แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมตัวบุก เลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ โดยพวกเขาต้องการที่จะบุกคว้า 3 คะแนนให้ได้เพื่อเรียกศรัทธาของแฟนบอลกลับคืนมา หลังผลงานในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก
    
"ปีศาจแดง" มักจะทำได้ดีในฐานะเกมเยือน โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สร้างสถิติไร้พ่ายในการเล่นเกมลีกนอกถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึง 29 เกมติดต่อกัน ฉะนั้นแมตช์เยือนถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เจ้าบ้านต้องระวังให้ดีๆ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือคู่เซนเตอร์แบ็ก โดยในเวลานี้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ เอริก ไบยี่ น่าจะลงเล่นตัวจริง แต่ก็ต้องลุ้น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เนื่องจากนักเตะกลับมาลงซ้อมได้แล้ว เพียงแต่จะฟิตพอลงเล่นได้หรือไม่เท่านั้น

1. ปัญหาแนวรับ-ลุ้นแม็กไกวร์
โซลชา ต้องเจอเรื่องปวดหัวอย่างหนักเมื่อ "ปีศาจแดง" ต้องเจอกับปัญหาผู้เล่นเกมรับบาดเจ็บทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ ราฟาแอล วาราน โดยงานนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องส่ง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ คู่กับ เอริก ไบยี่

สิ่งที่น่าเป็นห่วงหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องใช้งาน ลินเดอเลิฟ กับ ไบยี่ ก็คือการที่พวกเขาไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามร่วมกันมากนัก และนั่นอาจจะส่งผลต่อการประสานงานในรับมือเกมบุกของเจ้าบ้านที่ค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ กับ เจมี่ วาร์ดี้ ที่มีทั้งความรวดเร็ว และเฉียบคมในการยิงประตู

อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจจะถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวก "เร้ด อาร์มี่" ก็คือการที่ แม็กไกวร์ สามารถกลับมาลงสนามซ้อมร่วมกับทีมได้ นั่นหมายความว่า โซลชา อาจจะมีลุ้นได้จับกัปตันทีม "ผีแดง" ลงทำหน้าที่เป็นตัวหลักในเกมรับ

ส่วนอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือการที่ "ผีแดง" หมดสิทธิ์ใช้งาน เอดินสัน คาวานี่ และ เฟร็ด เนื่องจากทั้งสองคนเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ทีมชาติเมื่อช่วงวันศุกร์ ฉะนั้นสภาพร่างกายของทั้งคู่ไม่พร้อมลงเล่นแน่นอน

2. แรชฟอร์ดกลับมาฟอร์มร่างกายที่เปลี่ยนไป
เรื่องที่น่ายินดีมากๆ ก็คือตอนนี้ โซลชา จะมีทางเลือกในเกมรุกมากขึ้นเมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และได้ลงสนามฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือสภาพร่างกายของ "หนุ่มแรช" ดูแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า

จากรายงานของ "เทเลกราฟ" สื่อดังในเมืองผู้ดี ระบุว่า แรชฟอร์ด มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 4 กิโลกรัมแต่ไม่ใช่ไขมันเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดมาจากกล้ามเนื้อขาที่แข็งแกร่ง ซึ่งนั่นจะช่วยให้เขามีพละกำลังทั้งการวิ่ง และการยิงประตู

ต้องยอมรับว่า กองหน้าทีมชาติอังกฤษ มีพัฒนาการเรื่องร่างกายมาตลอดช่วง 5 ปีครึ่ง และตอนนี้เขาถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีร่างกายที่ลีนสุดๆ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการเล่นเกมลีกเมืองผู้ดีที่เต็มไปด้วยแรงปะทะ

ในเวลานี้ ดาวยิงวัย 23 ปี อาจจะยังไม่ชัวร์ว่าจะได้ลงเล่นตัวจริงหรือไม่ในเกมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ และความฟิตเต็มที่ แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ประโยชน์อย่างสูงหาก แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เมสัน กรีนวู้ด
 
3. เลสเตอร์ พร้อมกอบกู้ศรัทธา
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง เนื่องจากผลงานของพวกเขาในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ โดยเฉพาะ 4 แมตช์หลังสุดทีมไม่ชนะใครเลย และเก็บได้แค่ 2 แต้มเท่านั้น

กระนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับทัพ "จิ้งจอกสยาม" ก็คือพวกเขาหมดสิทธิ์ใช้งาน  เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, เจมส์ จัสติน และ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือจุดที่ทำให้เจ้าบ้านค่อนข้างเสียเปรียบ

อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีตัวหลักอย่าง  เจมี่ วาร์ดี้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่,  ยูรี ตีเลอม็องส์ และฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ซึ่งนักเตะเหล่านี้ยังคือว่าเป็นตัวอันตรายที่สามารถทำลายแนวรับที่ค่อนข้างเปราะบางของ แมนฯ ยูฯ ได้

สิ่งนี้ที่ เลสเตอร์ ต้องระวังเอาไว้ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีสถิติยอดเยี่ยมในการเล่นเกมเยือนยุคของ โซลชา โดยไม่แพ้ในลีกติดต่อกัน 29 แมตช์ และมีลุ้นที่จะขยายผลงานไร้พ่ายเป็น 30 เกมเพราะพวกเขามักจะได้ผลการแข่งขันที่ดีเวลาบุกมาเยือนถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

"ปีศาจแดง" แพ้แค่เกมเดียวจาก 15 แมตช์ในลีกเวลาที่ไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 9 เสมอ 5) ซึ่งเกมที่แพ้เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2014 สกอร์ 5-3 ในยุคของกุนซือหลุยส์ ฟาน กัล แต่สำหรับแมตช์ล่าสุดที่แพ้ "เดอะ ฟ็อกซ์" 1-3 เกิดขึ้นในศึกเอฟเอ คัพ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

4. ลินการ์ด มีลุ้นลงสนาม, แนวรุกอย่างโหด
เจสซี่ ลินการ์ด อาจจะคาดหวังว่าฟอร์มของเขาก่อนหน้านี้ที่มักจะทำได้ดีเวลาเจอกับ เลสเตอร์ น่าจะทำให้ โซลชา สนใจอยากส่งเขาลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกในลีก ฤดูกาล 2021/2022

ดาวเตะวัย 28 ปี เคยตะบัน 2 ประตูในแมตช์ปะทะ เลสเตอร์ เกมพรีเมียร์ลีก ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อเดือนเมษายน โดยตอนนี้ ลินการ์ด ซึ่งย้ายมาค้าแข้งแบบยืมตัวกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ช่วย "ขุนค้อน" เก็บชัย 3-2

จะว่าไปแล้วในซีซั่นนี้ ลินการ์ด ซึ่งไม่ได้ลงเล่นให้ แมนฯ ยูฯ ทุกเกมในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะเขาลงเป็นตัวสำรองซัดประตูในแมตช์พบ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เวสต์แฮม

ยิ่งไปกว่านั้นแมตช์นี้ โซลชา คงจัดหนักแนวรุกเพราะต้องการเรียกศรัทธาคืนเช่นกัน โดย โรนัลโด้, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา คงได้ลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตากัน เช่นเดียวกับ กรีนวู้ด ส่วน แรชฟอร์ด ยังต้องลุ้นว่าจะได้ลงตัวจริงหรือไม่

5. วนลูปหรือดับยาว
เป็นเรื่องปกติเวลาที่ฟอร์มของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยสวยหรู คนแรกที่โดนตำหนิก็คือ โซลชา และที่สำคัญเวลาที่สถานการณ์ของเขากำลงตึงเครียด มักจะมีโชคเนื่องจากเกมพักเบรกทีมชาติ ช่วยทำให้ "น้าลูกอม" มีเวลาได้คิดทบทวนแท็กติกการเล่น

งานนี้เกมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ สาวก "เร้ด อาร์มี่" อาจจะได้เห็นฟอร์มที่เลิศหรูอลังการของบรรดานักเตะ "ปีศาจแดง" เนื่องจากแต่ละคนกระหายที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อต้นสังกัด และอยากจะคว้า 3 คะแนนเพื่อช่วยให้ทีมกลับมามีลุ้นแชมป์ลีก

สถานการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อเก้าอี้ของโซลชาเริ่มสั่นคลอน แต่อย่าลืมว่าทัพ "สุนัขจิ้งจอก" ก็ต้องการทำผลงานให้ดีขึ้น หลังจากที่พวกเขาฟอร์มร่วงอย่างน่าใจหายในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นมีความเป็นไปได้เช่นกันที่โชคชะตาของ โซลชา อาจจะมาถึงทางตัน

ต้องยอมรับว่าเรื่องแท็กติกและการวางหมากของ ร็อดเจอร์ส ค่อนข้างโดดเด่นกว่า โซลชา แต่ขุมกำลังของ เลสเตอร์ อาจจะเป็นรอง ฉะนั้นสิ่งที่จะช่วย "น้าลูกอม" ในแมตช์นี้ก็อาจเป็นคุณภาพของนักเตะอีกครั้ง !!!