ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » คู่เซนเตอร์แบ็กแกร่งทั้งรุก-รับ, ดิอาซ เล่นคุ้มค่าตัว ! เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล ยำใหญ่ ลีดส์ ครึ่งโหล

คู่เซนเตอร์แบ็กแกร่งทั้งรุก-รับ, ดิอาซ เล่นคุ้มค่าตัว ! เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล ยำใหญ่ ลีดส์ ครึ่งโหล

Posted 24/02/2022 by siamsport

ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มโหดเหมือนโกรธ ลีดส์ ยูไนเต็ด หลังเปิดรังแอนฟิลด์ไล่ต้อน "ยูงทอง" สบายเกือก 6-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาขยับไล่บี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือแค่ 3 คะแนนเท่านั้น โดยฟอร์มของ "หงส์แดง" ต้องบอกว่าโดดเด่นตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ซึ่งพวกเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งสร้างโอกาสในการทำประตู และความเฉียบคมในการจบสกอร์ งานนี้บอกเลยว่าการลุ้นแชมป์ลีกซีซั่นนี้คงจะได้ขับเคี่ยวกันจนกระทั่งวันสุดท้ายของฤดูกาลเลยทีเดียว

1. ดิอาซ ยิ่งเล่นยิ่งคุ้มค่า

การเซ็นสัญญากับ หลุยส์ ดิอาซ ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะนักเตะสามารถเล่นเข้ากับระบบของ คล็อปป์ ได้ทันที และฟอร์มค่อนข้างหวือหวาอย่างมาก

แมตช์นี้ช่วง 45 นาทีแรกการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายของ "หงส์แดง" โดดเด่นมากทั้ง ดิอาซ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ประสานงานกันได้อย่างลงตัว ราวกัน

เล่นร่วมกันมานานหลายปี โดยทุกครั้งที่บอลอยู่ในเท้าของ ดาวเตะชาวโคลอมเบีย บรรดาแฟน "หงส์แดง" มีลุ้นตลอด

จังหวะการลากบอลและการแตะหลอกคู่แข่งถือว่าเพอร์เฟกต์มากๆ ที่สำคัญ ดิอาซ เกือบมีชื่อเบิกประตูแรกให้กับต้นสังกัดแต่น่าเสียดายจังหวะยิงประตูดันไปโดน ซาดิโอ มาเน่ ออกหลัง เพราะเมื่อดูจากภาพช้าวิถีบอลกำลังพุ่งเสียบเสาอยู่แล้ว

สำหรับจุดเด่นของ ดิอาซ นอกจากจะปักหลักเล่นทางฝั่งซ้ายแล้ว บางจังหวะยังวิ่งไปทั่วสนามเพื่อหาพื้นที่ในการเล่นบอล และยังคอยเชื่อมเกมให้กับ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย ที่สำคัญยังวิ่งมาช่วยเกมรับด้วย

แม้ครึ่งหลังฟอร์มของเขาจะดร็อปไปบ้าง อาจเป็นเพราะทีมทำสกอร์นำห่าง แต่ทุกครั้งที่ "หงส์แดง" เปิดเกมรุกทางซ้ายทีมมีเสียวตลอด ตอนนี้หลายคนคงรู้สึกแล้วว่า ดิอาซ คือจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ทีมสมบูรณ์แบบจริงๆ

2. มาเน่-ซาลาห์เล่นยังไงก็มีประตู

แมตช์นี้ต้องยอมรับว่า "โม ซาลาห์" ทำผลงานได้โดดเด่นเหลือเกิน แม้ว่าในช่วงสิบนาทีแรกเขาอาจจะไม่ได้มีบทบาทกับเกมมากนัก แต่หลังจากซัดจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ เจ้าตัวก็มีส่วนกับเกมรุกของทีมตลอด

"บังโม" จัดการเหมาสองประตู และ 1 แอสซิสต์ ที่สำคัญยังมีส่วนในการช่วยให้ "หงส์แดง" ได้จุดโทษลูกที่สองจากจังหวะการส่งบอลอย่างเฉียบคมให้ มาเน่ หลุดเข้าไปเขตโทษก่อนจะโดนทำฟาวล์

ขณะที่ มาเน่ ผลงานในเกมนี้บอกเลยว่าไม่โดดเด่นเลย และยังทำเสียบอลหลายครั้ง ที่สำคัญเวลาที่บอลอยู่ในเท้าของดาวยิงแชมป์กาฬทวีป เขามักจะฝืนเล่นเพื่อหวังยิงประตูมากกว่าที่จะส่งให้เพื่อนที่อยู่ในพื้นที่ได้เปรียบ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเล่นโดนรวมของ ดาวเตะชาวเซเนกัล จะไม่ค่อยประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม และค่อนข้างน่าผิดหวังแต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังสามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สองลูกก็ถือว่าเป็นผลงานที่พอจะให้อภัยกันได้

สำหรับตอนนี้ คล็อปป์ คงปวดหัวสุดๆ เพราะแนวรุกของทีมทั้ง ดิอาซ, ซาลาห์, มาเน่ ฟอร์มกำลังสด ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก็น่าจะฟิตในสุดสัปดาห์นี้ งานนี้บอกเลยว่าเกมนัดชิง คาราบาว คัพ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องคิดหนักว่าจะจัดสามคนไหนลงสนาม

3. แดนกลางคุมเกมได้หมด

ตอนเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงเชื่อว่า แฟนบอลลิเวอร์พูล เข้าใจได้ทันทีว่าทำไม คล็อปป์ ถึงเลือกดร็อป จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงสนาม เพราะทีมมีเกมสำคัญในช่วงสุดสัปดาห์นี้

แม้ฟอร์มของ โจนส์ ช่วงต้นเกมอาจจะไม่หวือหวา และออกแนวเล่นช้าจนโดนแผงมิดฟิลด์ลีดส์ ไล่บีบแย่งบอลได้หลายครั้ง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ผลงานของเขาก็โดดเด่นขึ้นมาทันที ทั้งบดบี้แย่งบอลกับคู่แข่ง, ประสานงานกับ 3 แนวรุก, คอยช่วยตัดเกม และยังหาจังหวะยิงไกลด้วย

สำหรับ ฟาบินโญ่ กับ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ต้องยอมรับเลยว่ามาตรฐานการเล่นสูงมากๆ เป็นคู่แดนกลางที่สอดประสานการเล่นได้อย่างเข้าขา โดย ดาวเตะชาวบราซิเลียน มีหน้าที่คุมจังหวะและตัดเกมคู่แข่งไม่ให้หลุดไปถึงคู่เซนเตอร์แบ็ก

ขณะที่ ติอาโก้ ผลงานดีวันดีคืนแมตช์นี้เขาแสดงให้เห็นถึงคลาสการเป็นยอดนักเตะเหมือนสมัยที่เล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยเฉพาะจังหวะการจ่ายบอลที่เฉียบคมสร้างความหวาดเสียวได้ตลอด

การที่ คล็อปป์ ตัดสินใจถอด ติอาโก้ ออกในช่วง 20 นาทีสุดท้าย น่าจะเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าต้องการเก็บยอดแข้งชาวสแปนิช เพื่อเตรียมใช้งานในเกมกับ เชลซี เพราะหากเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมแบบนี้ บอกเลยว่าแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" มีลุ้นแชมป์รายการแรกของซีซั่นนี้เลยทีเดียว

4. คู่เซนเตอร์แบ็กแกร่งทั้งรับและรุก

ปกติแล้วแนวรับของ ลิเวอร์พูล ไว้วางใจได้เสมอ ขณะเดียวกันก็มักจะขึ้นมาช่วยดันเกมรุกเวลาได้ลูกตั้งเตะ เพื่อกดดันกองหลังของคู่แข่ง แต่ครั้งนี้ โฌแอล มาติป มีโอกาสได้พาบอลขึ้นไปป่วนถึงแดน ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้บ่อยๆ

แม้ว่าในช่วงต้นเกม มาติป กับ ฟาน ไดค์ อาจจะมีจังหวะคุมแนวรับพลาดไปบ้างทำให้เกิดช่องโหว่ตรงคู่เซนเตอร์แต่ดีที่ว่าแนวรุกของ "ยูงทอง" ไม่ค่อยเฉียบคมทำให้พวกเขารอดจากการเสียประตูไปได้

หลังจากนั้นทั้งสองคนสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นแบบวิ่งสู้ฟัดของทีมเยือนได้เป็นอย่างดี และจัดการเปิดเกมรุกของพวกเขาได้อยู่หมัด ในขณะเดียวกันก็ยังพร้อมเติมบุกช่วยทีมด้วย

โดยเฉพาะ มาติป บ่อยครั้งที่เขามักจะพาบอลเข้าไปในแดนคู่แข่ง ในแมตช์นี้ก็เช่นกัน เมื่อดาวเตะชาวแคเมอรูนมีโอกาสได้ลากบอลขึ้นไปทำชิ่งกับ "บังโม" ก่อนที่จะยิงประตูสุดคมให้กับทัพ "หงส์แดง" ต้องบอกเลยว่าถือเป็นการเล่นที่เสี่ยงแต่คุ้มค่าจริงๆ 

ส่วน ฟาน ไดค์ เรื่องเกมรับไว้ใจได้สบาย ขณะเดียวกันก็เปิดบอลยาวได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ทีมได้เล่นเกมบุกสวนกลับ ที่สำคัญเขาเป็นกองหลังที่หาพื้นที่ในการทำประตูจากจังหวะเตะมุมได้ดีมาก และในที่สุดก็ได้โบนัสมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในนาทีสุดท้ายของเกม

 ต้องบอกว่าผลงานของ มาติป และ ฟาน ไดค์ น่าจะทำให้ คล็อปป์ เลือกทั้งคู่เป็นตัวหลักในเกมพรีเมียร์ลีก ส่วนพวกฟุตบอลถ้วยอาจจะเป็นโอกาสของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ และ โจ โกเมซ

5. หายใจรดต้นคอ แมนฯซิตี้

ตอนนี้คงจะห้ามสาวก "เดอะ ค็อป" ฝันถึงโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ไม่ได้แล้ว เพราะชัยชนะในแมตช์นี้ทำให้พวกเขาตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือแค่สามคะแนนเท่านั้น และทั้งสองทีมเกมที่จะต้องดวลกันเองในช่วงเดือนเม.ย.ด้วย

สำหรับโปรแกรมของ "เรือใบสีฟ้า" ดูเหมือนจะเข้าทางลิเวอร์พูลเหลือเกิน เพราะสองเกมต่อจากนี้พวกเขาจะต้องพบกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน และ ทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่านี่คือ 2 แมตช์นี้แฟนบอล "หงส์แดง" คาดหวังที่จะเห็นแมนฯ ซิตี้ สะดุด

ลองนึกภาพทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำแต้มหลุดมือในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน นั่นจะทำให้พวกเขาแข่งมากกว่า "เดอะ เร้ดส์" 1 เกม เนื่องจาก ลิเวอร์พูล มีภารกิจดวล เชลซี ในรอบชิง คาราบาว คัพ สุดสัปดาห์นี้

คงจะไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าโมเมนตัมกำลังจะหมุนมาทางฝั่งแอนฟิลด์ ขณะเดียวกันแรงกดดันกำลังถาโถมไปที่ แมนฯ ซิตี้ เพราะตอนนี้พวกเขาเริ่มหวาดหวั่นเหมือนกัน เนื่องจากเคยนำห่างถึง 12 แต้มแต่ตอนนี้เหลือ 3 คะแนน ฉะนั้นต่อจากนี้ไปแชมป์เก่าจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

ส่วน ลิเวอร์พูล ตอนนี้คงพูดได้เต็มปากว่าทุกๆ เกมของพวกเขาเปรียบเสมือนนัดชิงชนะเลิศ และห้ามพลาดเช่นกัน ไม่อย่างนั้นสิ่งที่สร้างมากจะพังทลายไปในชั่วพริบตา !!

ทอมเม้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • จี้เรือเหลือ3แต้ม! ซาลาห์ควงมาเน่ซัดเบิ้ล ลิเวอร์พูล โหดถล่มลีดส์ครึ่งโหล
    "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขยับขึ้นมาไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก เหลือแค่ 3 แต้มแล้ว หลังเก็บชัยชนะสุดสำคัญ ด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-0 เมื่อคืนวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยที่เกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ มีคนละสองประตู ขณะที่คู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โฌแอล มาติป ต่างก็มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดเช่นกัน
  • คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเก็บแต้มโดยรวมเป็นรองแค่แมนซิตี้
    หากนับตั้งแต่ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามารับงานกับ ลิเวอร์พูล แล้วนั้น "หงส์แดง" ก็ถือเป็นทีมที่เก็บแต้มโดยรวมในลีกได้น้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ แค่ทีมเดียว ในขณะเดียวกันก็เก็บแต้มได้มากกว่า เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด เยอะพอตัว
  • ลุ้นแชมป์ต้องเฮ! ลิเวอร์พูลขอบี้แมนซิตี้จัด "ดิอ๊าซ" นำทัพรับลีดส์
    "หงส์แดง" รองจ่าฝูง ต้องซิวชัยนัดตกค้างเกมนี้เพื่อขยับจี้ แมนซิตี้ เหลือ 3 แต้มความพร้อมไม่มีปัญหาจัดทัพใหญ่นำโดย หลุยส์ ดิอ๊าซ ส่วนทาง "ยูงทอง" อาการแย่ชนะไม่เป็นมา 4 เกมติดรั้งอันดับ 15 ของตาราง ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้
  • หงส์สามแต้มสุดมีความหมาย! วิเคราะห์ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล ดวล ลีดส์
    ลิเวอร์พูล เตรียมลงเล่นแมตช์ตกค้างพบ ลีดส์ ยูไนเต็ด เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งถือเป็นเกมที่สำคัญมากๆ สำหรับ "หงส์แดง" เพราะหากพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ จะทำให้ทีมขยับเข้าใกล้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือ 3 แต้มเท่านั้น โดยขุมกำลัง "เดอะ เร้ดส์" ในตอนนี้ต้องบอกว่าสมบูรณ์สุดๆ แม้อาจจะไม่ได้เห็น ดีโอโก้ โชต้า กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงสนามก็ไม่เป็นไร เชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คงเน้นย้ำลูกทีมให้มีสมาธิกับเกมนี้ และไม่ต้องไปคิดไกลเรื่องลุ้นแชมป์ เพราะหนทางยังอีกยาวไกล

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »