ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ผู้พลิกโฉมลิเวอร์พูล! 6 การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในยุค ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์

ผู้พลิกโฉมลิเวอร์พูล! 6 การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในยุค ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์

Posted 31/08/2021 by siamsport

หลังจากที่ทำงานมานานถึง 10 ปี ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬา ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวว่าเตรียมอำลาสโมสร ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ช็อกมากๆ เพราะ เอ็ดเวิร์ดส์ คือหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนกับความสำเร็จของ "หงส์แดง" ในช่วงที่ผ่านมา
    
จากรายงานของ "ดิ แอธเลติก" ระบุว่า เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งอดีตเคยเป็นนักวิเคราะห์ให้กับพอร์ทสมัธ ได้แจ้งกับผู้บริหารระดับสูงของทีมแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญา ทำให้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วนั้น เขาก็จะก้าวลงจากตำแหน่งปัจจุบันหลังจบฤดูกาลนี้

เอ็ดเวิร์ดส์ เริ่มเข้ามาทำงานกับทัพ "หงส์แดง" ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสมรรถนะและการวิเคราะห์เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 ก่อนที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศักยภาพ แล้วต่อด้วยการเป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิค ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผอ.กีฬาเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2016

เขาได้รับการยกย่องจากหลายฝ่ายมากเป็นพิเศษคือเรื่องการเสริมทัพ โดยเขามีส่วนตั้งตำแหน่งที่เรียกว่า "คณะกรรมการด้านการเสริมทัพ" ขึ้นมา แถมยังมีส่วนสำคัญในการตัดสินแนวทางการเสริมทัพของทีมด้วย

นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ดส์ ยังได้รับคำชมด้วยว่าเป็นคนที่ฉลาดในการเจรจา เพราะเขาทำให้ ลิเวอร์พูล ได้นักเตะบางคนมาร่วมทัพในราคาที่ไม่แพงมากนัก ในขณะเดียวกันก็สามารถขายแข้งหลายคนได้ในราคาที่สูงลิบ อย่างเช่น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ขายให้ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 142 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,532 ล้านบาท) เป็นต้น

ตลอดช่วง 1 ทศวรรษที่ทำงานในถิ่นแอนฟิลด์นั้น เอ็ดเวิร์ดส์ ถือเป็นบุคคลเบื้องหลังในเรื่องตลาดซื้อขายนักเตะของสโมสรเนื่องจากเขามีความสามารถในการเจรจาที่สุดยอดมากๆ และทำให้ทีมได้ประโยชน์อย่างมหาศาล

นี่คือ 6 การซื้อนักเตะในยุคของ เอ็ดเวิร์ดส์ ที่นำไปสู่ยุครุ่งเรืองของ ลิเวอร์พูล ซึ่งผงาดคว้าแชมป์มากมายโดยเฉพาะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ


1.ฟาบินโญ่

ในช่วงเวลานั้น ฟาบินโญ่ ตัดสินใจที่จะไม่ขยายสัญญาฉบับใหม่กับ อาแอส โมนาโก นั่นทำให้นักเตะได้รับความสนใจจากหลายๆ สโมสรชั้นนำรวมทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สุดท้ายกลายเป็น "หงส์แดง" ที่สามารถจับ ดาวเตะชาวบราซิเลียน มาทำหน้าที่คุมเกมแดนกลางให้กับสโมสรได้สำเร็จเมื่อปี 2018 และแน่นอนว่านี่คือการเซ็นสัญญาที่สร้างประโยชน์ให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างมาก

ฟาบินโญ่ กลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก  แถมยังสามารถขยับลงไปยืนเซนเตอร์แบ็กจำเป็นก็ได้ ที่สำคัญก็คือค่าตัวของนักเตะยังถูกกว่า เฟร็ด, จอร์จินโญ่ และ โรดรี้ ซะด้วย

2. อลีสซง เบ็คเกอร์

เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากที่ ลอริส คาริอุส นายทวารชาวเยอรมัน โชว์ฟอร์มงามหน้าในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2017/2018 ที่พ่ายแพ้ให้กับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด พวกเขาก็จัดการคว้าตัว อลีสซง เบ็คเกอร์ มาจาก อาแอส โรม่า ด้วยค่าตัวประมาณ 66 ล้านปอนด์ (ราว 2,900 ล้านบาท)

ในตอนแรกหลายคนมองว่าค่าตัวของ อลีสซง มันแพงเว่อร์เกินไปหรือเปล่า เพราะราคาขนาดนั้นเท่ากับว่าเขากลายเป็นโกลที่แพงที่สุดในโลกในทันที (ก่อนที่  เกปา อาร์รีซาบาลาก้า จะทำลายสถิติด้วยค่าตัว 71 ล้านปอนด์)

 อย่างไรก็ตามผลงานของ นายด่านปราการสุดท้ายทีมชาติบราซิล แสดงให้เห้นแล้วว่าค่าตัวดังกล่าวมันช่างคุ้มค่าเหลือเกินที่ ลิเวอร์พูล จ่ายไป เพราะมันแลกมาด้วยฟอร์มการเซฟที่เหนียวหนึบ และความสำเร็จมากมายที่ทะลักเข้าสู่ตู้โชว์ในถิ่นแอนฟิลด์ รวมทั้งเขายังถูกยกให้เป็นหนึ่งในโกลที่เก่งที่สุดในโลกซะด้วย

3. ซาดิโอ มาเน่

มีเสียงเยะเย้ยถากถางตอนที่ ลิเวอร์พูล คว้า ซาดิโอ มาเน่ มาจาก "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยสนนราคา 34 ล้านปอนด์ (ราว 1,496 ล้านบาท) เมื่อปี 2016 แต่ตอนนี้เสียงเย้ยหยันเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นเสียงอิจฉาตาร้อนที่ "หงส์แดง" ได้ของดีมาร่วมทัพ

ดาวเตะชาวเซเนกัล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ "เดอะ เร้ดส" โดยเขาเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด และยิงประตูให้กับต้นสังกัดมากมาย  รวมทั้งนำความสำเร็จมาสู่ทีม

มาเน่ ทำผลงานได้เด็ดสะระตี่เมื่อประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยนักเตะตะบันให้กับต้นสังกัดไปถึง 98 ประตูจากการลงสนาม 221 เกมจากการแข่งขันในทุกรายการ

4. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

ต้องบอกเลยว่านี่คือการเซ็นสัญญาที่สร้างประโยชน์ที่สุดในรอบทศวรรษของ ลิเวอร์พูล จริงๆ โดยพวกเขาคว้าตัว แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ในปี 2017 ด้วยค่าตัวแค่ 8 ล้านปอนด์ (ราว 352 ล้านบาท) เท่านั้น

ดาวเตะชาวสกอตติช ถูกดึงตัวมาเพื่อหวังที่จะเป็นยางอะไหล่ของ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กซ้ายเลือดสแปนิช แต่กลับกลายเป็นว่าผลงานของ โรเบิร์ตสัน โดดเด่นมากๆ ทั้งเกมรับ และเกมรุก ทำให้เขายึดตัวจริงถาวรมาตลอด

โรเบิร์ตสัน เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เฝ้ารอมานาน เพราะเขาช่วยทำให้ตำแหน่งฟูลแบ็กฝั่งซ้ายมีความสมบูรณ์แบบสุดๆ ที่สำคัญฟอร์มของเจ้าตัวถูกยกให้เป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่เก่งที่สุดในโลก

5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์

สถานการณ์ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ต่างอะไรกับ มาเน่ เพราะตอนที่ "เดอะ เร้ดส์"คว้าตัวเขามาจาก โรม่า ด้วยจำนวนเงิน 37 ล้านปอนด์ (ราว 1,628 ล้านบาท) หลายคนมามองว่า "บังโม" รอดไหมเพราะเคยล้มเหลวกับ เชลซี มาแล้ว

งานนี้บอกเลยว่าใครที่เคยแขวะ ซาลาห์ กับ "หงส์แดง" ต้องหน้าหงายเงิบเพราะฟอร์มของ "คิง ออฟ อียิปต์" โคตรโหดราวกับเครื่องจักรสังหารประตู และได้รับการยกย่องอย่างมาในเวลานั้น
 
แค่ฤดูกาลแรกที่มาอยู่กับลิเวอร์พูล, ซาลาห์ จัดการยิงไปเบาะๆ เพียง 32 ประตูจาก 36 เกมลีก !! พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดไปครอง หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่ปฏิเสธว่านี่คือกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็ว่าได้
 
6. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

บางทีนี่อาจจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดย เอ็ดเวิร์ดส์ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะคว้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาจาก เซาธ์แฮมป์ตันให้ได้ เพื่อหวังจะนำ ดาวเตะชาวดัตช์ มาช่วยขันเกมรับของทีมให้แน่นปึ้ก

ในเวลานั้น ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มไม่อั้นถึง 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,300 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นค่าตัวกองหลังที่แพงที่สุดในโลก โดยมีหลายคนที่เย้ย "หงส์แดง" ว่าใช้เงินอย่างไร้สาระกับนักเตะเซนเตอร์แบ็กแค่คนเดียว

"หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" เพราะหลังจากนั้น ฟาน ไดค์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือหัวใจในเกมรับของ "เดอะ เร้ดส์" และนำทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้ง พรีเมียร์ลีก พร้อมได้รับการเชิดชูในฐานะกองหลังที่เก่งที่สุดในโลก

สำหรับตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กค่าตัวแพงที่สุดในโลกปัจจุบันตกเป็นของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนฟอร์มจะคุ้มกับเม็ดเงินหรือไม่ พิจารณาจากผลงานของเขากับ "ผีแดง" ก็คงได้คำตอบเอง !!!

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »