พรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่พวกเขาเองครองแชมป์อยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงคว้า กาเซมิโร่ ดาวเตะทีม เรอัล มาดริด มาเสริมความแข็งแกร่งในราคาค่าตัวรวม 70 ล้านปอนด์ (ราว 3,010 ล้านบาท)

พรีเมียร์ลีก สร้างสถิติเหนือลีกอื่นๆในยุโรปด้วยการใช้เงินซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 รวมกันเป็นเงินสูงที่สุด 1.43 พันล้านปอนด์ (ราว 61,490 ล้านบาท) แต่ล่าสุดเมื่อ 20 ส.ค.เดอะ ซัน ยืนยันว่าลีกเมืองผู้ดีทุบสถิติของตัวเองลงแล้วในซัมเมอร์นี้หลัง ผีแดง จ่อดึง กาเซมิโร่ สตาร์ทีมชาติ บราซิล มาจาก ทีม ราชันชุดขาว ซึ่งถึงขณะนี้ทำให้ลีกอิงลิชมีการใช้เงินรวมกันสูงถึง 1.54 พันล้านปอนด์ (ราว 66,220 ล้านบาท)

และที่สำคัญ ตลาดซัมเมอร์นี้ยังเหลือเวลาอีก 11 วันให้ทีมใน พรีเมียร์ลีก ใช้เงินกันเพิ่มอีกด้วยโดย แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็ยังมีข่าวหวังเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เช่นเดียวกับ เชลซี เศรษฐีลอนดอนที่ยังชอปปิ้งไม่เสร็จ

ถึงขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ของกุนซือ เอริค เทน ฮาก ใช้เงินซื้อนักเตะใหม่ไปแล้วในหน้าร้อนนี้ 131.2 ล้านปอนด์ (ราว 5,641 ล้านบาท) แต่ยังเป็นรอง สิงห์บลูส์ ซึ่งควักกระเป๋าไปแล้วมากที่สุด 179.1 ล้านปอนด์ (ราว 7,701 ล้านบาท) หลังฉุด ราฮีม สเตอร์ลิ่ง , คาลิดู คูลิบาลี่ และ มาร์ค กูกูเรย่า มาเสริมทัพ แถมพวกเขายังสนใจพ่อค้าแข้งอีกหลายรายทั้ง เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังทีม เลสเตอร์ และ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง ดาวยิงทีม บาร์ซ่า

นอกจากสองทีมเงินถังคู่นี้ แล้ว ทีมน้องใหม่อย่าง ฟอเรสต์ ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่า ผีแดง อีกด้วยเป็นจำนวนเกินกว่า 140 ล้านปอนด์ (ราว 6,020 ล้านบาท) ขณะที่ อาร์เซน่อล ซื้อนักเตะใหม่เป็นเงิน 112 ล้านปอนด์ (ราว 4,816 ล้านบาท) จึงส่งผลให้ พรีเมียร์ลีก พังสถิติของตัวเองลงได้ราบคาบโดยในรายของ แมนฯ ซิตี้ เจียดเงิน 51 ล้านปอนด์ (ราว 2,193 ล้านบาท) ซื้อ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ทุ่มเงิน 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,655 ล้านบาท) คว้า ดาร์วิน นูนเญซ มาร่วมชายคา

กระนั้นก็ดี เดอะ ฟ็อกซ์ ยังไม่ได้ซื้อนักเตะใหม่ในซัมเมอร์นี้เลย แต่พวกเขายังมีเวลาจ่ายตลาดอีก 11 วันซึ่งคาดว่าถึงวันตลาดวาย ทีมใน พรีเมียร์ลีก อาจใช้เงินซื้อนักเตะใหม่ในซัมเมอร์นี้ทะลุหลัก 2 พันล้านปอนด์ (ราว 86,000 ล้านบาท) ก็เป็นได้