ลิเวอร์พูล ยังทำผลงานได้อย่างสุดยอดแม้ว่าพวกเขาจะส่งผู้เล่นชุดผสมดาวรุ่งกับแข้งสำรอง ก็ยังสามารถบุกทุบ นอริช ซิตี้ คาบ้านด้วยสกอร์ 3-0 ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 3 เมื่อวันอังคารที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา
     
แมตช์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกพักแข้งตัวหลัก และเปิดโอกาสให้ขุมกำลังสำรองได้ลงไปโชว์ฝีเท้า โดยงานนี้ ดิว็อค โอริกี้ กับ ทาคุมิ มินามิโนะ ทำผลงานได้แนวรุกได้อย่างโดดเด่น ขณะที่สามแข้งแห่งอนาคตที่ได้ลงเล่นเปิดตัวทีมชุดใหญ่ก็โชว์ฟอร์มน่าประทับใจเช่นเดียวกัน

ในส่วนของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ยังคงได้รับโอกาสจาก นายใหญ่ชาวเยอรมัน ให้ลงทำหน้าที่เป็นตัวหลักในเกมรับ และประสานงานกันได้อย่างลงตัวกับ โจ โกมซ ทำให้เกมนี้ "หงส์แดง" สามารถเก็บคลีนชีตได้อีกแมตช์

1. มินามิโนะโดดเด่นน่าประทับใจ
เกมเยือนถิ่นแคร์โรว์ โรด แน่นอนว่าสาวก "เดอะ ค็อป" เข้าใจ คล็อปป์ ที่เลือกโรเตชั่นทีมแบบยกแผงตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า แต่นั่นก็เป็นโอกาสดีที่ทำให้ผู้เล่นสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนามแสดงผลงาน

นักเตะที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ได้ลงเล่นตัวจริง และงานนี้บอกเลยว่าแฟนบอล "หงส์แดง" ไม่ผิดหวังเมื่อ ดาวเตะชาวญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมซัดสองประตูซะด้วย

ลูกแรกมาจากการเก็บตกจังหวะ ดิว็อค โอริกี้ ขึ้นโหม่งลูกเตะมุม ซึ่ง มินามิโนะ ไม่ยอมปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย โดยโชว์การกลับตัวยิงเร็วส่งบอลซุกก้นตาข่าย ส่วนอีกลูกเป็นการแสดงให้เห็นถึงความนิ่งและใจเย็นของเจ้าตัวในการซัดประตู 

นอกจากนี้นักเตะยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น วิ่งหาพื้นที่ว่างตลอด และเล่นด้วยพละกำลังที่มีเหลือเฟือ สำหรับผงานของ ดาวเตะวัย 26 ปีไม่ว่าจะเป็นการช่วยทีมวิ่งเพรสซิ่งคู่แข่ง, การสร้างสรรค์โอกาส และการยิงประตู ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าเขายังคงเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้างทีมของ คล็อปป์ ในซีซั่นนี้

2. โกนาเต้ ทั้งแกร่งทั้งนิ่ง
แม้ว่า อิบราฮิม่า โกนาเต้ จะได้ลงเล่นเปิดตัวเกมลีกกับ ลิเวอร์พูล ไปแล้วในเกมถล่ม คริสตัล พาเลซ และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อได้ยืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แต่สำหรับเกมเยือน นอริช ซิตี้ นักเตะได้โอกาสเป็นตัวหลักในแนวรับอีกครั้ง

คล็อปป์ เลือกใช้งาน โกนาเต้ คู่กับ โจ โกเมซ และงานนี้สองแนวรับวัยรุ่นของ "เดอะ เร้ดส์" แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี โดยทั้งคู่สามารถจัดการเกมบุกของเจ้าบ้านได้แบบอยู่หมัด

สำหรับ โกนาเต้ เริ่มจะฉายแววการเป็นกองหลังชั้นยอดขึ้นมาเรื่อยๆ โดยนักเตะเล่นด้วยความมั่นใจ กล้าที่จะครองบอล และเลี้ยงบอลเพื่อช่วยเกมรุก นอกจากนี้ยังพยายามหาโอกาสจบสกอร์จากลูกเตะมุม ซึ่งก็ทำได้ดีแต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีสกอร์

ในส่วนของการประสานงานกับ โกเมซ ก็ถือว่าสอบผ่านสบายๆ แถมมีส่วนช่วยเคลียร์บอลทิ้งหลัง ควีวิน เคลเลเฮอร์ เซฟจุดโทษได้ แต่ก็อาจเป็นเพราะแนวรุก "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ไม่ค่อยได้บุกเข้ามาสร้างความน่ากลัวอะไรมากนัก ทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้แสดงผลงาน แต่พวกจังหวะลูกโด่ง กับลูกเซตพีซ โกเมซ กับ โกนาเต้ สามารถเก็บกินได้สบายๆ

3. แผงกองกลางตัวเลือกทำผลงานได้ดี
การที่มีเกมต้องลงสนามมากมาย แผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยแมตช์นี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า และ เคอร์ติส โจนส์ ได้รับโอกาสให้ลงไปทำหน้าที่ในแดนกลาง
      
ผลงานของทั้งสามคนถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่โดดเด่นก็คือการเล่นแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และยังคุมพื้นที่ในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี โดยในรายของ โจนส์ คอยสร้างสรรค์เกม และครองบอลได้เหนียวแน่น

ในขณะที่ เกอิต้า เล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แม้ว่าครึ่งแรกอาจจะไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้กับทีม ส่วน "หนุ่มอ็อกซ์เลด" ช่วยในการเชื่อมเกมได้เป็นอย่างดี และคอยสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม

นอกจากนี้ แชมเบอร์เลน ยังเล่นประสานงานกับ มินามิโนะ ได้อย่างเข้าขา โดยเฉพาะจังหวะที่ช่วยแอสซิสต์ให้กับ แนวรุกเลือดซามูไร หลุดเข้าไปยิงประตูตอกฝาโรงฝัง นอริช คาบ้านเรียบร้อย

ฉะนั้นภาพรวมของ 3 มิดฟิลด์สำรองของ ลิเวอร์พูล ในแมตช์นี้น่าจะทำให้ คล็อปป์ พออุ่นใจได้บ้างหากเกิดกรณีฉุกเฉินที่แข้งหลักได้รับบาดเจ็บ ก็ยังสามารถส่งขุมกำลังที่มีอยู่ลงไปทดแทนได้

4. สามดาวรุ่งเปิดตัวน่าประทับใจ
คล็อปป์ เลือกใช้เวทีคาราบาว คัพ เปิดโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งได้แสดงฝีเท้าอย่างเต็มที่ และในเกมนี้เขาเลือกส่ง เคด กอร์ดอน กับ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ลงตัวจริง ส่วน ไทเลอร์ มอร์ตัน ได้ลงสนามครึ่งหลัง

กอร์ดอน ได้ลงสนามเปิดตัวทีมชุดใหญ่ในวัย 16 ปี โดยงานนี้เจ้าตัวได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งทักษะและความคล่องตัว โดยเฉพาะการตัดเข้าในถือเป็นจุดเด่นของเจ้าตัวเลยก็ว่าได้ แม้ภาพรวมอาจจะไม่ได้โดดเด่นเป็นสง่า แต่การเริ่มต้นด้วยฟอร์มแบบนี้ถือว่ามีอนาคตสดใสเลยทีเดียว

ส่วน แบรดลี่ย์ ที่ได้ลงเล่นเปิดตัวในฐานะแบ็กขวา แม้ว่าเกมรุกจะมีความดุดัน, คิดเร็วทำเร็วในจังหวะขึ้นเกมรุก และยังวิ่งสอดมาจากด้านหลังได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียของเขาก็คือขาดความละเอียดในการเล่น, เข้าบอลพรวดพราดจนเป็นเหตุให้เสียจุดโทษ และเสียบอลง่ายไปหน่อย แต่นั่นเพราะนักเตะยังขาดประสบการณ์ และน่าจะทำได้ดีขึ้นหากได้โอกาสลงสนามเรื่อยๆ

ตบท้ายด้วย มอร์ตัน ที่ได้ลงสนามแทน เกอิต้า ในช่วงต้นครึ่งหลัง โดยงานนี้เจ้าตัวลงมาช่วยแดนกลางได้เป็นอย่างดี ทำให้แผงมิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" มีมิติมากขึ้น และยังช่วยเติมพลังให้แดนกลางของทีมมีชีวิตชีวา ที่สำคัญนักเตะครองบอลได้เหนียวแน่น และเสียบอลยาก

จากฟอร์มการเล่นในแมตช์เปิดตัวทั้ง 3 ดาวรุ่งนี้ แน่นอนว่า คล็อปป์ คงยิ้มอย่างมีความสุข เพราะนี่คือสายเลือดใหม่ที่พร้อมก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องมีการปรับจูน และพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

5. เตรียมความพร้อมก่อนเยือนเบรนท์ฟอร์ด
การบุกชนะ นอริช ซิตี้ ในเกมถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี ถือเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับทีมได้อย่างดีเยี่ยม ก่อนที่จะต้องทำศึกพรีเมียร์ลีก เยือน เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่ฟอร์มกำลังดุดัน

สำหรับลงเล่นในเกมลีกของพวกเขาต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะทีมแพ้แค่เกมเดียวจาก 5 แมตช์ที่ผ่านมา โดยชนะ 2 และเสมอ 1 ที่สำคัญ อาร์เซน่อล เป็นเหยื่อของพวกเขาในเกมเปิดซีซั่นซะด้วย

ในขณะที่แมตช์ล่าสุด เบรนท์ฟอร์ด เพิ่งจะโชว์บทโหดเหมือนโกรธใครก็ไม่รู้ เมื่อจัดการยัดเยียดความปราชัยให้กับ โอลด์แฮม แอธเลติก 7-0 ในสนามเดอะ คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ศึกคาราบาว คัพ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

หลายคนมองว่าชื่อชั้นของ เบรนท์ฟอร์ด กับ ลิเวอร์พูล ห่างกันลิบลับแถมฟอร์มตอนนี้ "หงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดๆ แต่การประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ และ คล็อปป์ ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่มีความรัดกุมสูง ฉะนั้นการเยือนทีมน้องใหม่รายนี้ พวกเขาไม่มีทางประมาทแน่นอน ยิ่งได้เห็นผลงานในเกมถล่มโอลด์แฮม ยิ่งต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีที่สุด