แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาลงสนามในเกม เอฟเอคัพ รอบสามต้อนรับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า ในวันจันทร์นี้หลังพ่ายคารังแบบน่าอดสูให้กับ วูล์ฟส์ ในศึก พรีเมียร์ลีก ด้วยสกอร์ 1-0
         
นอกจากจะเจอกับคู่แข่งที่ไม่ง่ายภายใต้การนำทัพของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางทีม ลิเวอร์พูล แล้ว มันยังเป็นเกมสำคัญยิ่งสำหรับ ราล์ฟ รังนิก อีกด้วยหลังจากผู้จัดการทีมชาวเยอรมันถูกตั้งคำถามถึงระบบ 4-2-2-2 อันน่าสับสนของเขา

และที่สำคัญ สิงห์ผงาด อยู่ในช่วงฟอร์มแผ่วแพ้มาสองเกมติดให้กับทั้ง เชลซี และ เบรนท์ฟอร์ด หากว่า รังนิก พลาดท่าพ่ายให้กับ สตีวี่ จี เขาก็จะยิ่งตกที่นั่งลำบากมากขึ้น

พร้อมกันนี้ หลังจากระบบ 4-2-2-2 ของเขาเริ่มไม่โอเคกับทีมดังแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังนิก ได้เปรยออกมาแล้วว่าเขาอาจปรับให้ทีมหันมาเล่นหลังสามก็เป็นได้หากว่ามันจะส่งผลดีต่อการคว้าผลลัพธ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีนักเตะเหลือให้เลือกใช้งานมากพอหรือเปล่า โดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

- สถิติการพบกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แอสตัน วิลล่า พบกันมาเฉพาะในถ้วย เอฟเอคัพ รวม 12 ครั้งโดย ผีแดง กำชัยได้ 9 ครั้ง ขณะที่อีก 3 ครั้งเป็น สิงห์ผงาด ที่ได้เฮ

รวมแล้ว ปีศาจแดง คลำเป้าได้ 29 ลูก และเสียให้กับทีมจากมิดแลนด์ 14 ลูก ขณะที่ทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด เก็บคลีนชีตได้ 3 หน แต่ วิลล่า ไม่มีคลีนชีตเลยแม้แต่ครั้งเดียว

กระนั้นก็ดี วิลล่า บุกมาคว้าชัยเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ด้วยสกอร์ 1-0 ในการฟาดแข้งเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2021

สำหรับนักเตะที่เคยเล่นให้กับสองสโมสร รายล่าสุดได้แก่ อักเซล ตวนเซเบ้ ซึ่งเคยถูก สิงห์ผงาด ยืมไปใช้งานสามครั้ง แต่ล่าสุดเขาย้ายไปร่วมทีม นาโปลี แบบยืมตัวจนจบซีซั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ รอน แอ๊ตกินสัน อดีตกุนซือทีม ผีแดง ก็เคยเป็นนักเตะ และผู้จัดการทีม วิลล่า ขณะที่ เอริค เฉมบา เฉมบ้า , มาร์ค บอสนิช ,ดไวท์ ยอร์ค , ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ ,  ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และ แอชลีย์ ยัง ต่างก็เคยเล่นให้กับทั้งสองสโมสร

ไม่เพียงเท่านั้น สตีฟ บรู๊ซ อดีตกองหลังกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยกุมบังเหียน แอสตัน วิลล่า และยังมี รอย คีน กัปตัน ผีแดง อีกรายเคยรับบทผู้ช่วยผู้จัดการทีมของถิ่น วิลล่า พาร์ค ในยุคของกุนซือ พอล แลมเบิร์ต

- ระบบการเล่น 4-3-1-2

แม้ รังนิก จะให้สัมภาษณ์ก่อนเกมปะทะกับ วิลล่า ว่าเขาพร้อมปรับระบบจาก 4-2-2-2 มาเป็นหลังสามหากว่าจะมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ แต่เมื่อพิจารณาถึงขุมกำลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว พวกเขาน่าจะเหมาะกับหมาก 4-3-1-2 มากกว่า

ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา

มือกาวทีมชาติสเปนกลับมาเล่นได้อย่างท๊อปฟอร์มอีกครั้งในซีซั่นนี้ และเขามีส่วนสำคัญช่วยให้ รังนิก รอดพ้นจากความขายหน้าหลายนัด

อันรวมถึงเกมแพ้ วูล์ฟส์ 1-0 ด้วยทั้งๆที่ทีม หมาป่า มีโอกาสส่องยิงบานตะไท แต่ถูกความสุดยอดของ เด เคอา ปัดป้องได้หมด

จึงพูดได้เลยว่าหากไม่มี เด เคอา ช่วยแบกทีมเอาไว้ ป่านนี้ ผีแดง จะลงหลุมไปอยู่ชั้นไหนของพื้นผิวโลกแล้วก็ไม่รู้

กองหลัง : ดีโอโก้ ดาโลต์ , ราฟาแอล วาราน , ฟิล โจนส์ , ลุค ชอว์

 หลังจบเกมบุกไปเสมอกับ นิวคาสเซิ่ล 1-1 ดาโลต์ ก็เสียตำแหน่งแบ็คขวาคืนให้กับ อาร่อน วาน บิสซาก้า ซึ่งได้ลงสนามในเกมเฝ้าบ้านพิชิต เบิร์นลีย์ 3-1  รวมถึงเกมแพ้ วูล์ฟส์ คา โรงละครแห่งความฝัน

แต่จากผลงานของดาวเตะผิวสีในนัดล่าสุด มันฟ้องให้เห็นว่าเขายังเป็นที่พึ่งของทีมไม่ได้ โดยเฉพาะการเติมเกมรุกสาดบอลจากริมสนามซึ่งสะเปะสะปะตลอดทั้งเกม

มองดูแล้วจึงมีความเป็นไปได้ที่ รังนิก จะหวนกลับไปใช้งานฟูลแบ็คโปรตุกีส และแม้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ จะกลับมาซ้อมแล้วหลังหายจากโควิด แต่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติสวีเดนไม่น่าจะแย่งตำแหน่งไปจาก ฟิล โจนส์ แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ของทีมในเกมแพ้ วูล์ฟส์ ได้

สำหรับคู่ขาของพ่อค้าแข้งอิงลิชจะยังเป็นกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสเช่นเดิมเนื่องจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีมน่าจะยังสลัดจากอาการบาดเจ็บไม่ทัน ขณะที่ตำแหน่งแบ็คซ้าย ดีร้ายยังไง ชอว์ ก็มีประโยชน์ต่อทีมมากกว่า อเล็กซ์ เตลลิส แม้เกมล่าสุดเขาอาจเป็นอีกรายที่โชว์ฟอร์มได้ไม่เข้าตาเช่นเดียวกับพรรคพวกทั้งหลาย

กองกลาง : เจดอน ซานโช่ , สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ , ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค

นี่คือปัญหาอันดับหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด เนื่องจากกองกลางของพวกเขาไม่อาจคอนโทรลเกมได้เลย

ยิ่งเมื่อเทียบกับทีมระดับท๊อปของ พรีเมียร์ลีก ผีแดง ก็ยิ่งมองดูน่าหดหู่จากที่เคยโดนทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ขยี้เละชนิดสู้กันไม่ได้มาแล้ว

และอย่าว่าแต่ทีมเกรดเอเลย ขนาด วูล์ฟส์ ก็ยังสร้างปัญหาให้ รังนิก ได้เห็นอย่างถนัดตาว่าระบบ เกเก้นเพรสซิ่ง ของเขามันไม่มีอยู่จริงใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด

อย่างไรก็ดี แม้จะโชว์ฟอร์มเทพในเกมชนะ เบิร์นลีย์ ก่อนกลับมาโชว์ห่วยตามมาทันทีนัดแพ้ หมาป่า  แม็คโทมิเนย์ ก็น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงต่อเนื่องจากเขาจะถูกแบนในเกมลีกเช่นเดียวกับ ชอว์ ซึ่งจะพลาดนัดบุกไปเยือน วิลล่า เช่นกัน

สำหรับตัวริมเส้น ซานโช่ น่าจะได้ลงสนามอีกตามเคยเนื่องจากดูท่าว่าเขาเป็นพ่อค้าแข้งคนโปรดของกุนซือชาวเยอรมัน แถม ผีแดง ก็ซื้อมาอย่างแพง จึงจำเป็นต้องพยายามปั้นเขาให้ได้

ขณะเดียวกัน ในเมื่อทีมมีผลงานไม่เอาอ่าว ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ก็สมควรได้รับโอกาส แม้จะมีกระแสข่าวลืออ้างว่าเหตุที่ ฟาน เดอ เบ็ค ไม่ได้ลงเล่นให้ รังนิก เช่นเดียวกับในยุคของ โซลชา เป็นเพราะกุนซือวัยดึกเห็นว่าอดีตสตาร์ทีม อาแจ็กซ์ ซ้อมได้ไม่น่าประทับใจ

- กองกลางตัวรุก : บรูโน่ แฟร์นันด์ส

เพื่อให้แผงกลางแน่นมากพอที่จะต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้ รังนิก จึงสมควรอัดสามมิดฟิลด์เอาไว้ และใช้งาน แฟร์นันด์ส เป็นตัวรุกสูงให้อยู่หลังสองหัวหอก

นับตั้งแต่ รังนิก ก้าวเข้ามาปฏิวัติ ผีแดง ด้วยระบบ 4-2-2-2 ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นการบั่นทอนความสามารถของจอมทัพเลือดฝอยทองซึ่งมีผลงานที่ตกลงไปอย่างน่าใจหาย

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเขาติดโทษแบนในเกมยำใหญ่ เบิร์นลีย์ รังนิก ก็ไม่ใช้งาน แฟร์นันด์ส เป็นตัวจริงในเกมต้อนรับ วูล์ฟส์ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเปลี่ยนทีมซึ่งเล่นกันได้ดีจากนัดกำราบ เดอะ คลาเร็ตส์

แต่ผลปรากฏว่า รังนิก หารู้ไม่ว่า เบิร์นลีย์ มีชั้นเชิงที่ด้อยกว่า วูล์ฟส์ ชนิดเทียบกันไม่ได้ จึงทำให้อดีตดาวเตะทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต้องลุกจากม้านั่งสำรองซึ่งกลายเป็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีเกมที่ดีขึ้น แต่ก็สายเกินกว่าที่จะแบ่งแต้มไปจาก วูล์ฟส์

ด้วยเหตุนี้ ปรมาจารย์ชาวเยอรมันจึงน่าจะเข็ดหลาบหลังมีบทเรียนว่าเขาไม่ควรเมินกองกลางที่ดีที่สุดของสโมสรจึงเชื่อได้เลยว่า แฟร์นันด์ส จะได้บัญชาเกมดังเดิมในแม็ตช์ปะทะกับ วิลล่า

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีม บาร์ซ่า ให้ลืมไปได้เลยเนื่องจากเจ้าของผลงาน 5 ประตู และ 9 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้ (ยิงประตูเป็นรอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเดียว 14 ประตู) ออกโรงโต้แล้วว่าเป็นข่าวเต้าที่สื่อพยายามละเลงกันเล่นหลังเห็นว่า ผีแดง มีผลงานที่ย่ำแย่

จะยังไงก็ตาม ลองหลับตานึกกันเลยว่าหากไม่มี แฟร์นันด์ส อยู่ในสนาม ใครจะเป็นคนผ่านบอลแบบทะลุทะลวงชี้เป็นชี้ตายให้ ปีศาจแดง สอยตาข่ายคู่แข่ง

กองหน้า : เอดินสัน คาวานี่ , คริสเตียโน่ โรนัลโด้

แรกทีเดียว รังนิก ส่งสองดาวยิงลงเล่นพร้อมกันในเกมชนะ เบิร์นลีย์ 3-1 ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านายใหญ่ชาวเมืองเบียร์ต้องการตอบแทนสตาร์อุรุกวัยที่ลงเล่นเป็นตัวสำรอง และช่วยสอยตาข่ายให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ นิวคาสเซิ่ล ทีมรองบ๊วย

และจากสามแต้มที่ได้มาในเกมคว่ำทีมของ ฌอน ไดช์ โรนัลโด้ กับ คาวานี่ จึงได้ประสานงานด้วยกันต่อในแม็ตช์แพ้ วูล์ฟส์

เท่านั้นแหละ บรรดากูรูต่างก็ลงความเห็นว่าการจับทั้งคู่ลงบู๊พร้อมกันไม่เป็นผลดี และไม่ใช่วิธีที่ฟุตบอลสมัยใหม่เขาใช้กันเนื่องจากทั้งคู่มีอายุรวมกันปาเข้าไป 70 ปีแล้ว

แต่ที่แน่ๆ สองหัวหอกยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งเนื่องจากดูแลตัวเองดีทั้งคู่ หากแต่เกมแพ้ วูล์ฟส์ มันเป็นเพราะแผงกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ดีพอที่จะเก็บครองบอลมาจ่ายไปถึงแดนหน้ามากกว่า

จากซีซั่นที่ผ่านมา อดีตดาวเตะทีม เปแอสเช มีผลงานที่น่าพอใจในชุด เร้ด เดวิลส์ จากการสอยตาข่ายได้ 17 ประตู และ 6 แอสซิสต์ในทุกรายการ ก่อนจะบาดเจ็บในซีซั่นนี้ซึ่งเขายิงได้ 2 ประตู

และที่สำคัญ รังนิก ได้ยืนยันว่าไม่ต้องการปล่อยให้กองหน้าละตินย้ายสังกัดในเดือนนี้ แม้เขาจะเหลือสัญญาจนถึงช่วงซัมเมอร์ก็ตามเนื่องจากต้องการใช้ประโยชน์จากเขาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ฉะนั้นแล้ว จึงพอจะตีความหมายของ รังนิก ได้ว่า คาวานี่ จะได้ลงบู๊เป็น 11 ตัวแรกอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบแทนความเป็นมืออาชีพที่เขาพร้อมรับใช้สโมสรต่อไป และการมีปืนสองกระบอกพร้อมกันย่อมดีกว่ามีปืนกระบอกเดียววันยังค่ำ

สำหรับ โรนัลโด้ ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง แม้จะถูกโจมตีว่ามีอิทธิพลที่ไม่ดีในห้องแต่งตัว แต่ต่อให้ไม่มีบอลอยู่ที่เท้า ยอดดาวยิงอย่างเขาขอโอกาสแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นก็สามารถส่งบอลเข้าไปซุกอยู่ที่ก้นตาข่ายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแน่นอน

เมื่อเป็นอย่างนี้ พวกดาวยิงที่มีฟอร์มวูบวาบ แต่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด จึงเหมาะที่จะรับบทตัวสำรองรอการถูกส่งลงไปอาศัยความแพรวพราว และความรวดเร็วพลิกสถานการณ์ให้กับทีมมากกว่า