ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » โรเตชั่นยกแผง,ดาวรุ่ง 16 ปีลุ้นตัวจริง! 5 ข้อก่อน ลิเวอร์พูล พบ นอริช ศึกคาราบาวคัพ

โรเตชั่นยกแผง,ดาวรุ่ง 16 ปีลุ้นตัวจริง! 5 ข้อก่อน ลิเวอร์พูล พบ นอริช ศึกคาราบาวคัพ

Posted 21/09/2021 by siamsport

ลิเวอร์พูล มีคิวทำศึกกับ นอริช ซิตี้ ในเกมคาราบาว คัพ รอบ 3 วันอังคารที่ 21 กันยายนนี้ และแน่นอนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน คงจะเลือกใช้วิธีการโรเตชั่น โดยจะให้โอกาสนักเตะสำรอง และดาวรุ่งได้ลงสนามในแมตช์นี้
    
"หงส์แดง" โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยการที่ทีมมีโปรแกรมเยอะมาก ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องจัดผู้เล่นอีกชุดในแมตช์ปะทะ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ในเกมถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี

งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" มีโอกาสจะได้เห็นดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้านอย่าง  เคด กอร์ดอน ปีกดาวรุ่งที่คาดว่าจะได้ลงสนามตัวจริง หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงปรีซีซั่น และกับทีมรุ่นยู-23 รวมไปถึง ทาคุมิ มินามิโนะ ที่น่าจะได้เฉิดฉายในแมตช์นี้

 

1. ได้เวลาปรับเปลี่ยนเพื่อความสดใหม่
การที่ต้องลงสนามอย่างต่อเนื่องทำให้ ลิเวอร์พูล จำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้ระบบโรเตชั่นในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา แต่กระนั้น คล็อปป์ ก็ยังคงต้องให้ผู้เล่นตัวหลักลงสนาม อย่างไรก็ตามในเกมคาราบาว คัพ ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้พักนักเตะกำลังสำคัญหลายคน

มีความเป็นไปได้สูงเกือบร้อยเปอร์เซนต์ว่า อลีสซง เบ็คเกอร์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ฟาบินโญ่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะได้พัก ขณะที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ จะได้สวมถุงมือเฝ้าเสา โดยงานนี้ เคอร์ติช โจนส์ จะทำหน้าที่คุมแดนกลางให้กับทีม

ที่น่าสนใจก็คือนักเตะดาวรุ่งหลายคนของ "เดอะ เร้ดส์" จะได้รับโอกาสลงสนามด้วยอย่าง คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ที่จะได้ยืนประจำการในตำแหน่งแบ็กขวา และ เคด กอร์ดอน ดาวรุ่งพุ่งแรง วัย 16 ปี และ ไทเลอร์ มอร์ตัน ก็จะได้ลงสนามตัวจริงเช่นกัน

นอกจากนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิว็อค โอริกี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในแนวรุกของ "หงส์แดง" ส่วน ดีโอโก้ โชต้า ก็เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ คล็อปป์ น่าจะให้โอกาสแก้ตัว หลังฟอร์มในเกมถล่ม คริสตัล พาเลซ ไม่ค่อยดีนัก

ในส่วนของเกมรับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ คงได้ลงสนามเป็นแมตช์ที่สองติดต่อกัน โดยงานนี้ โจ โกเมซ น่าจะเป็นคู่หูเซนเตอร์แบ็กของเขา ส่วนทางฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิกาส ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อ ก็จะได้ลงสนามอีกแมตช์เช่นกัน

 

2. คาบัค เผชิญหน้าทีมเก่า
หนึ่งในนักเตะที่ได้รับการประเมินคุณค่าต่ำกว่าความเป็นจริงของ ลิเวอร์พูล ก็คือ โอซาน คาบัค โดยเขาย้ายมาเล่นแบบยืมตัวจาก ชาลเก้ 04 ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และช่วยให้สโมสรทำผลงานติดท็อปโฟร์ในที่สุด

แม้ว่าในตอนแรกที่ลงเล่น "เดอะ เร้ดส์" ผลงานของแนวรับชาวตุรกีจะไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากปรับตัวได้นักเตะก็กลายเป็นกำลังหลักในเกมรับของทีมช่วงที่พวกเขาประสบกับวิกฤติเซนเตอร์แบ็ก

อย่างไรก็ตามการที่ คล็อปป์ ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ โกนาเต้ ทำให้ คาบัค หมดโอกาสที่จะได้ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์แบบถาวร และสุดท้ายนักเตะก็ได้รับโอกาสจาก นอริช ซิตี้ ที่ดึงตัวมาช่วยทีมในช่วงโค้งสุดท้ายตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์นี้

