ช่วงนี้ทุกสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องเจอกับมหกรรมเกมลูกหนังแน่นเอี๊ยด แต่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าทีมจะมีโปรแกรมเตะถี่ยิบ แต่กระนั้นคู่แข่งของ "ปีศาจแดง" ศัยกภาพค่อนข้างเป็นรองพวกเขาหลายขุม
    
จริงๆ แล้วในยุคที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุมบังเหียนการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอทีมที่มีศักดินาด้อยกว่า ก็ไม่ได้หลายความว่าพวกเขาจะเล่นได้เหนือกว่า แถมบางแมตช์ยังเป็นรองอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตามในยุคของ ราล์ฟ รังนิก ดูเหมือนว่า "เร้ด เดวิลส์" เล่นฟุตบอลได้มีทรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเจอกับทีมที่มีขุมกำลังเป็นรอง แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถไล่บี้ไล่กดดันตลอดทั้งเกม ดูได้จากแมตช์เฉือน คริสตัล พาเลซ

สกอร์แค่ 1-0 หลายคนอาจจะมองว่าเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่หากมองภาพรวมตั้งแต่นาทีแรก จนกระทั่งจบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมได้ตลอด สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ขาดความเฉียบคมในเกมรุกเท่านั้น

การคว้าสามคะแนนในแมตช์นี้ นอกจากจะเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยสำหรับ รังนิก ในการประเดิมคุม "ผีแดง" อย่างเป็นทางการแล้ว มันยังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้ 24 คะแนน ส่งผลให้พุ่งขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6 ของตารางลีก

ที่สำคัญคะแนนของพวกเขาห่างจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น ทำให้ตอนนี้โอกาสของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่มเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นในการติดท็อปโฟร์ ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงในยุค "น้าโอเล่"

สำหรับโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วง 5 แมตช์สุดท้ายของปี 2021 แม้ว่าทีมจะต้องเตะแบบถี่ยิบแต่คู่แข่งของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก

ดังนั้นหากทีมที่มีอันดับเหนือกว่าพวกเขาเกิดพลาดท่าสะดุดขาตัวเองสักสองหรือสามเกม งานนี้ไม่ใช่แค่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีลุ้นท็อปโฟร์ แต่อาจจะลุ้นแชมป์ลีกได้เลยทีเดียว

เปิดโปรแกรม 5 แมตช์เกมพรีเมียร์ลีส่งท้ายปี 2021 ของแมนฯ ยูไนเต็ด
- นอริช ซิตี้ (เยือน)
- เบรนท์ฟอร์ด (เยือ)
- ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เหย้า)
- นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน)
- เบิร์นลี่ย์ (เหย้า)