กองกลางคนใหม่ อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ไม่ต้องมองคนอื่นคนใดไกลเพราะ เอมิล สมิธ โรว์ มิดฟิดล์ดาวโรจน์ของทีมอาจเป็นคำตอบที่ตามหาอยู่หลังจากได้รับโอกาสให้มาสวมเสื้อหมายเลข 10

สมิธ โรว์ ได้ลงเล่นตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องกับ เชลซี โดยครึ่งแรกเขาถือเป็นแข้งอาร์เซน่อลที่เล่นดีที่สุดแล้ว หลังจากที่ เชลซี ทำประตูขึ้นนำเขาก็เกือบยิงตีเสมอได้แต่โชคร้ายที่บอลไปชนเสา นอกจากนี้เขายังเรียกฟาวล์ได้หลายต่อหลายครั้งและก่อนหมดครึ่งแรกก็ได้โชว์พลิกบอลแบบ “โยฮัน ครัฟฟ์” สร้างความฮือฮาให้แฟนบอลในสนาม สมิธ โรว์ เป็นนักเตะมีความมั่นใจสูงและฤดูกาลนี้ สปอร์ต ไลท์ น่าจะฉายแสงมาที่เขาเสียที

อีกคนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงแต่อีกคนอาจจะถูกลดบทบาทลงในในฤดูกาลนี้ซึ่งก็คือ เอคตอร์ เบเยริน แบ็กขวาของทีม ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นหนึ่งในนักเตะฟอร์มฮอตที่สุดของอาร์เซน่อลแต่หลายฤดูกาลที่ผ่านมาฟอร์มเหล่านั้นกลับหายไปเรื่อยๆ นัดนี้ อาร์เตต้า ใช้ คัลลั่ม แชมเบอร์ส ออกสตาร์ทตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาซึ่งเขาโชว์ฟอร์มดีระดับหนึ่ง จนกระทั่ง เบเยริน ถูกส่งลงมาและเป็นคนจ่ายบอลพลาดส่งของขวัญให้ อับราฮัม ทำประตูชัย เราอาจจะได้เห็นแล้วว่าแบ็กขวาตัวจริงในฤดูกาลนี้จะเป็นใคร