คาบัค มีโอกาสได้ลงประเดิมสนามให้กับ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ในเกมแพ้ "แตนอาละวาด" วัตฟอร์ด 1-3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าแมตช์รับมือ ลิเวอร์พูลที่ แคร์โรว์ โร้ด มีความเป็นไปได้สูงที่ ดาวเตะวัย 21 ปี จะได้แสดงผลงานให้ คล็อปป์ ได้เห็นว่า กุนซือชาวเยอรมัน คิดผิดที่ไม่เซ็นสัญญากับเขา

3. ฟอร์ม นอริช ย่ำแย่เหลือเกิน !
นอริช ซิตี้ ก้าวขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยตำแหน่งแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่งานนี้พวกเขากำลังเจอกับสถานการณ์สุดยากลำบาก เพราะฟอร์มการเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดียังไม่มีวี่แววกระเตื้องแม้แต่นิดเดียว

ผลงาน 5 แมตช์ที่ผ่านมา นอริช สะกดคำว่าชนะและเสมอไม่เป็นเลย แถมยังเสียไปถึง 14 ประตู และยิงได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สถานการณ์ในตารางลีกจะจมบ๊วยอย่างน่าใจหาย และกลายเป็นเต็งหนึ่งที่จะตกชั้น

จะว่าไปแล้วทีมของกุนซือดาเนี่ยล ฟาร์เค่ ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในการเจอกับ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้วในช่วงต้นซีซั่นนี้ กระทั่งล่าสุดก็โดน วัตฟอร์ด ทีมน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์เหมือนกันจัดการเผาเครื่องคาถิ่นแคร์โรว์ โร้ด

แน่นอนว่าตอนนี้ ฟาร์เค่ ต้องพยายามกระตุ้นลูกทีมให้เรียกฟอร์มเก่งเหมือนกับเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาให้ได้ และการรับมือ ลิเวอร์พูล ที่คาดว่าจะส่งนักเตะสำรองกับดาวรุ่งลงสนาม หากพวกเขาเอาชนะได้ น่าจะทำให้เกิดความฮึมเหิมในการสู้ดิ้นรนหนีตกชั้นในศึกพรีเมียร์ลีก

 

4. อาถรรพ์แข้งเจ็บลิเวอร์พูลยังไม่จบ
ลิเวอร์พูล ยังต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บอีกครั้ง หลังจากเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาต้องประสบกับวิกฤตินักเตะหลักเดี้ยงยาวเป็นหางว่าว จนนำไปสู่ฟอร์มการเล่นที่ร่วงกราวรูดอย่างน่าใจหาย

ล่าสุด ติอาโก้ อัลกันทาร่า โดนอาการบาดเจ็บที่น่องเล่นงานในแมตช์ช่วยต้นสังกัดทุบ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าตัวไม่มีชื่อลงสนามในเกมนี้ และเกมเยือน เบรนท์ฟอร์ด วันเสาร์ด้วย

ก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" ก็มีนักเตะสำคัญเจ็บอย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่ต้องพักฟื้นจากการผ่าตัดข้อเท้าหลุดและกว่าจะกลับมาช่วยทีมได้คงช่วงปลายซีซั่น กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีอาการป่วยร่างกายยังไม่พร้อมลงสนาม

ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่ คล็อปป์ ภาวนาก็คืออย่าให้มีนักเตะคนไหนได้รับบาดเจ็บอีก เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นชุดใหญ่และชุดสำรอง ทุกๆ คนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนทีมให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

 

5. คล็อปป์ ไม่เน้นบอลถ้วยอังกฤษ
หากพูดกันแบบตรงไปตรงมา คล็อปป์ ไม่ประสบความสำเร็จกับการเล่นฟุตบอลถ้วยในประเทศอังกฤษ แต่นั่นอาจเป็นเพราะเขามุ่งมั่นอยู่กับการแข่งขันรายการหลักก็คือ พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น

สโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย มักจะส่งผู้เล่นตัวจริงชุดที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งลงสนาม  และนั่นทำให้โอกาสที่ทีมจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเมืองผู้ดีจึงมีน้อยมาก

สำหรับในศึกคาราบาว คัพ "หงส์แดง" ผ่านไปแค่รอบ 4 ในช่วง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้สาวก "เดอะ ค็อป" อาจจะต้องทำใจที่ไม่ได้เห็นโทรฟี่อย่าง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ ตั้งตะหง่านในตู้โชว์ที่สนามแอนฟิลด์

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ก็เลยนำ "เดอะ เร้ดส์" ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศมาแล้วในปี 2016 แต่น่าเสียดายที่พ่ายจุดโทษให้กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งทั้งสองทีมคว้าแชมป์รายการนี้สูงสุดร่วมกันอยู่ที่ 8 สมัย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »