เกมพรีเมียร์ลีก คืนวันอาทิตย์นี้มีคู่ที่น่าสนใจที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม ระหว่างเจ้าถิ่น "ไก่เดือยทอง" เปิดบ้านรับมือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในช่วงเวลา 5 ทุ่มครึ่ง
   
ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีหลายเกมที่ถูกเลื่อนออกไป และในสัปดาห์นี้ก็มีคู่ที่ไม่มีทำการแข่งขันเนื่องจากปัญหาดังกล่าวถึง 6 คู่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคู่นี้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน เราก็มาตามดูประเด็นก่อนเกมที่น่าสนใจกันก่อน

1. "ไก่" ขาดเกมนาน
เกมสุดท้ายที่ สเปอร์ส ลงเล่นคือชัยชนะเหนือ นอริช ทาวน์ เมื่อ 5 ธันวาคม และจากนั้นพวกเขาก็ถูกเชื้อไวรัสโควิดเล่นงานจนต้องเลื่อนเกมเวทียุโรปที่เจอกับ แรนส์ รวมถึงเกมต่อ ๆ มากับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ไบรท์ตัน โฮล์ฟ แอนด์ อัลเบี้ยน

จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีรายงานว่าเกมนี้ถูกเลื่อนออกไปหรือไม่ ซึ่งทาง พรีเมียร์ลีก เองจะมีการประชุมเพื่อหารือเรื่องการพักการแข่งขันในวันจันทร์นี้ แต่ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร "คลับไก่" จะต้องเจอโปรแกรมแน่นเอี้ยดในช่วงหลังจากนี้แน่

2. คอนเต้ ต้องการเวลาบนสนามซ้อม
กลายเป็นว่าถึงตอนนี้ สเปอร์ส มีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล ที่รั้งอันดับ 4 มากถึง 7 แต้มเข้าให้แล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีเกมในมือเหนือ "ปืนใหญ่" มากถึง 4 นัด นั่นก็เพราะสาเหตุจากการที่ถูกเลื่อนโปรแกรมออกไป

อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือใหญ่ "คลับไก่" ขึ้นชื่อในเรื่องการใช้เวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อสร้างความคุ้นเคยแท็กติกให้กับบรรดาผู้เล่นบนสนามซ้อมเพื่อส่งต่อแนวคิดไอเดียถ่ายทอดแก่ลูกทีมในรูปแบบการเล่นฟุตบอลสไตล์ที่เขาต้องการ

แต่เนื่องด้วยปัญหาโควิดที่เข้าเล่นงานทำให้ผู้เล่นและสตาฟฟ์ บางส่วนไม่สามารถลงฝึกซ้อมกับคนอื่น ๆ ได้ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความลงตัว และความฟิต

3. ลิเวอร์พูล กำลังเข้าฝัก
ลิเวอร์พูล เตรียมลงสนามเกมนี้ด้วยการพกความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลังจากพวกเขาคว้าชัยชนะในลีกมา 6 เกมติดต่อกัน และสอยประตูคู่แข่งได้ถึง 17 ลูก โดยตอนนี้ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ อยู่แค่คะแนนเดียวเท่านั้น

ถึงกระนั้น ฟอร์มการเล่นของ สเปอร์ส ก่อนโควิดเล่นงานก็มีผลงานน่าประทับใจเช่นกัน เมื่อขุนพล "ไก่เดือยทอง" มีช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมด้วยการไม่แพ้ใคร 4 เกมติดในลีก โดยคว้าชัยได้ถึง 3 นัด

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของ ลิเวอร์พูล ยังถือว่าเหนือ สเปอร์ส อยู่มาก นอกจากแต้มที่ห่างกันถึง 16 คะแนน( สเปอร์ส แข่งน้อยกว่า 3 นัด) เรื่องเกมรุก "หงส์แดง" ยิงไปแล้ว 48 ลูก ส่วน "ไก่เดือยทอง" ยิงไปแค่ 16 ประตูเท่านั้น

4. ฟอร์มสองกองหน้าผิดกัน
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จัดอยู่ในแข้งฟอร์มร้อนแรงที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก โดยตอนนี้ดาวยิงอียิปต์ ซัดไปแล้ว 15 ลูกนำโด่งเป็นดาวซัลโวในขณะนี้ เท่านั้นไม่พอ ซาลาห์ ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนได้อีกถึง 9 หน และทุกครั้งที่เขาได้บอลความอันตรายต่อคู่แข่งมีมากเสมอ อีกทั้งเขายังมีตัวสนับสนุนที่ดีอย่าง ดีโอโก้ โชต้า ที่สอยตาข่ายไป 9 สกอร์

สำหรับ สเปอร์ส พวกเขาก็มีกองหน้าตัวท็อปเพียงแต่ฟอร์มปีนี้ดร็อปลงไปอย่างน่าใจหาย แฮร์รี่ เคน เพิ่งทำประตูในลีกได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น แต่หากดูจากฟอร์มการเล่นในช่วง 2-3 นัดที่ผ่านมาก็ถือว่าเขามีผลงานดีขึ้น เพียงแต่ยังไม่มีประตูมากฝาก ๆ แฟน ๆ

5. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
นับตั้งแต่พ่ายแพ้ที่ เวมบลี่ย์ 1-4 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล บุกกำราบ สเปอร์ส ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส สเตเดี้ยม มาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติจำนวนนัดนานที่สุดที่ "หงส์แดง" บุกชนะ "ไก่เดือยทอง" ได้

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าแซมบ้า สอยตาข่ายได้ 5 ประตูจาก 6 เกมหลังที่เจอกับ สเปอร์ส บนเกมลีก โดยมีถึง 3 ลูกที่เกิดเป็นประตูชัยของ ลิเวอร์พูล

18 เกมในบ้านหลังสุดของ สเปอร์ส ไม่ลงเอยด้วยผลเสมอเลยสักนัด (ชนะ 12 เสมอ 6) ซึ่งในตอนนี้พวกเขาเอาชนะเกมในบ้านมาแล้ว 3 นัดติด โดยครั้งสุดท้ายที่ชนะในบ้าน 4 เกมติดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ปี 2020

หนึ่งสถิติน่าทึ่งของ "หงส์แดง" คือพวกเขาไม่แพ้ใครในช่วงเดือนธันวาคมมาแล้ว 5 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่ปราชัยคือการแพ้ต่อ บอร์นมัธ 3-4 เมื่อปี 2016 และจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 34 นัดเข้าให้แล้วที่ "เร้ด แมชชีน" ไร้พ่ายในเดือนสุดท้ายของปี