ระฆังยกแรกรอบรองฯ ซูซูกิ คัพ 2020 ศึก "ศัตรูที่รักตลอดกาล" แชมป์เก่าเวียดนาม โดยมีโค้ช "ปาร์ค ฮัง ซอ" สั่งลูกทีมลุยเต็มสูบไม่ต้องกลัวไทย จัดเต็มขนดาวดัง เหงียน กวง ไฮ, เหงียน คอง เฟือง และเหงียน เทียน ลินห์ ลงสนามปะทะเดือดทีมชาติไทย ที่มี "มาโน่ โพลกิ้ง" พร้อมจัดทัพเต็มอัตราศึกเช่นกันหลังเปลี่ยนยกชุดให้แกนตัวหลักได้พักเกมที่แล้ว เตรียมวาง "กัปตันเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ คุมเกมแดนกลาง ด้านแผงเกมรับ มานูเอล ทอม เบียรห์ คืนเซ็นเตอร์ตัวจริง ส่วนฝั่งซ้าย-ขวา ธีราทร บุญมาทัน กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม พร้อมลง ขณะที่แดนหน้าส่ง ศุภชัย ใจเด็ด จับคู่ ธีรศิลป์ แดงดา ลงตาข่าย สถิติชี้ "ช้างศึก" ข่ม "ดาวทอง" ในเวทีอาเซียน ช่อง 7 HD และช่อง AIS Play พร้อมเสิร์ฟความมันส์ให้แฟนบอลไทยได้รับชมเวลาไทย 19.30 น.
    การแข่งขันฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" ที่ประเทศสิงคโปร์ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ประจำวันพฤหัสบดีที่ 23 ธ.ค.64 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. เป็นเกมคู่ระหว่าง แชมป์เก่า ทัพ "ดาวทอง" ทีมชาติเวียดนาม ที่เข้ารอบมาเป็นทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม บี โคจรมาเจอกับ พลพรรค "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ที่ทะลุเข้ารอบในฐานะแชมป์ของกลุ่ม เอ ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และช่อง AIS Play

    ความพร้อมฝั่งทัพ "ดาวทอง" เวียดนาม ที่มี "ปาร์ค ฮัง ซอ" คุมทัพ เกมล่าสุดอุตส่าห์ถล่มเอาชนะ กัมพูชา 4-0 แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่จบรองแชมป์กลุ่ม บี หลังจากประตูได้เสียเท่ากับ อินโดนีเซีย แต่ประตูตลอด 4 นัดยิงได้น้อยกว่าทัพ "การูด้า" อย่างไรก็ตามเกมนี้เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ ไร้ปัญหาในการจัดทัพ พร้อมส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน นำโดย เหงียน กวง ไฮ แนวรุกตัวเก่งความหวังของทีมที่ซัดไปแล้ว 2 ประตู เช่นเดียวกับ เหงียน เทียน ลินห์ และเหงียน คอง เฟือง ก็พร้อมลงสนามเช่นกัน

    สำหรับ 11 ผู้เล่นของเวียดนาม ที่คาดว่าจะลงสนามเจอกับ ทีมชาติไทย มาในระบบ 3-4-3 ประกอบด้วย ตราน เหงียน มันห์ (ผู้รักษาประตู), บุ่ย เตี๋ยน ดุ๋ง, เกว๊ หง็อก ไฮ, โด ดุย มานห์, โฮ เติ๊น ต่าย, เหงียน ฟอง ฮง ดุย, เหงียน ฮหว่าง ดึ๊ก, เหงียน กวง ไฮ, เหงียน เทียน ลินห์, ฟาน วัน ดึ๊ก, เหงียน คอง เฟือง

    ขณะที่ฝั่งทีมชาติไทย ที่มี "มาโน่ โพลกิ้ง" คุมทัพ โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม โชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมาชนะรวด 4 นัด เกมนี้เตรียมกลับมาใช้ชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากเกมที่ผ่านมาได้โรเตชั่นยกทีม นำทัพโดย "กัปตันเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ พร้อมลงบัญชาเกมแดนกลาง ประสานงานกับ ธนวัตต์ ซึ้งจิตถาวร รวมถึง สารัช อยู่เย็น และพิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล อีกครั้ง เช่นเดียวกับในตำแหน่งผู้รักษาประตูส่ง ฉัตรชัย บุตรพรม เฝ้าเสาหลังแทนที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน

    ด้านแผงแบ็คโฟว์ มานูเอล ทอม เบียรห์ คัมแบ็คจับคู่ กฤษดา กาแมน โดยมี นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ประจำการแบ็คขวา ส่วนแบ็คซ้ายแน่นอนจะเป็น ธีราทร บุญมาทัน ดาวเตะป้ายแดงสด ๆ ร้อน ๆ ที่เพิ่งย้ายจากโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส คืนสู่รังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกครั้งลงสนามแน่นอน และ 2 กองหน้าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยิงไปแล้ว 4 ลูกในทัวร์นาเมนต์หนนี้ จะกลับมาลงสนามจับคู่กับ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ประเดิมยิงเม็ดแรกได้แล้วในเกมล่าสุด ลงล่าตาข่ายเวียดนามในเกมนี้

    สำหรับ 11 ผู้เล่นของทีมชาติไทย ที่คาดว่าน่าจะลงสนามดวลกับ เวียดนาม มาในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย ฉัตรชัย บุตรพรม (ผู้รักษาประตู), มานูเอล ทอม เบียรห์, กฤษดา กาแมน, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ธนวัตต์ ซึ้งจิตถาวร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ศุภชัย ใจเด็ด, ธีรศิลป์ แดงดา

    ขณะที่สถิติตลอดกาลในการดวลกันเวทีชิงแชมป์อาเซียน พบกันทั้งหมด 9 ครั้ง ไทย ชนะ 5 นัด, เวียดนาม ชนะ 2 นัด และเสมอกัน 2 นัด นอกจากนี้มีนักเตะไทย 1 คนนั่นคือ ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยยิงประตูใส่เวียดนามกับรายการนี้มาแล้ว 1 ประตูเมื่อปี 2008 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ที่ประเทศเวียดนาม โดยเกมดังกล่าวเสมอกัน 1-1 แต่เวียดนามคว้าแชมป์หลังสกอร์รวมสองนัดชนะ 3-2

    อย่างไรก็ตามทั้งคู่เคยเจอกัน 1 ครั้งในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เมื่อปี 1998 ซึ่งการแข่งขันรอบ 4 ทีมสุดท้ายครั้งนั้นยังเตะแบบนัดเดียวรู้ผล ก่อนที่เวียดนาม จะถล่มเอาชนะ ทีมชาติไทย ไปด้วยสกอร์ 3-0 จากการยิงของ ทรอง เวียต ฮอง น.15, เหงียน ฮง เซิน น.70 และฟาน ไซ ฮุง น.80

    สำหรับกฏกติกาการแข่งขันในรอบ 4 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่เข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มจะเล่นในเป็นทีมเยือนก่อน ก่อนจะไปเล่นในฐานะทีมเหย้าในนัดที่สอง ทว่าทั้งสองเกมจะลงเตะที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เพียงแต่จะใช้ห้องแต่งตัว และสีเสื้อในการแข่งขันที่ทีมเหย้า-ทีมเยือนแตกต่างกันออกไป

    ขณะเดียวกันเงื่อนไขการเตะในรอบตัดเชือกจะ "ไม่มี" การใช้กฏ "อเวย์โกล" เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยการคิดผลแพ้-ชนะนั้นจะนำสกอร์ทั้งสองนัดมารวมกัน ทีมไหนยิงได้มากกว่าก็จะเข้ารอบต่อไป ส่วนในกรณีที่เสมอกัน 2 นัด ไม่ว่าจะเสมอสกอร์เท่าไหร่ก็ตาม หากจบนัดที่สองแล้วผลรวมประตูยังเท่ากัน จะมีการต่อเวลาพิเศษออกไปในเกมนัดที่สองอีก 30 นาที หากยังไม่รู้ผลแพ้-ชนะ จะยิงจุดโทษตัดสินเพื่อหาผู้ชนะตามลำดับ

    สถิติ 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

    เวียดนาม

19 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ กัมพูชา 4-0
15 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - เสมอ อินโดนีเซีย 0-0
12 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ มาเลเซีย 3-0
6 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ สปป.ลาว 2-0
16 พ.ย.64 - ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 3 ที่เวียดนาม - แพ้ ซาอุดิอาระเบีย 0-1

    ทีมชาติไทย

18 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ สิงคโปร์ 2-0
14 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ ฟิลิปปินส์ 2-1
11 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ เมียนมา 4-0
5 ธ.ค.64 - เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ที่สิงคโปร์ - ชนะ ติมอร์ เลสเต 2-0
15 มิ.ย.64 - ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ยูเออี - แพ้ มาเลเซีย 0-1

    สถิติ 5 นัดหลังสุดที่พบกัน

19 พ.ย.62 - ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่เวียดนาม - เวียดนาม เสมอ ไทย 0-0
5 ก.ย.62 - ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ไทย - ไทย เสมอ เวียดนาม 0-0
5 มิ.ย.62 - คิงส์คัพ 2019 ที่ไทย - ไทย แพ้ เวียดนาม 0-1
13 ต.ค.58 - ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่เวียดนาม - เวียดนาม แพ้ ไทย 0-3
24 พ.ค.58 - ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ไทย - ไทย ชนะ เวียดนาม 1-0