นัดชิงชนะเลิศของ คาราบาว คัพ ประจำฤดูกาล 2021-22 ถือเป็นเกมที่มีความตื่นเต้นตลอดตั้งแต่ช่วงเวลาปกติ, ช่วงต่อเวลาพิเศษ และช่วงดวลจุดโทษ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้แชมป์ไปครองจากการชนะในช่วงดวลเป้าแบบลากยาว 11-10
   
แน่นอนว่าความสำเร็จในครั้งนี้สร้างสถิติหลายอย่างให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างเช่นการที่พวกเขาเป็นทีมที่ได้แชมป์ ลีก คัพ (ชื่อดั้งเดิมของ คาราบาว คัพ) มากที่สุดตลอดกาลแต่เพียงผู้เดียว ที่จำนวน 9 สมัย หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาครองสถิติร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมันก็ถือเป็นแชมป์รายการนี้ครั้งแรกของ "หงส์แดง" นับตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 ด้วย อย่างไรก็ตาม เกมนี้ก็ยังมีเกร็ดที่น่าสนใจอีกหลายอย่างเช่นกัน ลองไปดูกันสักหน่อยว่ามันมีอะไรบ้าง

- รายแรกในประวัติศาสตร์
ในตอนแรกที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของ ลิเวอร์พูล นั้น หลายคนก็แสดงความไม่มั่นใจว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ดีให้กับทีมได้ แม้กระทั่ง "เดอะ ค็อป" บางคนเองก็ยังไม่มั่นใจในตัวเขาเลย แต่หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองมีดีพอกับบทบาทนี้ และความสำเร็จครั้งล่าสุดมันก็ทำให้ตอนนี้ เฮนเดอร์สัน ถือเป็นกัปตันทีมคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ได้ชูทั้งถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก/ดิวิชั่น 1, แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลีก คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ เลยทีเดียว

- ความยิ่งใหญของ ฟาน ไดค์
ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษนั้น ก่อนหน้านี้มีเพียง 2 คนที่ได้รับการโหวตให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทั้งในนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก และนัดชิงดำของ ลีก คัพ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเกิดขึ้นในฤดูกาลเดียวกัน โดย 2 คนที่ว่าคือ สตีฟ แม็คมานามาน และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ซึ่งล่าสุด เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ก็เข้าไปอยู่ในทำเนียบเดียวกับทั้ง 2 คนนั้นได้แล้ว

- คล็อปป์ กับเส้นทางสู่การเป็นตำนานหนึ่งเดียว
แน่นอนว่าเอาแค่ตอนนี้แฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคนก็คงจะยกให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นตำนานกุนซือคนหนึ่งของทีมแล้ว จากการที่เขาสามารถสร้างทีมให้กลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นยอดของวงการฟุตบอลทวีปยุโรปได้ และทำให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ก็กำลังมีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่เหนือกว่าอดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล ทุกคน เพราะในหน้าประวัติศาสตร์ 129 ปีของสโมสรนั้น ไม่เคยมีผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล คนไหนเลยที่พาทีมได้ทั้งแชมป์ลีกสูงสุด, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ ในตอนที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง ซึ่งแชมป์ที่ คล็อปป์ ยังขาดอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ก็มีเพียง เอฟเอ คัพ แค่รายการเดียวเท่านั้น และในซีซั่นนี้ทีมของเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์รายการดังกล่าวด้วย

- อาถรรพ์บอลถ้วยในประเทศ
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เชลซี เป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้เป็นกอบเป็นกำ เอาแค่ฤดูกาลก่อนพวกเขาก็ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาประดับตู้โชว์ของสโมสรเพิ่มไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันดูเหมือนว่า เชลซี จะไม่มีโชคกับการเล่นนัดชิงชนะเลิศของรายการฟุตบอลถ้วยภายในประเทศอังกฤษสักเท่าไหร่ เพราะหากนับรวมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ มันก็กลายเป็นว่าจากการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศเกมฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ 6 นัดหลังสุดนั้น เชลซี เป็นฝ่ายชวดแชมป์ถึง 5 ครั้ง โดยครั้งเดียวที่พวกเขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์คือ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2017-18 ที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0

- เคลเลเฮอร์ ถูกโฉลก
เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ผู้รักาประตู เชลซี โดนเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงท้ายของการต่อเวลาพิเศษเพราะ โธมัส ทูเคิ่ล เชื่อว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเซฟลูกจุดโทษ

ประเด็นก็คือ เคลเลเฮอร์ ถูกโฉลกกับการดวลเป้าใน ลีก คัพ มากๆ เหมือนกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งที่ 3 ที่นายทวารวัย 23 ปี ต้องเผชิญหน้ากับการดวลเป้าในรายการ ลีก คัพ และมันก็กลายเป็นว่าเขาเอาชนะได้หมดทั้ง 3 ครั้ง โดย 2 หนก่อนหน้านี้คือตอนเจอกับ อาร์เซน่อล ในรอบ 4 ของฤดูกาล 2019-20 และเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศของซีซั่นนี้ที่สนาม แอนฟิลด์