ลิเวอร์พูล มีภารกิจในการต้องออกไปเยือน เบนฟิก้า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก วันอังคารที่ 5 เมษายนนี้ โดยงานนี้ขุมกำลังของ "หงส์แดง" มาแบบฟูลทีม แถมผู้เล่นสำคัญอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น่าจะฟิตพร้อมกลับมาประจำการในตำแหน่งแบ็กขวา ขณะเดียวกันการบุกไปเยือนยอดทีมแห่งลีกฝอยทอง ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะหาก "หงส์แดง" ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ จะเป็นการยกระดับความมั่นใจและความฮึกเหิมก่อนเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมพรีเมียร์ลีก ช่งงสุดสัปดาห์นี้

1. สัญญาโม ซาลาห์

ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากเมื่อมีการเปิดเผยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กำลังจะเซ็นสัญญาใหม่กับ "หงส์แดง" หลังจากเรื่องนี้ยืดเยื้อกันมานานหลายเดือนและทำให้เสียสุขภาพจิตทั้งกับตัวนักเตะและสาวก "เดอะ ค็อป" แต่การที่มีรายงานหลุดออกมาว่า "บังโม" พร้อมที่จะฝากอนาคตเอาไว้ในถิ่นแอนฟิลด์ เพราะหากเขาเซ็นสัญญาฉบับนี้น่าจะทำให้เจ้าตัวอยู่โยงกับสโมสรจนกระทั่งแขวนสตั๊ด ฉะนั้นการที่เรื่องนี้ใกล้เคลียร์หมดทุกอย่าง น่าจะทำให้ ซาลาห์ ไม่ต้องมาเสียสมาธิกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว และจะได้โฟกัสไปที่การเล่นให้กับต้นสังกัดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการนำทีมลุ้นความสำเร็จถึง 4 รายการในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าการลงสนามปะทะกับ เบนฟิก้า คงจะเป็นโอกาสทองที่เขาจะได้ระบายทุกอย่างออกมาอย่างเต็มที่

2. เทรนต์กลับมายืนประจำตำแหน่ง

สำหรับอีกเรื่องที่แฟนบอล "หงส์แดง" รู้สึกแฮปปี้อย่างมากก็คือการที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และ คล็อปป์ ต้องส่งเขาลงสนามในเกมเยือนดินแดนโปรตุเกสชัวร์ แม้ว่าช่วง 2 เกมที่ผ่านมา โจ โกเมซ จะทำหน้าที่ได้ดีโดยเฉพาะแมตช์ล่าสุดเจ้าตัวโชว์ทักษะเปิดบอลริมเส้นอย่างแม่นยำให้ ดีโอโก้ โชต้า ทำประตู กระนั้นหาก "หนุ่มเทรนต์" ฟิตสมบูรณ์งานนี้ โกเมซ ก็คงต้องหลีกทางให้กับเขา แน่นอนว่าการได้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาร่วมทีมย่อมทำให้ "เดอะ เร้ดส์" เพิ่มอาวุธหนักและความอันตรายมากยิ่งขึ้นจากการเปิดบอลที่แม่นเหมือนจับวางของเขา สถิติการทำ 11 แอสซิสต์ในลีกไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ฉะนั้นนี่คือจุดแข็งที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องการอย่าง.มาก

3. โชต้า ฟอร์มกำลังเข้าฝัก

อนาคตของ ดีโอโก้ โชต้า เริ่มสั่นคลอนนับตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แถม หลุยส์ ดิอาซ แข้งใหม่ก็โชว์ฟอร์มสุดยอดสามารถทดแทนตัวเขาได้เป็นอย่างดีและสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงทางริมเส้นฝั่งซ้ายได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อ ดาวเตะชาวโปรตุกีส ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงอีกครั้งเจ้าตัวก็สามารถเรียฟอร์มเก่งกลับมาได้ทันที ล่าสุดก็เพิ่งซัด 1 ประตูในเกมชนะ วัตฟอร์ด ทำให้ตอนนี้ โชต้า ซัดไปแล้ว 20 ลูกจากการเล่นทุกรายการในซีซั่นนี้ (14 ประตูในพรีเมียร์ลีก) ฉะนั้นตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจสุดๆ และแน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ต้องการความเฉียบคมของ โชต้า ในการบุกดินแดนฝอยทองบ้านเกิดของเขา
 
4. เจ้าบ้านฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ

ขณะที่ ลิเวอร์พูล สามารถเก็บชัยชนะในลีก 10 เกมติดต่อกันสวนทางกับ เบนฟิก้า ที่ฟอร์มสะดุดก่อนจะรับมือทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ เนื่องจากพวกเขาแพ้ให้กับ บราก้า ในเกมลีกแดนฝอยทองซึ่งทำให้สถานการณ์ในการลุ้แชมป์แทบจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากตามหลัง เอฟซี ปอร์โต้ ถึง 12 คะแนนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลงานล่าสุดจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะลดความอันตราย อย่าลืมว่าเจ้าบ้านมีผู้เล่นชั้นดีหลายคน โดยเฉพาะ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกตัวเก่ง ที่สามารถทำให้ "หงส์แดง" น้ำตาร่วงได้เหมือนกับที่เขาเคยทำมาแล้วในการเขี่ย อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แน่นอนว่า ดาวยิงชาวอุรุกวัยยังอันตรายทุกวินาทีไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นำเป็นดาวซัลโวลีกโปรตุเกสจากการตะบันไป 21 ประตู
 
5. ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ฟูลทีม

งานนี้ คล็อปป์ คงปวดหัวสุดๆ เพราะตอนนี้ขุมกำลังของลิเวอร์พูลทุกตำแหน่งฟิตสมบูรณ์ นั่นทำให้การไปเยือน เบนฟิก้า จะทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมัน มีโอกาสวางแท็กติกได้อย่างเต็มที่จากการที่มีนักเตะใช้งานแบบครบบริบูรณ์

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล ที่ลงฝึกซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ 4 เม.ย.
ผู้รักษาประตู :  อลิสซง เบ็คเกอร์, ควีวิน เคลเลเฮอร์, อาเดรียน, มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า , ลอริส คาริอุส

กองหลัง : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โฌแอล มาติป, อิบราฮิม่า โกนาเต้, โจ โกเมซ, รีส วิลเลี่ยมส์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส

กองกลาง : ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลกันทาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เจมส์ มิลเนอร์

กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, ดีโอโก้ โชต้า, หลุยส์ ดิอาซ, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ทาคุมิ มินามิโนะ, ดิว็อค โอริกี้

6. เรียกความเชื่อมั่นก่อนยกทัพบุกเมืองแมนเชสเตอร์

ชัยชนะจากดินแดนโปรตุเกส เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับความมั่นใจของบรรดาขุนพล "หงส์แดง" เพราะแมตช์ต่อไปของพวกเขาก็คือการไปเยือน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมลีกวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายนนี้ ซึ่งหลายคนมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเกมชี้ชะตาแชมป์พรีเมียร์ลีก เลยทีเดียว ฉะนั้นการไปเยือน เบนฟิก้า ไม่ใช่แค่ความต้องการที่จะชนะเท่านั้นแต่ยังเป็นเรื่องของสภาพจิตใจด้วย เพราะหากพวกเขาไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แน่นอนว่าการบุกไปเอติฮัด สเตเดี้ยม คงเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันมหาศาล และนั่นอาจจะนำไปสู่การเล่นออกทะเลเลยก็ได้ แถมมีสิทธิ์ส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ในเกมต่อๆ ไปด้วย