เป็นอีกครั้งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะต้องพยายามเซฟเก้าอี้กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้หลังพาทีมออกไปพ่าย วัตฟอร์ด แบบน่าช็อก 4-1

     และถ้านับจากห้านัดหลังของ พรีเมียร์ลีก โซลชา คุมทีมแพ้เป็นนัดที่สี่แล้วหลังจบเกมในรังของทีม แตนอาละวาด

     เท่ากับว่าหลังผ่านพ้นช่วงเบรกเกมทีมชาติ สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย และมันตอกย้ำมากขึ้นไปอีกว่า โซลชา หมดความชอบธรรมแล้วแม้ ผีแดง จะพ่ายต่อ วัตฟอร์ด แบบขาดลอยหลังการโดนไล่ออกของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็ตาม

     ว่ากันตามจริง ก่อนหน้านั้นทีมจาก โรงละคร ยังมีลุ้นเก็บแต้มเนื่องจาก ดาบิด เด เคอา สามารถเซฟลูกโทษจาก อิสไมล่า ซาร์ ได้ซ้ำถึงสองหน

     แต่สุดท้ายด้วยฟอร์มที่เป็นรองเจ้าถิ่นชนิดสู้กันไม่ได้ ผีแดง จึงโดนถล่มไปแบบหายห่วงอย่างที่เห็น

     และนี่คือ 4 ข้อผิดพลาดของ โซลชา ที่เป็นตัวแปรสำคัญทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูก วัตฟอร์ด ยำเละ

 1.ยังทิ้งขว้าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค อีกตามเคย

     ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานไม่เอาอ่าว และตัว โซลชา เองก็ตกอยู่ภายใต้ความกดดัน แต่เขากลับเลือกที่จะเมินนักเตะที่แฟนบอล ผีแดง เรียกร้องให้ส่งลงสนาม

     อย่างที่เห็นกันว่าเกมบุกมาเยือน วัตฟอร์ด กุนซือชาวนอรเวย์ยังจับดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์นั่งเป็นตัวสำรองต่อไปอย่างน่ากังขาว่าเขาไม่คิดปรับเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นสำหรับทีมบ้างเลยหรือ

     จึงเป็นธรรมดาที่ ฟาน เดอ เบ็ค ถูกมองว่าต้องการย้ายทีมในช่วงปีใหม่ และไม่มีแฟนบอลคนไหนสามารถตำหนิมิดฟิลด์วัย 24 ปีได้

     อย่างไรก็ดี หลังต้องทนเห็นฟอร์มที่น่าสมเพสของทั้ง เนมานย่า มาติช และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สองกองกลางตัวจริง โซลชา จึงตัดสินใจเปลี่ยนอดีตสตาร์ทีมอาแจ็กซ์ลงเล่นในครึ่งหลังแทนที่ขุนพลทีมชาติสกอตแลนด์หลังจากทีมโดน แตนอาละลาด ต่อยไปแล้วสองแผลในครึ่งแรก

     และไม่ทันไร ฟาน เดอ เบ็ค ก็โชว์ทีเด็ดให้เห็นกับการโขกตีไข่แตกให้ทีมอย่างรวดเร็ว และผ่านบอลสร้างโอกาสให้ทีมอีกหลายต่อหลายครั้ง

     แม้เกมจะจบลงด้วยความหายนะของ ผีแดง แต่ยังไงซะ ฟาน เดอ เบ็ค ก็เป็นผู้เล่นที่มีผลงานดีที่สุดของฝั่งอาคันตุกะ

     เห็นอย่างนี้แล้ว หาก โซลชา ยังดวงแข็งได้คุมทีมต่อในเกมหน้า เขาก็คงเข้าข่ายวิกลจริตเป็นแน่หากยังดื้อดึงจับ ฟาน เดอ เบ็ค นั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม

 2. เปลี่ยนระบบการเล่นจนนักเตะสับสน

     หากจะมองกันที่ทีมระดับหัวแถวของ พรีเมียร์ลีก ทุกคนคงเห็นว่า เชลซี , แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ต่างก็มีระบบที่ชัดเจนด้วยกันทั้งนั้น

     อย่าง โธมัส ทูเคิ่ล วางหมาก 3-4-3 ให้กับ เชลซี , เจอร์เก้น คล็อปป์  ยึดระบบ 4-3-3 ให้ ลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ทีม เรือใบสีฟ้า

     แต่สำหรับ โซลชา เขาไม่มีหมากการเล่นที่ชัดเจนอยู่ในหัวทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้จัดการทีม

     ดังจะเห็นว่าในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ โซลชา วางระบบหลังสามลงบู๊กับทีมร่วมเมือง แต่ในเกมบุกมาเยือน แตนอาละวาด เขาหวนกลับมาใช้ระบบแบ็คโฟร์ซึ่งมีผลทำให้นักเตะสับสน และไม่อาจโชว์ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่องได้

     มองดูแล้ว หาก โซลชา ยังคงปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นแทบจะทุกสัปดาห์ ก็เป็นเรื่องยากที่ทีมจะควานหาผลลัพธ์ที่ดีได้ นอกจากการขาดความคงเส้นคงงาอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้

 3. ยังให้ความเชื่อมั่นในตัว อาร่อน วาน บิสซาก้า
 
     หากเป็นนายใหญ่คนอื่น พนันได้เลยว่า วาน บิสซาก้า จะถูกดร็อปไปแล้วหลังโชว์ฟอร์มที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้

     อย่างไรก็ดี โซลชา ยังยึดมั่นในตัวกองหลังที่เขาซื้อมาเสริมทัพในราคา 50 ล้านปอนด์เมื่อปี 2019 ด้วยมั่นใจว่าอดีตดาวเตะทีม คริสตัล พาเลซ จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ในอีกไม่ช้าหลังเคยร่ายลีลาได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซั่นก่อน

     จนในที่สุด มันฟ้องให้เห็นว่า โซลชา หูหนวกตาบอดยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเองแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

     และเพียงไม่นาน กองหลังวัย 25 ปีก็ก่อความผิดพลาดจน แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูให้ แตนอาละวาด อย่างไว และสุดท้ายสกอร์ของทีมเจ้าบ้านก็ไหลมาเทมา

     ยิ่งระยะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้ ราฟาแอล วาราน ที่ล้มเจ็บ วาน บิสซาก้า จึงเหมือนไม่มีใครมาช่วยเก็บกวาดในยามที่เขาเปิดช่องโหว่ให้กับทีมคู่แข่ง

     จึงไม่แปลกที่มีการลือกันว่า โซลชา สนใจคว้าตัว คีแรน ทริปเปียร์ ของทีม แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีม แต่มันชวนให้น่าฉงนเช่นกันในเมื่อเขามี ดีโอโก้ ดาโลต์ รอถูกเรียกใช้งานเป็นตัวจริง

 4. ยอมจำนนหลังจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โดนไล่ออก

     อันที่จริง ผีแดง พยายามตีเสมอ วัตฟอร์ด อย่างเต็มความสามารถหลังได้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงมาจุดประกายความหวัง

     กระทั่ง แม็กไกวร์ มาทำทะเล่อทะล่าให้ตัวเองได้ใบแดง โซลชา ก็เหมือนจะถอดใจทันทีทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ผีแดง มีโอกาสซัดเม็ดที่สองหลายต่อหลายหน

     แม้จะมีสีหน้าไม่พอใจ และเซ็งในอารมณ์ผสมปนเป แต่กุนซือชาวนอรเวย์ก็ยังแตะมือกับกัปตันทีมช่วงที่เขาเดินลงสู่อุโมงค์

     แต่ที่แน่ๆ โซลชา ไม่คิดมองหากองหลังลงไปเสียบแทนตำแหน่งของ แม็กไกวร์ และกว่าจะส่ง ดาโลต์ ลงเล่นก็สายเกินไปแล้วเนื่องจากทีมมีอันต้องเสียเพิ่มอีกสองประตูในช่วงทดเวลา

     แม้ความสะเพร่าโดยส่วนตัวของ แม็กไกวร์ จะไม่เกี่ยวอะไรกับ โซลชา แต่มันก็ช่วยไม่ได้อยู่นั่นเองที่กุนซือชาวนอรเวย์หนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อเอาไว้